xs
xsm
sm
md
lg

ประเทศไทยหลังยุค “แช่แข็ง”

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีคนออกไปร่วมชุมนุมกับเสธ.อ้ายมากน้อยเพียงไหน แต่ก็ขอให้กำลังใจคนที่ออกมาทุกคนทั้งมวลชนและคนที่เป็นเจ้าภาพจัดงาน

เสธ.อ้ายตั้งเป้าไว้ถึงล้านคน ได้ยินแนวร่วมบอกว่าขอสักแสนคนก็พอ สำหรับผมเอาเป็นว่าให้ได้มากกว่าที่นั่งบนอัฒจรรย์ในสนามม้าสัก 2-3 เท่าก็ถือว่ามากแล้ว ม็อบคนเสื้อแดงเอาเข้าจริงๆ ก็ประมาณนี้แหละครับ ไม่แตะแสนจริงๆ หรอกครับ

แต่ที่อยากฟังมากก็คือ แนวคิดทางการเมืองของเสธ.อ้ายว่าจะเป็นอย่างไรหลังจากนี้ เพราะได้ยินแต่ว่าจะแช่แข็งประเทศ 5 ปี คนเขาก็นึกเห็นแต่ภาพเอาของกินไปแช่ในช่องฟรีซของตู้เย็น

แต่นี่เป็นประเทศครับ เราจะจับประเทศแช่แข็งได้จริงๆ หรือ มีคนบอกว่าเสธ.อ้ายออกมาปฏิเสธเรื่องแช่แข็งประเทศว่าเป็นแช่แข็งนักการเมือง ความหมายมันก็ไม่ต่างกันหรอกครับ

ระหว่างที่แช่แข็ง 5 ปี บ้านเมืองจะมีสภาพอย่างไร ใครจะมาเป็นผู้ปกครอง ประชาธิปไตยในสายตาของเสธ.อ้ายเป็นอย่างไร จะแก้ไขปัญหานักการเมืองอย่างไร จะจัดการกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชันที่อ้างเป็นเหตุผลหนึ่งของการชุมนุมอย่างไร แล้ว 5 ปีหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร

ผมคิดว่า ถ้าอยากให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมเยอะๆ และแก้ครหาว่า เป็นการต่อสู้เพื่อเปลี่ยนขั้วทางการเมือง เสธ.อ้ายจะต้องพูดอธิบายให้มากกว่าการพูดลอยๆว่า แช่แข็ง 5 ปีคืออะไรและอย่างไร

ปฏิญญา 6 ข้อที่เสธ.อ้ายแถลงไว้ในการชุมนุมครั้งแรกที่ว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรแบ่งแยกมิได้ มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผู้ใดจะละเมิดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องในทางใดๆ มิได้ อำนาจอธิปไตยต้องเป็นของประชาชน และประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการปกครองอย่างแท้จริง บริหารประเทศต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน ดำเนินการด้านเศรษฐกิจต้องเป็นไปตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง กำจัดระบอบการเมืองและนักการเมืองที่ทำลายชาติ ทรยศประชาชนนั้นก็ยังอธิบายอะไรไม่ได้เพราะเป็นกรอบที่กว้างจนเกินไป

ความจริงเรื่องหยุดพักการเมืองนี่คุณสนธิ ลิ้มทองกุลก็เคยพูดนะครับ หลายคนก่อนหน้านี้ก็เคยพูด แต่นั่นเป็นเพียงความเห็น ต่อมาเพื่อให้เป็นรูปธรรมพันธมิตรฯ ก็ได้ประกาศแนวทางปฏิรูปร่างหลักการปกครองประเทศ “ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน” ออกมา 15 ข้อ อย่างที่เคยทราบกันอยู่แล้ว

