ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -หากจะหยิบยกใครคนหนึ่งที่เหมาะสมและคู่ควรแก่คำว่ากร่างได้อย่างเต็มปากเต็มคำในประเทศไทยสักคน เชื่อได้แน่ว่าชื่อของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อยู่ในทำเนียบดังกล่าวแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเป็นที่รับรู้และชินตาในสายตาประชาชนในท่าทางและคำพูดอันน่าหมั่นไส้ของ เป็ดเหลิมกันทั่วบ้านทั่วเมือง
ล่าสุด เป็ดเหลิมได้ประกาศศักดาความกร่าง สมยี่ห้อความเป็นอัตลักษณ์ของตัวเขาเองอีกครั้ง ในกรณีเปิดศึกในวิวาทะแสบทรวง แลกหมัดอย่างดุเดือดระหว่างนักข่าวผู้คร่ำควอดในแวดวงการเมือง 'สมจิตต์ นวเครือสุนทร' จากช่อง 7 กับนักการเมืองผู้ทรงเกียรติผู้ครองตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี อย่างเป็ดเหลิม
เรื่องของเรื่องก็คือ เหตุเกิดขึ้นเมื่อวัน 15 พ.ย. ที่ผ่านมา บริเวณรัฐสภา ระหว่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามภายใต้การนำพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้ายว่า "จะมาไม่มาก แต่มีบางพรรคการเมืองขนคนมาร่วมชุมนุมด้วย ซึ่งให้ประชาชนตัดสินธาตุแท้ของพรรคการเมืองนี้ว่า นิยมไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง"
ขณะนั้น น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ได้ถามว่า "มีข่าวว่าท่านได้มีคำสั่งไปยังตำรวจ ให้สกัดเส้นทางเข้ากรุงเทพฯของประชาชน" ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม ได้ปฏิเสธ
น.ส.สมจิตต์ ถามต่อว่า "ในช่วงที่มีการชุมนุมมีกระแสข่าวว่าท่านจะไปอยู่จังหวัดเชียงราย" ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม ได้ถามกลับว่า "ไปทำไม"
น.ส.สมจิตต์ ถามว่า "ท่านในฐานะที่เป็นรองนายกฯดูแลความมั่นคง จะอยู่ดูแลความมั่นคงของประเทศใช่ไหม ร.ต.อ.เฉลิม ตอบกลับว่า "คุณสมจิตต์เอาอะไรมาบอกว่าผมเป็นรองฝ่ายความมั่นคง เขาไม่ได้ตั้ง เนี่ยไปอยู่พรรคประชาธิปัตย์จนชินเลยไม่รู้อะไร ฝักใฝ่ประชาธิปัตย์มากเกินไปถึงเป็นอย่างงี้"
น.ส.สมจิตต์ พูดว่า "ท่านกล่าวหาแบบนี้หนูฟ้องท่านได้" ร.ต.อ.เฉลิม ได้บอกว่า "ให้นักข่าวสาวคนดังกล่าวไปฟ้องร้องที่ สน.ดุสิตได้" และเดินเข้าไปเซ็นชื่อในอาคารรัฐสภา
หลังจากที่ ร.ต.อ.เฉลิม เซ็นชื่อเสร็จ น.ส.สมจิตต์จึงเปิดประตูและตะโกนเรียก ร.ต.อ.เฉลิม ทำให้ ร.ต.อ.หยุดเดิน ก่อนที่น.ส.สมจิตต์จะถามว่า “ถ้าการที่ท่านกล่าวหาหนูว่าฝักใฝ่ประชาธิปัตย์ ไม่ใช่การหมิ่นประมาท แล้วถ้าหนูเรียกท่านว่าขี้ข้า......จะเป็นการหมิ่นประมาทหรือไม่”
คำถามดังกล่าวทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม ตอบกลับมาว่า “อย่างนี้หมิ่นประมาท” นางสาวสมจิตต์ จึงตอบกลับไปว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านก็สามารถใช้สิทธิแจ้งความที่ สน.ดุสิตได้เหมือนกับที่แนะนำให้หนูไปทำ"
ทำเอา เป็ดเหลิม ปรี๊ดแตก ถึงกับประกาศกร้าวกลางทำเนียบรัฐบาล ของดสำให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนทักสังกัดหากมีนักข่าวสังกัดช่อง 7 ผู้นี้อยู่ในกลุ่ม เพราะคงเจ็บปวดรวดร้าวกับการยิงคำถามที่แรงและตรงประเด็นของสมจิตต์
