ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -หลังจากพุ่งแรงแซงโค้งมานาน...สำหรับการลงทุนทองคำในเมืองไทย ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือทางการลงทุนตัวใหม่ที่ได้รับการตอบรับจากนักลงทุน และประชาชนทั่วไปจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่แล้วเมื่อมีวัฏจักรขาขึ้นแบบสุดโต่ง วันนี้ก็อยู่ในช่วงแผ่วปลายลงมาบ้างแล้ว ...แต่ไม่ได้แผ่วแบบวูบ!ลงไปจนน่าใจหาย
ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำ แทบจะอยู่ในช่วงทรงตัวหรือไม่ขึ้นลงหวือหวาเหมือนในอดีต หลังจากที่ผ่านมาราคาปรับตัวขึ้นรับข่าวลือว่าสหรัฐฯ จะใช้มาตรการ QE3 โดยตลอด แต่เมื่อไม่มีการประกาศใช้ราคาก็ปรับตัวลงมา และเมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้QE3 จริง ก็มีผลให้ราคาทองคำปรับขึ้นมาได้ในระยะหนึ่งก่อนอ่อนตัวลงไปอีกครั้ง
ล่าสุด มี ข้อมูลจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และซื้อขายหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ระบุว่า นายจอร์จ โซรอส ได้เพิ่มการลงทุนในกองทุน Soros Fund Management 49% สู่ระดับ 1.32 ล้านหุ้นในไตรมาสที่ 3 ซึ่งถือว่าเป็นความเคลื่อนไหวของโซรอสในการกว้านซื้อทองคำครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา แม้ไมเคิล วาชอน โฆษกส่วนตัวของโซรอสปฏิเสธที่จะยืนยันข่าวการกว้านซื้อทองคำล็อตใหญ่ดัง กล่าว และปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ ต่อสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกเช่นกัน
เรื่องดังกล่าวสร้างความสนใจให้กับวงการทองคำโลก ที่จะต้องติดตามการเคลื่อนไหวของกองทุน Soros Fund Management ว่าในอนาคตต่อจากนี้ไป จะมุ่งในการลงทุนด้านใด เพราะหากมีการซื้อหรือขายทองคำเพิ่มอีก ด้วยขนาดกองทุนจำนวนมหาศาล และด้วยชื่อเสียงของพ่อมดการเงินอย่าง จอร์จ โซส ย่อมมีผลต่อราคาทองคำโลกทั้งในขาขึ้นและขาลง
สัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด ให้ความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้ให้ความสำคัญกับการซื้อทองคำของกองทุนของ จอร์จ โซรอสในรอบนี้เท่าไร เพราะข้อมูลก.ล.ต.สหรัฐฯ เปิดเผยนั้น เป็นข้อมูลที่ล่าช้าไปแล้วกว่า 45 วัน ซึ่งเป็นธรรมเนียมปกติของการลงทุนของกองทุนที่ต้องชี้แจงให้ก.ล.ต.สหรัฐฯได้รับทราบว่าในไตรมาสที่ผ่านมา กองทุนได้ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดไปบ้างแล้ว ซึ่งมีข้อกำหนดคล้ายตลาดหลักทรัพย์และก.ล.ต.เมืองไทย นั่นคือ ต้องรายงานให้รับทราบหลังจากจบไตรมาสนั้นๆ ภายใน 45 วัน
“ผมมองว่ามันเป็นข้อมูลที่ล่าช้าครับ เหตุการณ์น่าจะเกิดขึ้นมาได้แล้วอย่างช้าร่วม 45 วันไปแล้วที่กองทุนของจอร์จ โซรอส เพิ่มทองคำในพอร์ตเป็น49% ซึ่งในปัจจุบันนี้เราไม่อาจรู้ได้ว่ากองทุนดังกล่าวได้ขายทำกำไรทองคำจำนวนนั้นไปบ้างแล้วหรือยัง อีกประเด็นหนึ่งที่มองว่ามันขัดกันคือเมื่อช่วงต้นปีก่อน ซึ่งราคาทองคำ ขณะนั้นอยู่ที่ 1,250 เหรียญ/ออนซ์ จอร์จ โซรอส ที่บอกเองว่าราคาทองคำใกล้แตกแล้ว ไม่น่าลงทุน ทั้งที่เป็นช่วงที่ทองคำได้รัยความนิยมในการลงทุนมาก แต่พอมาช่วงนี้ราคาทองคำทรงตัวไม่แกว่งตัวมากนัก กลับมีเรื่องดังกล่าวออกมาว่าเข้าลงทุนในทองคำเพิ่ม”
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก ฝากเตือนนักลงทุนว่า ควรติดตามปัจจัยที่ผลกระทบต่อราคาทองคำในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง น่าจะเป็นข้อมูลที่ช่วยในการพิจารณาลงทุนได้ดีที่สุด โดยประเด็นที่นักลงทุนต้องคิดตามจากนี้ไป คือเรื่อง Fiscal Cliff หรือ หน้าผาการคลังของสหรัฐฯ ว่าจะเป็นเช่นไร จะแก้ไขได้หรือไม่ และติดตามเรื่องมาตการ QE3 ซึ่งอาจมีการขยายเพดานเงินที่ใช้ในการอัดฉีดต่อเดือนให้สูงขึ้นกว่า 40,000 ล้านเหรียญ ซึ่งจะมีผลให้ดอลลาร์อ่อนตัวลง และดันให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
