xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดทองป่วนโซรอสฯทุ่มเงินซื้อเพิ่ม49%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - "“โซรอส ฟันด์ แมเนจเมนท์” ทุ่มเม็ดเงินมหาศาลเพิ่มการถือครองทองคำ 49% ช่วงไตรมาสที่ 3 ปลุกกระแสราคาทองคำพุ่งต่อเนื่อง คาดปลายปีราคาทองคำปรับ 12 % ด้านทอม เคนดัลล์ นักวิเคราะห์จาก “เครดิต สวิส กรุ๊ป เอจี” ราคาทองคำเฉลี่ยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีหน้าอาจอยู่ที่ราว 1,880 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ บล.ฟินันเซียไซรัส ระบุ โซรอส ฟันด์ฯเพิ่มถือทอง ผลกระทบด้านจิตวิทยา-ปัจจัยบวกตลาดทองระยะสั้น

แนวโน้มการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาทองคำในขณะนี้ ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มของราคาทองคำครั้งที่ยาวนานที่สุดในรอบกว่า “9 ทศวรรษ” จะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2013 โดยล่าสุดพบความเคลื่อนไหวของพวกนักลงทุนและพ่อมดการเงินทั่วโลก รวมถึง “จอร์จ โซรอส” ที่เริ่มทุ่มเงินซื้อทองคำมากักตุนไว้มหาศาลบรรดานักวิเคราะห์จากหลายสำนักต่างลงความเห็นว่า ราคาทองคำจะพุ่งสูงขึ้น ในทุกๆไตรมาสของปีหน้าและราคาเฉลี่ยอยู่ที่ราว 1,925 ดอลลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี ซึ่งหมายความว่า ราคาทองคำจะปรับสูงกว่าขณะนี้ถึง 12 เปอร์เซ็นต์

ขณะเดียวกันมีรายงานซึ่งอ้างข้อมูลจาก คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และซื้อขายหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ว่า กองทุน “โซรอส ฟันด์ แมเนจเมนท์” ของนายจอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินชื่อก้องชาวอเมริกัน เชื้อสายฮังการี วัย 82 ปี ได้เพิ่มการถือครองทองคำ 49 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา ถือเป็นความเคลื่อนไหวของโซรอสในการกว้านซื้อทองคำครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา เช่นเดียวกับนักลงทุนอีกหลายรายทั่วโลก

อย่างไรก็ดี ไมเคิล วาชอน โฆษกส่วนตัวของโซรอสปฏิเสธที่จะยืนยันข่าวการกว้านซื้อทองคำล็อตใหญ่ดังกล่าว และปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ ต่อสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกเช่นกัน

ด้านทอม เคนดัลล์ นักวิเคราะห์จาก “เครดิต สวิส กรุ๊ป เอจี” ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นผู้คาดการณ์ราคาทองคำที่มีความแม่นยำที่สุดในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่ราคาทองคำเฉลี่ยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีหน้าอาจอยู่ที่ราว 1,880 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ขณะที่ยอเคน ฮิตซ์เฟลด์ แห่ง “ยูนิเครดิต” คาดว่า ราคาทองคำในช่วงดังกล่าวจะอยู่ที่ราว1,950 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง กรณีที่ กองทุน “โซรอส ฟันด์ แมเนจเมนท์” ของนายจอร์จ โซรอส ได้เพิ่มการถือครองทองคำ 49 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมาว่า ในระยะสั้นถือเป็นปัจจัยด้านจิตวิทยาเชิงบวกต่อราคาทองคำ ให้สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นมาได้ แต่โดยทั่วไปหรือที่ผ่านมา เมื่อเวลาที่ นายจอร์จ โซรอส เข้ามาทำธุรกรรมเกี่ยวกับทองคำมักจะมีผลตรงกันข้ามกับสิ่งที่ควรจะเป็นมาตลอด โดยถ้ามีข่าวว่าเข้าซื้อ แทนที่ราคาทองคำจะปรับเพิ่มขึ้น ปรากฏว่ากลับปรับตัวลง หรือเวลาที่จะขาย แทนที่จะปรับตัวลง ราคาทองคำกลับปรับขึ้น

ด้านบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ประเมินแน้วโน้มวันนี้ (21พ.ย.) ว่า ความตึงเครียดเกี่ยวกับการสู้รบระหว่างอิสราเอล กับ กลุ่มติดอาวุธฮามาสปาเลสไตน์ ซึ่งปะทะกันบริเวณฉนวนกาซา ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 106 ราย โดยรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล เปิดเผยว่า อิสราเอลจะยังคงเดินหน้าโจมตีฉนวนกาซาและอาจจะเพิ่มความรุนแรงของปฏิบัติการณ์ ซึ่งสถานการณ์การสู้รบที่รุนแรงมากขึ้นในตะวันออกกลางจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน ซึ่งเป็นแรงหนุนให้กับตลาดทองคำ ขณะที่รัฐบาลกรีซได้ออกกฎระเบียบหลักๆ 2 ข้อ ซึ่งลงรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการกำกับดูแลการปรับเปลี่ยนด้านการคลัง และการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความเชื่อมั่นว่ากรีซจะได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินมูลค่า 4.4 หมื่นล้านยูโรจากยูโรโซนเพื่อช่วยให้กรีซสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้ เพราะหากกรีซไม่ได้รับเงินกู้ดังกล่าว ก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจกรีซล่มสลายภายในสิ้นปีนี้ และอาจถูกบีบให้กรีซต้องออกจากกลุ่มยูโรโซน และยังอาจจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อระบบการเงินทั่วโลก โดยสถานการณ์ดังกล่าวยังคงสร้างความกังวลซึ่งนักลงทุนเพิ่มระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น

นอกจากนี้ในวันพฤหัสบดีนี้จะมีการประชุม EU conomic Summit ขึ้นอีกครั้ง ทำให้การเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังคงไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน ส่งผลให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ โดยเฉลี่ยจะเคลื่อนไหวเฉลี่ยวันละ 15-25 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามวายแอลจีให้ข้อสังเกตุว่า เมื่อราคาอ่อนตัวลงยังคงมีแรงซื้อเข้ามายังตลาดทองคำแสดงให้เห็นว่านักลงทุนต่างเริ่มเข้ามาถือทองคำท่ามกลางสภาวะปัญหาทางเศรษฐกิจโลก ทำให้นักลงทุนจำเป็นต้องติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี แนะนำรอจังหวะเข้าซื้อโดยสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มากอาจเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณ 1,722 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้รอดูบริเวณแนวรับ 1,717หรือ 1,704 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้านแรกที่ 1,742 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนที่เหลือให้รอไปปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุ
กำลังโหลดความคิดเห็น