ASTVผู้จัดการรายวัน - สรรพสามิตเผยยอดรถคันแรกมีผู้ยื่นขอใช้สิทธิ์ 494,951 คัน คิดเป็นเงินที่ต้องจ่ายคืน 36,509 ล้านบาท “สมชาย พูลสวัสดิ์” มั่นใจทะลุ 5 แสนคันภายในสิ้นปี พร้อมสั่งการเจ้าหน้าที่เพิ่มความสะดวกประชาชนที่เดินทางมาขอใช้สิทธิทั่วประเทศอย่างเต็มที่เปิดทำการรับเอกสารจนถึง 31 ธ.ค.55
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดี กรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ยอดการใช้สิทธิ์ของคืนเงินภาษีตามโครงการรถยนต์คันแรกว่า ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน มีผู้ยื่นขอใช้สิทธิ์ทั้งสิ้น 494,951 คัน คิดเป็นเงินที่ต้องจ่ายคืน 36,509 ล้านบาท ซึ่งยอดเพิ่มขึ้นมากในระยะหลังๆ ส่วนหนึ่ง เพราะมีการยื่นขอใช้สิทธิ์ใบจองซื้อตามเงื่อนไขที่ขยายระยะเวลาเพิ่มเติม เข้ามาสมทบกับกลุ่มที่ได้รับมอบรถยนต์แล้วและยื่นขอคืนเงินด้วย ซึ่งขณะนี้ชัดเจนว่า ยอดการขอคืนเงินในโครงการมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5 แสนคันแน่นอน แต่ต้องรอข้อมูลการยื่นขอใช้สิทธิ์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 นี้ก่อนจึงจะสรุปตัวเลขที่ชัดเจนได้ว่า ยอดรถยนต์ที่เข้าโครงการและเงินภาษีที่ต้องทั้งสิ้นเท่าใด
สำหรับสาเหตุที่มีผู้สนใจเข้าโครงการมาก อาจจะเพราะเห็นชัดเจนว่า รัฐบาลคืนเงินให้กับผู้เข้าโครงการเมื่อครบ 1 ปีจริง โดยงวดแรกที่จ่ายไปคือวันที่ 1 ตุลาคม 2555 จากเดิมที่อาจไม่แน่ใจ รวมถึงการขยายระยะเวลาการส่งมอบรถยนต์ด้วยว่า ไม่จำกัดเวลาแน่นอน เพียงแต่เมื่อได้รับมอบรถยนต์แล้ว จะต้องยื่นเอกสารหลักฐานต่อกรมสรรพสามิตภายใน 90 วันก็เป็นปัจจัยสนับสนุนด้วย โดยขณะนี้กรมบัญชีกลางเองได้ปรับระยะเวลาการคืนเงินให้ง่ายและสะดวกขึ้นเหลือเพียงเดือนละ 1 ครั้ง จากเดิมที่กำหนดจ่ายเงินทุกวันที่ 5 และ 20 ของทุกเดือน ซึ่งอาจจะเป็นช่วงต้นเดือน เพื่อเลี่ยงปัญหาไม่ให้ไปชนกับช่วงการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ
“ขณะนี้ยอดการขอใช้สิทธิ์ก็เข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งชัดเจนว่า ทะลุ 5 แสนคันแน่นอน ส่วนเงินที่จะคืนเองก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะไม่ได้คืนทั้งหมดในปีเดียว แต่จะเป็นการทยอยคืนให้กับผู้ยื่นขอใช้สิทธิ์ อย่างในงบประมาณปี 2556 ได้ตั้งไว้ 7.5 พันล้านบาท แต่เมื่อประมาณการดูว่าจะต้องใช้ถึง 1.8 หมื่นล้านบาท ทางกรมบัญชีกลางก็ได้ยื่นขอใช้งบกลางไปก่อน 1.1 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในเร็วๆนี้” นายสมชายกล่าว
นายสมชายกล่าวว่า กรมสรรพสามิตได้เตรียมความพร้อมในรองรับการยื่นขอคืนเงินในโครงการรถยนต์คันแรกในช่วงสิ้นปีไว้แล้วว่า ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่สรรพสามิตทุกพื้นที่ ทำงานไปจนถึงหมดเวลาราชการวันที่ 31 ธันวาคม แม้ว่าจะเป็นวันหยุดราชการ แต่ยังสามารถยื่นผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้จนถึงเที่ยงคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ขณะเดียวกันที่กรมสรรพสามิตเองได้เพิ่มเคาน์เตอร์การยื่นรับเอกสารจากประชาชนเป็น 28 โต๊ะมา 2-3 สัปดาห์แล้ว เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว หลังจากที่เห็นว่าประชาชนเข้ามายื่นเอกสารจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีปัญหาในการยื่นเอกชนแต่อย่างใด
สำหรับประชาชนที่เข้าโครงการและจะได้รับสิทธิ์คืนเงิน ตามเงื่อนไขที่ครม.ขยายเวลาการรับมอบรถยนต์นั้น กำหนดๆไว้ว่า จะต้องจองซื้อและยื่นขอรับสิทธิ์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ดังนั้นผู้ที่ไปจองซื้อรถยนต์นั้น มีหน้าที่ มายื่นขอรับสิทธิ์ที่กรมสรรพสามิตก่อน โดยไม่ได้จำกัดเวลาว่า จะรับมอบรถยนต์เมื่อใด และเมื่อรับมอบรถยนต์แล้ว จึงมีหน้าที่ต้องมียื่นเอกสารหลักฐานตามที่กำหนดไว้อีกครั้งภายใน 90 วัน ส่วนผู้ที่จองซื้อตามเงื่อนเดิมนั้น จะต้องยื่นเอกสารหลักฐานหลังมอบรถยนต์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 เช่นกัน.
