xs
xsm
sm
md
lg

ฮุบลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ-"ซีทีเอช"โค่น"ทรูฯ"-ทุ่ม2หมื่นล้านหวังถอนทุน3ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - บริษัท เคเบิล ไทยโฮลดิง จำกัด กลายเป็นม้ามืดคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ 3 ปีนับตั้งแต่ฤดูกาล 2013-14 เป็นต้นไป เผยวางงบประมาณขั้นต่ำไว้ 20,000 ล้านบาทเพิ่มฐานผู้ชมเป็น 7 ล้านครัวเรือนด้วยการอัดคอนเทนต์และจับมือกับบริษัทต่างๆ เพื่อพัฒนาโครงข่ายในรูปแบบ ดิจิตอล บอร์ดแบนด์ สู่ระดับสากล

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน 2555 เวลาประมาณ 15.00 น.ณ โรงพยาบาลพญาไท 2 นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการบริษัท เคเบิล ไทยโฮลดิง จำกัด และ นายวัชร วัชรพล ทายาทหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ตั้งโต๊ะแถลงคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ 3 ปี โดยทุกอย่างค่อนข้างกะทันหัน เพราะหลังทราบผลจากทาง อิงลิช พรีเมียร์ ลีก (อีพีแอล) ตอน 8 โมงเช้าตามเวลาท้องถิ่นของอังกฤษวันเดียวกันจะต้องประกาศให้ทราบพร้อมเพรียง ส่วนเรื่องตัวเงินประมูลที่ทุกฝ่ายอยากรู้ยังบอกไม่ได้ เพราะถือเป็นจรรยาบรรณต่อผู้ร่วมอาชีพและต้องรออนุญาตจากต่างประเทศ รวมถึง คุณกฤษณัน งามผาติพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งเดินทางไปเจรจาเหินฟ้ากลับมาก่อน แต่คาดว่าอยู่ระหว่าง 7,000-9,000 ล้านบาท

นายวิชัย กล่าวถึงการกระโดดเข้าร่วมแย่งลิขสิทธิ์ฟุตบอลอังกฤษครั้งนี้จนสมหวังว่า "น่าภูมิใจอย่างยิ่งที่คนไทยได้สิทธิ์นี้มาอยู่ในมือ เพราะมี 4-5 บริษัทที่ร่วมประมูลหนึ่งในนั้นมาจากมาเลเซีย ซึ่งทางเราจะครอบคลุมถึง กัมพูชา และ ลาว ในรูปแบบ ดิจิตอล บอร์ดแบนด์ เป็นเคเบิลท้องถิ่นกระจายได้ทั่วประเทศ 900 อำเภอ 77 จังหวัด โดยเพิ่งจับมือบริษัท ซิมโฟนี คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ในการเลือกใช้โครงข่ายไฟเบอร์ออปติกให้กระจายได้ทั่วประเทศ ถือเป็นจุดแข็งที่ อีพีแอล มองเห็นปัจจุบันเรามีฐานผู้ชม 3.5 ล้านครัวเรือนและตั้งเป้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 7 ล้านครัวเรือนภายใน 3 ปีรวมถึงไม่มีจอดำ แผนการตลาดตอนนี้จะะเป็นแบบกล่องบอกรับสมาชิกรายเดือนปัจจุบันค่าบริการอยู่ที่ 300-350 บาท ซึ่งลูกค้าเก่าจะได้ราคาที่ต่ำกว่า ทุกอย่างต้องมีการลงทุนไม่ว่าจะงบประมาณส่วนตัวและกู้จากธนาคาร 3 สถาบัน เราเชื่อว่าจะคุ้มทุนภายใน 3 ปีแน่นอน ก่อนอื่นต้องสร้างฐานผู้ชมให้มากที่สุด เพราะเป็นการแข่งขันระดับโลกทุกอย่างต้องแข็งแกร่งคอนเทนต์ต้องดี คงเน้นสมาชิกอย่างเดียวไม่ได้ค่าโฆษณาจากสินค้ายักษ์ใหญ่ที่สนใจก็จะไหลมาเทมามากขึ้น"

