เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - จอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินชื่อก้องโลก ออกโรงจวกเยอรมนีทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่เลือกให้ความสำคัญต่อการบังคับใช้มาตรการรัดเข็มขัดที่เข้มงวดกับประเทศสมาชิกยูโรโซนที่ประสบปัญหามากกว่าการคำนึงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของยุโรป พร้อมเตือนพวกมาตรการรัดเข็มขัดทั้งหลาย รังแต่จะทำให้ยุโรปแตกแยกหนักระหว่างชาติเจ้าหนี้กับลูกหนี้
พ่อมดการเงินชาวอเมริกันเชื้อสายฮังกาเรียน วัย 82 ปี แสดงจุดยืนดังกล่าวผ่านบทความชิ้นล่าสุด ที่มีการตีเผยแพร่ผ่านหนังสือพิมพ์ของ “โปรเจกต์ ซินดิเคต” องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรชื่อดังในกรุงปรากของสาธารณรัฐเช็ก โดยย้ำว่าถึงเวลาแล้วที่ยุโรปจะต้องเลิกใช้นโยบายที่มีเป้าประสงค์เพื่อจัดการกับวิกฤตหนี้สินแต่เพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจผลกระทบรอบข้าง และควรหันมาใช้แนวทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยส่งเสริมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคแทน
“ที่ผ่านมายุโรปดูจะให้ความสำคัญกับพวกมาตรการรัดเข็มขัดต่างๆ มากเกินไป โดยหารู้ไม่ว่าแนวทางดังกล่าวรังแต่จะทำให้ยุโรปแตกแยกยิ่งขึ้น ทุกวันนี้ในยุโรปดูจะมีแต่เจ้าหนี้และลูกหนี้เท่านั้น ความรู้สึกร่วมของการเป็นพลเมืองยุโรปดูจะเลือนหายไปเกือบหมดแล้ว” โซรอสกล่าว พร้อมตำหนิเยอรมนีในฐานะชาติที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรป ที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการแก้ปัญหาหนี้สินของสมาชิกกลุ่มยูโรโซน หรือ 17 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินตราสกุลหลัก ด้วยการบังคับใช้มาตรการรัดเข็มขัดอย่างเข้มงวด
โซรอสชี้ว่า เหตุประท้วงของประชาชนจำนวนนับแสนคนทั้งที่เกิดขึ้นในกรีซ สเปน และโปรตุเกสในช่วงที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าประชาชนในประเทศที่เป็น “ลูกหนี้” เริ่มหมดความอดทนต่อการวางอำนาจของพวกประเทศ “เจ้าหนี้” อย่างเยอรมนี ที่เข้ามากดดันและแทรกแซงให้รัฐบาลของประเทศต่างๆ ต้องยินยอมบังคับใช้มาตรการรัดเข็มขัดที่เข้มงวด และปรากฏการณ์ลุกฮือของประชาชนดังกล่าวถือเป็น “เชื้อไฟ” ที่อาจลุกลามนำไปสู่การแตกสลายของยุโรปได้ในที่สุด
“เยอรมนีแทบมิได้แสดงบทบาทใดๆ เพื่อช่วยโอบอุ้มยุโรปให้ก้าวผ่านวิกฤตไปด้วยกัน เพราะที่ผ่านมาดูเหมือนรัฐบาลเบอร์ลินดูจะสนใจแค่ว่าประเทศลูกหนี้ของตนจะสามารถใช้หนี้คืนได้เมื่อใดเท่านั้น โดยไม่สนใจว่ามาตรการอันเข้มงวดต่างๆที่ตนบังคับใช้ ได้ทำให้ประชาชนในประเทศลูกหนี้มีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก” โซรอสกล่าวย้ำ