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดี กรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ยอดการใช้สิทธิ์ของคืนเงินภาษีตามโครงการรถยนต์คันแรกว่า ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน มีผู้ยื่นขอใช้สิทธิ์ทั้งสิ้น 494,951 คัน คิดเป็นเงินที่ต้องจ่ายคืน 36,509 ล้านบาท ซึ่งยอดเพิ่มขึ้นมากในระยะหลังๆ ส่วนหนึ่ง เพราะมีการยื่นขอใช้สิทธิ์ใบจองซื้อตามเงื่อนไขที่ขยายระยะเวลาเพิ่มเติม เข้ามาสมทบกับกลุ่มที่ได้รับมอบรถยนต์แล้วและยื่นขอคืนเงินด้วย ซึ่งขณะนี้ชัดเจนว่า ยอดการขอคืนเงินในโครงการมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5 แสนคันแน่นอน แต่ต้องรอข้อมูลการยื่นขอใช้สิทธิ์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 นี้ก่อนจึงจะสรุปตัวเลขที่ชัดเจนได้ว่า ยอดรถยนต์ที่เข้าโครงการและเงินภาษีที่ต้องทั้งสิ้นเท่าใด
สำหรับสาเหตุที่มีผู้สนใจเข้าโครงการมาก อาจจะเพราะเห็นชัดเจนว่า รัฐบาลคืนเงินให้กับผู้เข้าโครงการเมื่อครบ 1 ปีจริง โดยงวดแรกที่จ่ายไปคือวันที่ 1 ตุลาคม 2555 จากเดิมที่อาจไม่แน่ใจ รวมถึงการขยายระยะเวลาการส่งมอบรถยนต์ด้วยว่า ไม่จำกัดเวลาแน่นอน เพียงแต่เมื่อได้รับมอบรถยนต์แล้ว จะต้องยื่นเอกสารหลักฐานต่อกรมสรรพสามิตภายใน 90 วันก็เป็นปัจจัยสนับสนุนด้วย โดยขณะนี้กรมบัญชีกลางเองได้ปรับระยะเวลาการคืนเงินให้ง่ายและสะดวกขึ้นเหลือเพียงเดือนละ 1 ครั้ง จากเดิมที่กำหนดจ่ายเงินทุกวันที่ 5 และ 20 ของทุกเดือน ซึ่งอาจจะเป็นช่วงต้นเดือน เพื่อเลี่ยงปัญหาไม่ให้ไปชนกับช่วงการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ
“ขณะนี้ยอดการขอใช้สิทธิ์ก็เข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งชัดเจนว่า ทะลุ 5 แสนคันแน่นอน ส่วนเงินที่จะคืนเองก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะไม่ได้คืนทั้งหมดในปีเดียว แต่จะเป็นการทยอยคืนให้กับผู้ยื่นขอใช้สิทธิ์ อย่างในงบประมาณปี 2556 ได้ตั้งไว้ 7.5 พันล้านบาท แต่เมื่อประมาณการดูว่าจะต้องใช้ถึง 1.8 หมื่นล้านบาท ทางกรมบัญชีกลางก็ได้ยื่นขอใช้งบกลางไปก่อน 1.1 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในเร็วๆนี้” นายสมชายกล่าว
นายสมชายกล่าวว่า กรมสรรพสามิตได้เตรียมความพร้อมในรองรับการยื่นขอคืนเงินในโครงการรถยนต์คันแรกในช่วงสิ้นปีไว้แล้วว่า ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่สรรพสามิตทุกพื้นที่ ทำงานไปจนถึงหมดเวลาราชการวันที่ 31 ธันวาคม แม้ว่าจะเป็นวันหยุดราชการ แต่ยังสามารถยื่นผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้จนถึงเที่ยงคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ขณะเดียวกันที่กรมสรรพสามิตเองได้เพิ่มเคาน์เตอร์การยื่นรับเอกสารจากประชาชนเป็น 28 โต๊ะมา 2-3 สัปดาห์แล้ว เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว หลังจากที่เห็นว่าประชาชนเข้ามายื่นเอกสารจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีปัญหาในการยื่นเอกชนแต่อย่างใด
สำหรับประชาชนที่เข้าโครงการและจะได้รับสิทธิ์คืนเงิน ตามเงื่อนไขที่ครม.ขยายเวลาการรับมอบรถยนต์นั้น กำหนดๆไว้ว่า จะต้องจองซื้อและยื่นขอรับสิทธิ์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ดังนั้นผู้ที่ไปจองซื้อรถยนต์นั้น มีหน้าที่ มายื่นขอรับสิทธิ์ที่กรมสรรพสามิตก่อน โดยไม่ได้จำกัดเวลาว่า จะรับมอบรถยนต์เมื่อใด และเมื่อรับมอบรถยนต์แล้ว จึงมีหน้าที่ต้องมียื่นเอกสารหลักฐานตามที่กำหนดไว้อีกครั้งภายใน 90 วัน ส่วนผู้ที่จองซื้อตามเงื่อนเดิมนั้น จะต้องยื่นเอกสารหลักฐานหลังมอบรถยนต์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 เช่นกัน.