อดีตทนายความและนักลงทุนตัวยงในธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงมีหุ้นอยู่ในโรงพยาบาลหลายแห่ง เผยอีกว่า “จากนี้เราพร้อมเปิดรับพันธมิตรจากทุกค่าย ไม่เว้นแม้กระทั่ง ทรู วิชันส์ ที่ยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ซึ่งก็มีติดต่อเข้ามา 2-3 เจ้าแล้ว แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎที่ พรีเมียร์ ลีก วางเอาไว้อย่างรัดกุมและต้องขออนุญาตก่อน ขอยืนยันว่าครั้งนี้ไม่มีฮั้วประมูล โดยงบประมาณที่เราวางเอาไว้ตอนนี้เพื่อทำทุกสิ่งทุกอย่างรวมค่าลิขสิทธิ์น่าจะอยู่ที่ขั้นต่ำ 20,000 ล้านบาท”

ด้าน นายวัชร วัชรพล ที่เข้ามาร่วมลงทุนครั้งนี้ หลังจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมองถึงช่องทางการเติบโต กล่าวปิดท้ายว่า "เราจะมีช่องสัญญาณออกอากาศครบทั้ง 380 แมตช์ โดยคร่าวๆ จะเพิ่มช่อง อีพีแอล เป็น 8 ช่อง โดยเป็นระบบ เอชดี (High-definition) จำนวน 4 ช่อง แต่สำหรับนัดสุดท้ายที่แข่งพร้อมกันเราก็จะทำการเพิ่มเป็น 10 ช่อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องรายละเอียดด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ค่าบริการ หรือคอนเทนต์ที่จะเพิ่มขึ้น คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปที่แน่นอนภายในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า รวมถึงช่องทางการออกอากาศผ่านฟรีทีวีที่เราต้องแบ่งให้แน่นอนตามกฎที่เจ้าของสิทธิ์ตั้งไว้ แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่ากี่นัด สำหรับทีมพากย์จะใช้ของ สยามกีฬา ส่วนเรื่องรายจ่ายที่ผู้บริโภคต้องเสียเพื่อการรับชมเมื่อเทียบกับปัจจุบันนั้น ผมไม่ขอพูดถึงรอให้ผู้ชมเป็นคนตัดสินใจเองดีกว่า"

ทันทีที่ทราบข่าวว่า บริษัท ไทย โฮลดิง จำกัด (มหาชน) หยิบชิ้นปลามันคว้าลิขสิทธิ์ พรีเมียร์ ลีก ไปครอง 3 ค่ายดังอย่าง บริษัท ทรู วิชันส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี จำกัด (มหาชน) และ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ทยอยออกมาแถลงข่าวถึงจุดยืนต่อจากนี้

เริ่มจาก บริษัท ทรู วิชันส์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของสิทธิ์ พรีเมียร์ ลีก ที่จะหลุดมือ หลังจากฤดูกาล 2012-13 รูดม่านปิดฉากยืนยันว่าได้พยายามอย่างเต็มที่ในการเสนอราคาประมูลเพิ่ม แต่เมื่อสูงเกินความสามารถทางธุรกิจของบริษัททำให้ไม่สามารถชนะการประมูล นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แถลงขออภัยสมาชิกผู้มีอุปการะคุณที่ต้องผิดหวังเรื่องการรับชมลีกสูงสุดของอังกฤษซึ่งจะสิ้นสุดเดือนพฤษภาคมปี 2556 แต่ยังมีกีฬาระดับโลกอื่นๆ รวมทั้งรายการ บันเทิง สารคดี สาระความรู้ที่มีคุณภาพอีกมากมาย นอกจากนี้เราจะจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการจัดซื้อและพัฒนาทั้งในด้านต่างๆ รวมทั้งช่องรายการในระบบ เอชดี มาทดแทนมอบให้สมาชิกได้ใช้บริการ ทรู วิชันส์ อย่างคุ้มค่าที่สุดโดยเร็ว

"การประมูลครั้งนี้ทำให้ ทรู วิชันส์ จำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์โดยที่จะไม่พึ่งพารายการ อิงลิช พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ทั้งนี้เพื่อความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจระยะกลางและระยะยาว โดยจะมุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพรายการด้านกีฬาอื่นๆ มาทดแทนสิ่งที่เสียไป สุดท้ายนี้เราขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะการประมูลในครั้งนี้ด้วย" นายศุภชัย กล่าว