ผมว่ามีคนอยากฟังคำตอบเหล่านี้จากเสธ.อ้ายไม่น้อยก่อนการตัดสินใจ เพราะหลายคนไม่อยากเตะหมูเข้าปากหมา หรือไม่อยากให้เป็นการเชื้อเชิญทหารออกมาแล้วปล่อยให้ประเทศเป็นแบบยุคของสนธิบังและสุรยุทธ์อีกแล้ว(แม้จริงๆ แล้วบิ๊กบังปฏิวัติเพราะกลัวถูกปลดก็ตาม) พูดตรงๆ ก็คือ วิสัยทัศน์ของเสธ.อ้ายเป็นอย่างไรเอามาเปิดเผยให้ดูกันหน่อย กางพิมพ์เขียวประเทศออกมาให้ดูหน่อย

นี่เป็นบทสรุปส่วนตัวของผมจากการร่วมชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตั้งแต่ปี 2549 ผมคิดว่า พันธมิตรฯ เองก็มีข้อผิดพลาดจากคำถามที่ผมถามเสธ.อ้ายในวันนี้ ตอนนั้นเอาแต่ทักษิณออกไป ทักษิณออกไป ลืมไปว่านักการเมืองพรรคไหนก็เหมือนกัน วันนั้นพวกเราเลยเตะหมูเข้าปากอัปรีย์ไปจัญไรมายังไงล่ะครับ

คนเราต้องเรียนรู้บทเรียนและความผิดพลาด ผมคิดว่าคนที่เป็นพันธมิตรฯ จะต้องเรียนรู้บทเรียนในอดีต ส่วนคนที่สู้เพื่อพรรคการเมืองก็ปล่อยเขาไป ผมเชื่อแน่ว่า เสธ.อ้ายมีเจตนาดี คนรอบตัวของเสธ.อ้ายหลายคนก็มีเจตนาดี ก็น่าจะเอาเจตนาดีเหล่านั้นมาเปิดเผยเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเข้าร่วมการชุมนุม

บางคนบอกว่า ตอนนี้ไม่ต้องตั้งคำถามอะไรแล้ว มาช่วยกันไล่รัฐบาลชุดนี้ให้ออกไปก่อน สามัคคีกันก่อน ช่วยไล่รัฐบาลนี้ให้ออกไปนั้นดีแน่ครับ ไล่รัฐบาลแล้วเป็นอย่างไร ผมคิดว่าประชาชนบางส่วนที่ยังไม่ตัดสินใจและยังลังเลอยู่เขาต้องการคำตอบที่มากกว่านี้

เสธ.อ้ายอาจจะไม่ต้องบอกประชาชนนะครับว่า ชุมนุมค้างคืนเดียวและจะมีทีเด็ดหมัดเด็ดไล่รัฐบาลให้ออกไปได้อย่างไร เพราะนั่นเป็นกลยุทธ์ที่ต้องงำประกายเอาไว้ แต่ต้องบอกนะครับว่า ถ้าไล่นักการเมืองชุดนี้ไปแล้วบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร จะเอาตู้เย็นที่ไหนมาแช่แข็งประเทศแล้วเราจะใช้ชีวิตในตู้เย็นอย่างไรในฐานะประชาคมโลก

ผมก็ไม่ได้ศรัทธาประชาธิปไตยแบบตะวันตกหรอกครับ เพราะเชื่อมั่นเสมอมาว่าเราต้องมีรูปแบบการปกครองที่เหมาะสมกับสังคมและวัฒนธรรมของเรา ขณะเดียวกันผมก็เชื่อมั่นในอำนาจของประชาชนด้วย แต่เมื่อเสธ.อ้ายใช้ยาแรงคือ “แช่แข็งประเทศไทย” ผมก็อยากรู้นะครับว่า ยาแรงนั้นจะออกฤทธิ์อย่างไร