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาด้วยความเป็นธรรมแล้ว คำถามของน.ส.สมจิตต์ก็ไม่ได้เห็นว่าจะเกินเลยไปจาวจ้วงหรือหมิ่นประมาท กดดันอะไร เป็ดเหลิม เพราะในแต่คำถามก็ล้วนมีกระแสข่าวดังกล่าวมาแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นข่าวที่ เป็ดเหลิม จะปัดความรับผิดชอบหนีม็อบไป จ.เชียงราย ซึ่งมันก็ถูกและสมควรแล้วที่ ตำแหน่งหน้าที่ของเป็ดเหลิม มันก็สมควรแก่การตั้งคำถามอยู่แล้ว เพราะตำแหน่งก็ตำตาคาที่อยู่แล้วว่าต้องดูแลความมั่นความมั่นคงตามปกติอยู่แล้ว
อย่างนี้ก็ต้องเรียกว่า เข้าข่ายลิดรออดสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนเต็มๆ เพราะเป็ดเหลิม ด้วยหน้าที่เป็นถึงรองนายกรับมนตรี เป็นผู้บริหารประเทศเหตุใดถึงขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์ลิดรอนสิทธิเสรีภาพผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนักกับคนอย่างเป็ดเหลิม แต่ในความเป็นจริงคนอย่างเป็ดเหลิม มีหน้าที่ในการอธิบายให้ประชาชนได้รู้ว่าคนระดับรองนายกฯ จะทำอะไรในเรื่องอะไร สื่อมวลชนทำหน้าที่ของเขา สื่อจะเป็นฝ่ายไหนก็แล้วแต่ก็มีสิทธิที่จะสอบถามข้อมูลเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ ฉะนั้นผู้ที่ทำหน้าที่บริหารประเทศไม่มีสิทธิที่จะเลือกกลุ่ม
ปกติแล้วนักข่าวไม่อยากตอแยกับร.ต.อ.เฉลิมมากนัก เป็นที่รับรู้โดยทั่วกันว่าการตอบคำถามหลายครั้งยียวนเล่นสำนวนกวนประสาท ยิ่งถ้าผู้สื่อข่าวยิงคำถามตอแยจะเจอสีหน้าที่ขึงขังดุดัน เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อนักข่าว นอกจากการวางก้ามเหมือนรัฐมนตรีนักเลงแล้ว ความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีอาวุโสมากกว่า สังคมไทยก็มักจะให้ความเคารพ ไม่ต่อปากต่อคำมาก แต่สำหรับคนทั่วไปในสังคม เชื่อขนมกินได้เลยว่า คงรู้สึกสะใจในคำพูดของนางสาวสมจิตต์ไม่น้อยเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี ต้องบอกว่านอกจากจะไม่รู้สึกรู้สา พฤติกรรมอะไรทั้งสิ้นของตัวเอง สำหรับเป็ดเหลิม ซึ่งประเด็นดังกล่าว ยังถูกนำไปขยายต่อมาอีกเพียงไม่กี่วันในการสัมภาษณ์ โดยผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านตั้งใจโจมตีพวกที่เป็นสมุนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “อ๋อ คุณสมจิตต์ (นวเครือสุนทร) นักข่าวช่อง 7 เขาว่าผมเป็นขี้ข้าทักษิณ โถ คุณสมจิตต์แม่คุณทูนหัว นี่เพิ่งรู้หรือ ผมเป็นมาตั้งนานแล้ว”
เรียกว่าชัดเจนแจ่มแจ้ง ไม่ต้องมีคำอธิบายเพิ่มเติม ไม่อายใครหน้าใดสมกับเป็นข้าทาสอันดับหนึ่งตระกูลชินวัตรแบบสมราคาจริงๆ เพราะเป็นที่รับรู้กันอย่างดีอีกเช่นกันว่า วันนี้วันที่ เป็ดเหลิม มีหน้าที่การงานเจริญรุ่งเรืองเป็นถึงรองนายกฯ เป็นถึงผู้สำเร็จราชการแทนนายกฯ ก็ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะฝีปากการเชลียร์ นช.ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นนายของเขาแบบล้วนๆ ซึ่งสำหรับเขาแล้วการออกมาประกาศเช่นนี้มันก็สะท้อนให้เห็นถึงความภาคภูมิใจของเขาเสียเหลือเกินที่พร้อมปวารณาถวายชีวิตให้ นช.ทักษิณ ในฐานะนักโทษหนีคุกมีคดีติดตัวยาวเป็นหางว่าว
