“อภิสิทธิ์” รับโชคดีสภาไม่อนุญาตพิจารณาลงมติคำสั่งศาล รธน. ขอบคุณ ส.ว.ไม่ยอมด้วย หนุนประธานสภาเบรกกฎหมายไม่ดันปรองดองต่อ ลดการเผชิญหน้า แนะช่วยกันคิดร่วมหาทางออก ดักคอเพื่อไทยอย่ากดดันตุลาการระหว่างไต่สวนแก้รัฐธรรมนูญ วอน “นช.แม้ว” รับคำพิพากษา แนะแดงเปิดใจจะเห็นใครกันแน่ทำลายประชาธิปไตย เมินคืนรถประจำตำแหน่งนายกฯ อ้างได้รับอนุญาตแล้ว
วันนี้ (12 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงมติรัฐสภาที่ไม่อนุญาตให้พิจารณาญัตติลงมติคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญไม่ผูกพันรัฐสภาว่า ถือเป็นเรื่องโชคดีที่รัฐสภามีมติเช่นนี้ เพราะหากปล่อยให้มีการพิจารณาอาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างองค์กร และการเผชิญหน้าจะรุนแรงมากขึ้น โดยฝ่ายค้านพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อชี้ให้เห็นว่าไม่ใช่อำนาจของรัฐสภา และขอขอบคุณ ส.ว.จำนวนมากที่ไม่ยอมให้มีการพิจารณาญัตติทำนองนี้ หลังจากนี้ไปเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องพักเอาไว้ก่อน ซึ่งตนเห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ซึ่งหากยังยืนยันว่าร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง 4 ฉบับจะไม่มีการพิจารณาในวันที่ 13-14 มิ.ย.นี้ และจะปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 19 มิ.ย. ความร้อนแรงในการเผชิญหน้าก็จะลดลง จากนั้นหลายฝ่ายต้องช่วยกันคิดว่าช่วงนี้ไปจนถึงเดือนสิงหาคม ก่อนที่จะมีการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไปจะร่วมกันหาทางออกอย่างไร
ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวด้วยว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องให้ความร่วมมือกับศาลรัฐธรรมนูญในการไต่สวนคำร้องว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 อาจเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง โดย ครม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปชี้แจง แต่ที่ผ่านมามีความพยายามจะให้รัฐสภาเข้าไปเป็นคู่ขัดแย้งกับศาล ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการปลุกระดมเพื่อลดอำนาจตุลาการ และศาลในอนาคต ทั้งนี้ยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลคงจะใช้วิธีการกดดันศาลรัฐธรรมนูญในรูปแบบต่างๆ ในระหว่างที่จะมีการไต่สวนคำร้อง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ทั้งนี้อยากให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่อย่างดีที่สุด
“ผมเชื่อว่าปัญหายังไม่จบ จนกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเลิกคิดเอาชนะระบบกฎหมายไทย ผมอยากให้ยอมรับคำตัดสินของศาล แล้วมาช่วยกันคิดถึงแนวทางการสร้างความปรองดองโดยผ่านการพูดคุย หรือการให้อภัยต่างๆ ในภายหลัง แต่ต้องยอมรับข้อเท็จจริงและการตัดสินของศาลก่อน ไม่ใช่ยังพยายามจะเอาชนะเพราะมีผลประโยชน์ในเรื่องของตนเองและทรัพย์สิน การพูดถึงเรื่องอำมาตย์ก็เป็นเพียงความพยายามปลุกระดมมวลชนเท่านั้น หลายเรื่องในขณะนี้ก็ไม่สามารถตอบคำถามคนเสื้อแดงได้ จึงต้องหาเงื่อนไขในการปลุกระดมเพื่อให้มวลชนยังมีความเป็นหนึ่งเดียว จะได้ออกมาต่อสู้ในประเด็นที่เป็นประโยชน์กับพรรคเพื่อไทย ผมอยากให้คนเสื้อแดงได้ติดตามข้อเท็จจริงเปิดใจให้กว้างพิจารณาดูว่า ที่สุดแล้วพี่น้องเสื้อแดงที่ต่อสู้ทางการเมืองจะได้มองเห็นว่าสุดท้ายนักการเมืองกลุ่มไหนที่กำลังทำลายประชาธิปไตยและทำลายโอกาสของประชาชนทั่วไป” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ส่วนกรณีที่นายสมศักดิ์เรียกร้องให้ทุกฝ่ายถอยคนละก้าวนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หลังจากที่ประธานสภาได้ใช้ดุลพินิจที่ถูกต้อง ตนก็ขอบคุณและยืนยันให้ความร่วมมือในการพิจารณาเรื่องต่างๆ ในสภาอย่างเต็มที่ เรื่องไหนที่จะช่วยในการบริหารบ้านเมืองเป็นประโยชน์ต่อประชาชนเราสนับสนุน แต่ถ้าเป็นประโยชน์ส่วนตน พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องคัดค้าน ทั้งนี้ สิ่งที่ฝ่ายค้านเสนอไป เช่น ขอให้ปิดสมัยประชุมก็ได้รับการตอบสนอง ขั้นต่อไปก็ต้องคิดว่าก่อนเปิดสมัยประชุมจะหาแนวทางอย่างไรไม่ให้กลับไปอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อีก
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเหตุใดรัฐบาลจึงถอยไม่ลงมติวาระ 3 รัฐธรรมนูญ แต่ต้องขอขอบคุณประชาชนที่ออกมาแสดงพลังว่าไม่ยอมรับเรื่องที่จะเป็นอันตรายต่อประเทศชาติ และหลายคนในฝ่ายรัฐบาลก็คงไตร่ตรองแล้วเห็นว่าจะมีปัญหา ซึ่งจุดยืนของนายสมศักดิ์ก็ช่วยลดปัญหาลงไป แม้ว่าจะมีปัญหาภายในพรรค แต่คนเป็นประธานรัฐสภาต้องมีจุดยืนไม่สังกัดพรรคการเมือง และหวังว่าหลังจากนี้พรรคเพื่อไทยควรยุติการโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากในรัฐสภาก็มีการพูดพอสมควรแล้ว หากยังทำต่อไปก็อาจมีการลากเอามวลชนเข้ามาเกี่ยวข้องอีก สำหรับพรรคประชาธิปัตย์จะมีการเปิดเวทีปราศรัยอย่างไรจะหารือกันอีกครั้ง แต่ในช่วงปิดสมัยประชุมตนตั้งใจจะลงพื้นที่เพื่อวางรากฐานพิมพ์เขียวประเทศไทยตามที่ได้วางแผนไว้ก่อนหน้านี้
ส่วนกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้คืนรถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ยังใช้อยู่ในปัจจุบันกับทางราชการนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้อง