ส่วนปัจจัยลบที่ยังคงกดดันราคาทองคำ ยังหนีไม่พ้นวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน เพราะหากสถานการณ์เลวร้ายหรือไม่ดีขึ้น ก็จะมีผลให้นักลงทุนหันไปลงทุนในดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า และจะมีผลกดดันให้ราคาทองคำอ่อนตัว
“ราคาทองคำที่ผ่านมา ผมมองว่าเมื่อมีมาตรการQE3 ประกาศใช้ออกมา ก็ทำให้ราคาทองคำค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้น ไม่ได้ขึ้นแรงเหมือนมาตรการQE1 และQE2 เพราะ2 มาตรการก่อนสหรัฐฯอัดฉีดเม็ดก้อนใหญ่ลงมาทีเดียวจึงมีผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปมาก แต่รอบนี้เขาอัดฉีดเดือนละ 40,000 ล้านเหรียญ ทำให้ราคาอยู่ลักษณะค่อยๆปรับตัว หากจะลดลงก็เชื่อว่าจะลดลงไม่มาก หรือวูบ!ลงไปหนักๆ เหมือนอดีต”
ด้าน พิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ยังต้องพิจารณาในเรื่องนี้ให้ดี เพราะถ้าหากมีการซื้อทองคำเพิ่มจริงด้วยขนาดกองทุนที่ใหญ่ น่าจะมีผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ ภาพรวมก็เชื่อว่ามีผลต่อราคาทองคำแค่ระยะสั้น ขณะเดียวกันอยากให้นักลงทุนไตร่ตรอง เพราะช่วงกลางปีที่ผ่านมา จอร์จ โซรอส ก็บอกเองว่าราคาทองคำกำลังเข้าสู่จุดถดถอยที่อาจจะร่วงไปถึง 1,200 เหรียญ/ออนซ์ แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่
“1-2 วันนับตั้งแต่มีข่าวกองทุน จอร์จ โซรอสออกมา ราคาทองคำก็ปรับตัวเปลี่ยนแปลงไม่มากขึ้นลงอยู่ประมาณ 10 เหรียญ/ออนซ์ เพราะถ้ากองทุนขนาดใหญ่แบบนี้ซื้อทองคำจริงถึงครึ่งของพอร์ตก็น่าจะขยับราคาทองขึ้นไปถึง 100 เหรียญ/ออนซ์ หากมองย้อนไปอีก 2-3 วันที่ผ่านมาราคาทองคำเปลี่ยนแปลง 30 - 40 เหรียญ/ออนซ์ ข่าวการซื้อทองคำจำนวนมากขนาดนี้ หากซื้อจริงล็อตใหญ่ย่อมมีผลกับราคาทองคำแน่ แต่เชื่อว่านี่อาจเป็นการทยอยซื้อ หรือเป็นการให้ข่าว เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาซื้อทองคำ แล้วทำการเก็งกำไรระยะสั้นก็เป็นไปได้”
โดยปัจจัยหลักๆ ที่มีผลต่อต่อราคาทองคำ ก็หนีไม่พ้น หน้าผาทางการคลังของสหรัฐฯ วิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน การปรับขึ้นของราคาน้ำมัน จากเหตุการณ์สู้รบของอิสราเอล ล่าสุด ก็เรื่องฝรั่งเศส ที่ถูกปรับลดอันดับเครดิต ตอนนี้เราต้องติดตามการต่ออายุมาตรการภาษี ต้องดูปัญหาหน้าผาการคลัง ดูว่ากรีซจะระดมเงินกว่า 40,000 ล้านยูโร มาชำระหนี้ในงวดที่ใกล้จะถึงได้หรือไม่”
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ...ก็อยากฝากเตือนนักลงทุนหรือผู้สนใจจะเข้าซื้อทองคำในช่วงนี้..ใจเย็นๆ พิจารณาข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้ดี หรือหากต้องการซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว 1ปี ก็ลองรับฟังความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ต่างชาติอย่าง ทอม เคนดัลล์ นักวิเคราะห์จาก “เครดิต สวิส กรุ๊ป เอจี” ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นผู้คาดการณ์ราคาทองคำที่มีความแม่นยำที่สุดในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ที่ระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่ราคาทองคำเฉลี่ยในช่วงไตรมาสสุดท้าย ของปีหน้าอาจอยู่ที่ราว 1,880 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ยอเคน ฮิตซ์เฟลด์ แห่ง “ยูนิเครดิต” คาดว่า ราคาทองคำในช่วงดังกล่าวจะอยู่ที่ราว 1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไว้บ้าง...แต่อย่าลืมว่าทุนการลงทุนมีความเสี่ยง!