ขณะเดียวกัน พฤติกรรมอันน่าภาคภูมิใจของ เป็ดเหลิม ยังไม่หมดแค่นั้น เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำการสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 4 และศาลพระภูมิประจำ ตร.ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
แต่ที่เด็ดดวงก็คือ หลังจากที่ ร.ต.อ.เฉลิมให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเสร็จสิ้น ได้เดินเข้าไปยังอาคาร 1 ตร.โดยมีหญิงสาวสวย 2 คน ลักษณะคล้ายพริตตี้ หรือ พนักงานต้อนรับ ที่อยู่ในชุดกระโปรงสั้น เสื้อแขนกุด มายืนดักรออยู่บริเวณประตูทางอาคาร ก่อนจะยกมือไหว้รองนายกฯ พร้อมกับพูดว่า “เชิญค่ะท่าน” และเดินตาม ร.ต.อ.เฉลิม เข้าไปยังสำนักงานส่วนตัว ที่มี พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.(มค 2) ตามเข้าไปยังห้องสำนักงานดังกล่าว
ฉับพลันทันที เป็ดเหลิมก็ได้ออกมาแก้ตัวน้ำขุ่นทันควันตามสไตล์ว่า “ไทยโพสต์ไปเขียนเลยเถิด การไป สตช.เพื่อไปกราบสักการะ ร.4 ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ลูกน้องก็สั่งอาหารมาให้รับประทาน คนสั่งไม่ใช่ตำรวจแต่เป็น “โจ้” น้องรัก เป็นชาวบ้าน ก็หาเด็กมาให้เสิร์ฟ เพราะรู้ว่าผมไม่ชอบใช้ตำรวจ ไวน์ก็ไม่ได้ทาน ใครมากินตอนเที่ยง ไร้สาระ ส่ง 2 สาวมาเสิร์ฟให้ผม มันเป็นอะไร เอ้อ ประหลาด แล้วไปหาว่าตำรวจจัดมาให้ ไม่มี ผมไม่เคยใช้งบราชการ ของหลวง และโดยอย่างยิ่งไม่นิยมใช้ตำรวจเพราะเขามีศักดิ์ศรี เด็กเสิร์ฟลูกน้องส่งมาให้ก็เท่านั้น ทั้งนี้ ตำรวจ ทหารเจอกันก็มักสวมกอด จับมือ ทุบไหล่ ตบหลัง เท่านั้นเอง ไม่ใช่พลเรือน อยู่กองปราบฯ มาตั้ง 11 ปี ไม่ใช่เป็นพลเรือนแล้วมาเล่นการเมือง เจอกันก็ตบไหล่ ตบหลัง กอดกันก็เท่านั้นเอง”
โอ พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่านี่คือพฤติกรรมและคำพูดของคนระดับรองนายกฯ ซึ่งถ้าจะถามถึงความเหมาะสมในเรื่องดังกล่าวเพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติถือเป็นสถานที่ราชการ จะมีการมาให้เด็กเสิร์ฟมาเดินป่วนเปี้ยน แต่งตัววาบหวาม พร้อมเสิร์ฟไวน์ ก็ใช่เรื่องเสียที่ไหน แถมเท่านั้นยังไม่พอยังติดสอยห้อยตามเข้าที่ประชุมอีกด้วยซ้ำไป อย่ากระนั้นเลยเรื่องนี้ใน วงการก็เป็นที่รับรู้กันเป็นอย่างดีว่า เป็น"ธรรมเนียมบริการนาย" อย่างหนึ่งนั้นเอง
ดังนั้นแล้วคงต้องถามว่า พฤติกรรมต่างๆ นานา ของเป็ดเหลิม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ไม่ว่าจะเป็นกร่างใส่สื่อมวลชน เมาเหล้าในสภา ผู้เขียนบทแพะรับบาทให้ไอ้ปื๊ด พาสาวบริการเสิร์ฟเข้าสถานที่ราชการ ยอมรับอย่างภาคภูมิใจว่าเป็นขี้ข้า นช.ทักษิณ เรียกว่าหาเรื่องเจริญได้ยากเต็มทน แล้วยังนี้น่ะหรือสมควรจะอยู่ในตำแหน่งและบริหารประเทศต่อไป ซึ่งสมควรแล้วที่ประชาชนเขาจะออกมาแห่ไล่คนอย่างเป็ดเหลิมและรัฐบาลขี้ข้านช.ทักษิณไปให้พ้นๆ ลูกหูลูกตาเสียที