ผมก็เชื่อนะครับว่า นักการเมืองบ้านเราทุกวันนี้เป็นปัญหาของประเทศและระบอบประชาธิปไตยถูกใช้เป็นเพียงเครื่องมือให้นักการเมืองเข้ามาแสวงหาอำนาจ ปัญหาจึงอยู่ที่ “พฤติกรรม” ของนักการเมืองนะครับ ไม่ใช่เรื่องควร “มี” หรือ “ไม่มี” นักการเมือง ดังนั้นประเด็นมันก็คือว่า เราจะทำลายพฤติกรรมของนักการเมืองแบบที่เป็นอยู่อย่างไร

เอาเป็นว่าเราหนีไม่พ้นหรอกครับที่จะต้องปกครองประเทศในรูปแบบที่เรียกว่า “ประชาธิปไตย” แต่การเปลี่ยนแปลงประเทศที่เป็นการลุกขึ้นที่เรียกว่าการปฏิวัติประชาชนนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องเป็นฉันทามติของคนในชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยในสังคมไทยที่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบบนี้ ผมคิดว่าถ้าเสธ.อ้ายจะอธิบายให้ได้ว่า “ประชาธิปไตย” ในความหมายของเสธ.อ้ายหลังจากการเปลี่ยนแปลงแล้วจะเป็นแบบไหนก็อาจจะช่วยลดแรงต่อต้านลงได้บ้าง และประชาชนจะไม่ต้องลุกขึ้นมาฆ่ากันเองอีก

ส่วนเรื่องรูปแบบการชุมนุมผมไม่ห่วงหรอกครับ เพราะผมเชื่อว่า เสธ.อ้ายและคนที่แวดล้อมจะต้องคำนึงถึงแนวทางสันติ อหิงสาเป็นหลัก และยิ่งกองทัพธรรมของพ่อท่านโพธิรักษ์เข้าร่วมด้วยแล้วจะออกจากแนวทางนี้ไม่ได้แน่ แม้ทุกครั้งที่มีการชุมนุมจะมีพวกที่เข้าไปแฝงตัวในระดับนำพยายามผลักดันให้เกิดความรุนแรงเพราะเชื่อว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงก็ตาม

ขณะเดียวกันก็เตือนเสธ.อ้ายในฐานะนายทหารเก่าแต่เป็นมือใหม่ในการเมืองภาคประชาชนไว้ว่าต้องระวังคนที่คอยชักนำไปสู่ความรุนแรงนำไปสู่การล้มตายและบาดเจ็บของพี่น้องประชาชนไว้ให้ดี

เอาเถอะครับเสธ.อ้ายบอกว่ามีทีเด็ดที่จะจัดการรัฐบาลในคืนเดียวแล้ว เก็บทีเด็ดนั้นเอาไว้ แต่ช่วยกางพิมพ์เขียวประเทศไทยหลังจากจัดการรัฐบาลออกมาหน่อย ยิ่งลักษณ์ออกไป ยิ่งลักษณ์ออกไปนี่พวกผมเข็ดแล้ว ไม่เอาแล้วอัปรีย์ไปจัญไรมาหรือทำอย่างไรเลือกตั้งครั้งหน้าจะทำให้ประชาชนเรียนรู้ประชาธิปไตยไม่เสร็จกลุ่มทุนการเมืองอย่างระบอบทักษิณในนามของการเลือกตั้งอีก

ผมเชื่อมั่นว่าเสธ.อ้ายและแนวร่วมต้องมีพิมพ์เขียวประเทศไทยหลังยุค “แช่แข็ง” เอาไว้แล้วแน่ๆ อยากเห็นอยากฟังจริงๆ ครับ

ผมคิดว่าภาคประชาชนจำนวนมากยังรอฟังแนวทางที่ชัดเจนจากเสธ.อ้าย และพร้อมจะหนุนเนื่องการต่อสู้ครั้งนี้ให้ประสบความสำเร็จและบรรลุเป้าหมายสู่ชัยชนะของประชาชนที่แท้จริง
กำลังโหลดความคิดเห็น