ด้าน นายธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร "จีเอ็มเอ็ม แซท" บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี จำกัด (มหาชน) ที่ถ่ายทอดศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2012 ที่ โปแลนด์ และ ยูเครน เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา กล่าวว่า "ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับวงการที่ ซีทีเอช ได้ลิขสิทธิ์ครั้งนี้ไป การแข่งขันในตลาดน่าจะสูงขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเราก็อยากทราบตัวเงินในการประมูลครั้งนี้เหมือนกับทุกคน ในส่วนของ แกรมมี ยอมรับว่าครั้งนี้เป็นการทดสอบ ซึ่งหากเราได้มาก็ต้องตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาบริหาร ถ้าลิขสิทธิ์แพงเกินไป แล้วเสี่ยงต่อภาวะขาดทุน ก็คิดว่าคงไม่เอาในแง่ของการทำธุรกิจ ต่อจากนี้ยังดำเนินไปตามแผนเดิมคือ บริหารจัดการคอนเทนต์กีฬาที่มีอยู่มากมายให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น มอเตอร์สปอร์ต, เทนนิส, เทเบิลเทนนิส, แบดมินตัน, ฟุตซอลลีก และในส่วนของฟุตบอลก็มีทั้ง บุนเดสลีกา เยอรมนี, เอ็นพาวเวอร์ แชมเปียนชิป อังกฤษ, ลีกเอิง ฝรั่งเศส, เจ-ลีก ญี่ปุ่น, อาร์เจนตินาลีก, บราซิเลียนลีก รวมถึง ฟุตบอลถ้วย แคปิตอล วันคัพ ที่สำคัญลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก ก็จะมีถ่ายทอดสดให้แฟนๆ ที่มีกล่อง จีเอ็มเอ็ม แซท ได้ชมกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับ ไทยพรีเมียร์ลีก หากมีโอกาสเราก็พร้อมประมูลเช่นกันหลังจบฤดูกาล 2013 ซึ่ง คุณไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี จำกัด (มหาชน) น่าจะลงมาดูเรื่องนี้ด้วยตนเอง"

สุดท้าย บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เจ้าของกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียม "SUNBOX" (ซันบ็อกซ์) อีกหนึ่งผู้เข้าร่วมประมูลลิขสิทธิ์ดังกล่าว ไม่ได้ผิดหวังกับความพ่ายแพ้ เนื่องจากมี ลา ลีกา ลีกฟุตบอลสเปนอยู่ในมือรวมถึงอีก 2 ปีข้างหน้ากับมหกรรมลูกหนังยิ่งใหญ่ที่สุด เวิลด์ คัพ 2014 ที่นคร ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล

นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยหลังทราบผลว่า "ก่อนอื่นก็ต้องขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะ เพราะลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด พรีเมียร์ ลีก ถือเป็นสุดยอดคอนเทนต์กีฬาของโลกอีกหนึ่งรายการ สำหรับ อาร์เอส ตอนที่ตัดสินใจเข้าร่วมประมูลก็ได้วางรูปแบบการทำธุรกิจไว้ชัดเจน ซึ่งเป็นตัวกำหนดต้นทุนค่าลิขสิทธิ์ที่เราสู้ไหวและเชื่อว่าจะสามารถทำตลาดได้ แต่พอผลออกมาราคาที่เรายื่นไปต่ำกว่าผู้ชนะ ก็หมายความว่าแต่ละผู้ประกอบการก็น่าจะมีโมเดลธุรกิจที่วางไว้ต่างกัน ทว่าการที่เราไม่ได้สิทธิ์มาบริหารก็ไม่ได้ส่งผลใดๆ กับธุรกิจปัจจุบัน เพราะมองมันเป็นอีกหนึ่งโครงการพิเศษแยกออกมา ก็อย่างที่ได้เคยพูดไว้ว่าจะสู้เท่าที่ทำได้ ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร วันนี้ก็ยังย้ำคำเดิม สำหรับเรื่องการร่วมมือเชิงทางธุรกิจกับผู้ชนะนั้น อาร์เอส ก็ยินดีพูดคุยเพื่อช่วยตอบโจทย์เรื่องการเข้าถึงของลูกค้าด้วยแพล็ตฟอร์มที่แข็งแรงของเราเช่นกัน"
กำลังโหลดความคิดเห็น