“อภิสิทธิ์” นำทีมเดินสายออกแบบพิมพ์เขียวประเทศไทยทั่วทุกภาค พร้อมลุยเปิดเวทีปลุกประชาชน หลังผลโพลให้ถอยแก้ รธน.-ถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง อ้างสะท้อนให้เห็นชาวบ้านเริ่มเข้าใจ หลังเปิดเวทีผ่าความจริง จวก“"พาณิชย์” เล่นจำอวด ล้มเหลวโครงการควบคุมราคาอาหารจานด่วน ร้านถูกใจ ระบุเงินเฟ้อพุ่ง 2.56 % ของแพงขึ้นกว่าปีก่อน 25 %
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงหลังการประชุม คณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาแผนงานรวมพลังออกแบบประเทศไทย10 ฐานรากพิมพ์เขียวประเทศไทย โดยจะมีการจัดสัมมนาอีก 4 กลุ่มฐานราก คือ ฐานรากสังคม ฐานรากเศรษฐกิจ ฐานรากการเมือง และฐานรากประเทศไทย รวมทั้งหมด 10 ครั้ง โดยจะจัดให้เสร็จภายในเดือน ก.ค.-ส.ค. โดยกลุ่มฐานรากสังคม ได้แก่ 1. สังคมอบอุ่นปรองดอง คาดว่าจะมีการจัดสัมมนาที่ จ.สระบุรี 2. สังคมเรียนรู้ คาดว่าจะจัดในภาคอีสาน 3. สังคมสวัสดิการ คาดว่าจะจัดที่ จ.สงขลา และ 4.สังคมเป็นธรรมน่าจะเป็นจ.เชียงใหม่ หรือจังหวัดอื่นๆ ในภาคเหนือ
2. กลุ่มฐานรากเศรษฐกิฐ แบ่งเป็น (1. เกษตรกรเข้มแข็ง จ.พิษณุโลก (2. เศรษฐกิจวัตกรรม คาดว่าจะเป็น จ.ภูเก็ต (3.ประเทศไทยสีเขียว จ.นครสวรรค์ 3.กลุ่มฐานรากทางการเมือง ได้แก่ 1. การเมืองเสรี คาดว่าจะจัดในภาคกลาง 2. รัฐโปร่งใส จัดใน กทม. และ 4.กลุ่มฐานรากประเทศไทย ศูนย์กลางอาเซียนกำลังพิจารณาว่าอาจจะจัดในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งจุดเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้จะมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปร่วมด้วยทุกเวที
นายชวนนท์กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้รองหัวหน้าพรรคทุกภาคกำชับให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ โดยมีการประเมินจากผลสำรวจของสวนดุสิตโพล เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมาว่าประชาชนส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 50 ระบุว่าอยากให้ชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และให้ถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองออกจากการพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งคณะกรรมการบริหารของพรรคประเมินว่าน่าจะเป็นผลส่วนหนึ่งจากการที่เราจัดเวทีประชาชน ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตัวมากขึ้นกับการเสนอกฎหมายดังกล่าว โดยจะมีการจัดเวทีให้ความรู้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ภาคอีสาน โดยนายอิสระ สมชัย รองหัวหน้าภาคอีสาน ได้รายงานกับที่ประชุมว่า ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง รับรู้ข้อเท็จจริงว่ารัฐบาลดำเนินการตามนโยบายหลายอย่างผิดพลาด โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว ที่พี่น้องอีสานผิดหวัง เพราะไม่ได้รับการจำนำในราคาตันละ 15,000 บาท และยังมีการสวมสิทธิ์ หักหัวคิว ทำให้ชาวนาเดือดร้อน ดังนั้น ทางคณะกรรมการบริหารของพรรคได้ให้รองหัวหน้าพรรคและส.ส.ไปดูแลความเดือดร้อนของประชาชน รวมทั้งรวบรวมปัญหาใช้ช่องทางของสภา และช่องทางของพรรคทวงสิ่งเหล่านี้ให้ชาวนา พร้อมทั้งตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใส
นายชวนนท์ยังกล่าวถึงโครงการควบคุมอาหารจานด่วน 7 ชนิดใน 38 จังหวัดของกระทรวงพาณิชย์พาณิชย์ว่า โครงการนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้ดำเนินการตามที่พูดแต่อย่างใด เพราะรู้ดีว่าหากทำแล้วผู้ค้ารายย่อยจำนวนมากจะต่อต้าน และรู้ว่าถ้าควบคุมแล้วจะมีการลดคุณภาพปริมาณ และวัตถุดิบ สุดท้ายที่ประกาศว่าจะเริ่มโครงการในวันที่ 13 มิ.ย.ก็ไม่ทำ เพราะรู้ว่าทำไม่ได้ นี่คือกระทรวงพาณิชย์ในยุคที่ข้าราชการหมดศักดิ์ศรี เดินตามก้นนักการเมืองอย่างนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ผลงานจึงออกมาเป็นแบบนี้
ที่นายยรรยงยังอ้างว่า ไม่จำเป็นต้องควบคุมราคาอาหารจานด่วนแล้ว เพราะราคาสินค้ามีราคาถูกลงนั้นไม่จริง เพราะข้อมูลเงินเฟ้อที่กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำข้อมูลไว้ ระบุว่า เงินเฟ้อในเดือน มิ.ย.ปรับสูงขึ้น 2.56% เป็นผลจากหมวดอาหารและเครื่องดื่มกว่า 4.72% ซึ่งแสดงให้เห็นว่ข้อมูลขัดกันเอง แต่ท่านไม่กล้าพูดความจริง ไม่ทำโครงการตามที่พูด โดยปล่อยให้เรื่องเงียบไปเอง
นายชวนนท์กล่าวว่า เช่นเดียวกับโครงการร้านถูกใจ ที่พบว่ามีปัญหามาก ทั้งการส่งสินค้าล่าช้า จะส่งให้เฉพาะการสั่งสินค้า 7-8 ชนิดขึ้นไป บางร้านมีแต่ชื่อป้ายร้านแต่ไม่มีสินค้าจำหน่ายให้ประชาชน นอกจากนี้ โครงการร้านถูกใจยังเป็นการบิดเบือนกลไกตลาด สินค้าราคาถูกไม่กี่ชนิด ทำให้ร้านอื่นที่อยู่ในบริเวณเดียวกันเจ๊ง แม้โครงการเหลืออีก 3 เดือน แต่บางร้านกลับได้มาแต่ป้าย ไม่มีสินค้ามาส่งให้จำหน่าย นี่คือสิ่งที่ รมว.และปลัดกระทรวงพาณิชย์เล่นจำอวดโชว์ประชาชน ส่วนที่บอกว่าราคาสินค้าจะลดลงเพราะพืชผลเกษตรจะออกมามากนั้น หากเปรียบเทียบราคาสินค้าที่ตลาดไทในช่วงเดือน มิ.ย.ของปี 2554 กับ 2555 นั้น ปีนี้หมวดผักมีราคาสูงขึ้นกว่าปีก่อน 6% ข้าวสาร 10% ผลไม้ 21% เฉลี่ยแล้วราคาสินค้าในปีนี้ช่วงเดือนมิ.ย.แพงกว่าปีก่อนถึง 28%