สรรพสามิตปลื้ม ประชาชนแห่ใช้สิทธิรถคันแรกทะลัก 3.2 แสนราย ยันรัฐบาลไฟเขียวเดินหน้าโครงการถึงที่สุด
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้มีประชาชนสนใจเข้ายื่นขอใช้สิทธิในโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรก ไม่เกิน 1 แสนบาทแล้ว จำนวน 3.2 แสนราย คิดเป็นวงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ถือว่าขณะนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีจากตัวเลขของประชาชนที่ทยอยเข้าร่วมโครงการ
ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากสิ้นสุดโครงการในวันที่ 30 ธ.ค.2555 น่าจะมีประชาชนสนใจเข้าร่วมโครงการตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดคือ 5 แสนราย และคาดว่าจะใช้เงินในการดำเนินโครงการดังกล่าวราว 3-3.5 หมื่นล้านบาท โดยในช่วงนี้จะพบว่ามีประชาชนตัดสินใจเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ ประชาชนจึงตัดสินใจซื้อรถยนต์ใหม่เพิ่มขึ้น
“ก่อนหน้านี้ กรมฯ ได้มีการหารือกับนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ในฐานะกำกับดูแลกรมสรรพสามิตแล้วว่า หากมีประชาชนเข้าร่วมโครงการรถคันแรกเกินกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดจะดำเนินการอย่างไรต่อ ก็ได้รับคำตอบว่า ส่วนนี้เป็นนโยบายที่รัฐบาลตั้งใจดำเนินการอยู่แล้ว ดังนั้น ไม่ว่าจะมีประชาชนมาเข้าร่วมโครงการเท่าไหร่ จะเกินเป้าหมายหรือไม่ ก็ให้ดำเนินการไปตามความเป็นจริง โดยไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินการ เพราะยังมั่นใจว่าจะอยู่ในเป้าหมายที่กำหนดไว้แน่นอน”
นายสมชายกล่าวอีกว่า ในส่วนของการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่อัตรา 0.005 บาทต่อลิตร จากเดิมที่อัตรา 5.31 บาทต่อลิตรนั้น เชื่อว่ารัฐบาลจะยังคงเดินหน้านโยบายดังกล่าวต่อไป เพื่อเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และขณะนี้ รัฐบาลก็ยังไม่ได้มีการส่งสัญญาณใดๆ ว่าให้มีการปรับขึ้นภาษีดังกล่าว เพราะล่าสุด คณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็มีมติให้ขยายเวลาการดำเนินนโยบายดังกล่าวต่อไปอีก 1 เดือนด้วย
ก่อนหน้านี้ นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลางเปิดเผยว่า กรมฯ ต้องของบประมาณปี 2556 เพิ่มเติมจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อใช้ในการจ่ายคืนเงินให้ผู้ซื้อรถยนต์ตามโครงการรถคันแรก เนื่องจากกรมฯ มีงบประมาณเพียง 7.5 พันล้านบาท โดยจะขออนุมัติจาก ครม.ในส่วนของงบกลางปี 2556 เพื่อให้ทันการเบิกจ่าย คาดว่า เงิน 7.5 พันล้านบาท จะจ่ายคืนให้แก่ผู้ซื้อรถคันแรกได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หากยอดการซื้อรถคันแรกไม่เกิน 5 แสนคัน ตามที่รัฐบาลประมาณการไว้ คาดว่าจะต้องใช้เงินงบประมาณจ่ายคืนจำนวน 3 หมื่นล้านบาท
ขณะเดียวกัน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้เปิดเผยข้อมูลกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ว่า โดยรวมยอดการผลิตรถยนต์เดือน ก.ย.2555 อยู่ที่ 228,500 คัน เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 31.16% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในประวัติการณ์รอบ 51 ปี นับตั้งแต่เปิดโรงงานในปี 2504 และเมื่อรวมยอดผลิต 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) อยู่ที่ 1.7 ล้านคัน ทำให้ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 1 ใน 10 ของโลกเป็นการชั่วคราว