ASTVผู้จัดการรายวัน-บิ๊กบลจ.มั่นใจคลังไม่เลิกลดหย่อนภาษีกองทุนรวม แต่อาจปรับเกณฑ์จับมัดกองLTF-RMF และประกันชีวิตลดหย่อนภาษีวงเงินเดียวกัน 7 แสนบาทแทน ยอมรับเจาะตลาดยากกว่าธุรกิจประกัน แต่เชื่อคนที่เคยลงทุนแล้วจะเข้าใจความสำคัญแน่นอน พร้อมเล็งส่งเสริมเต็มที่ หวังปี 59 คนไทยเข้าใจการลงทุนระยะยาวมากขึ้น
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟินันซ่า จำกัด กล่าวว่า จากการที่กระทรวงการคลังจะทบทวนสิทธิการลดหน่อยภาษีกองทุน LTF - RMF นั้น ทางกระรวงการคลังจะมีการต่ออายุไปอย่างแน่นอน เพราะกองทุน LTF และ RMF เป็นการส่งเสริมการออม หากยกเลิกจะส่งผลต่อเม็ดเงินที่จะไปลงทุนในตลาดหุ้นอย่างแน่นอน แต่มองว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องมาตรการการลดหย่อยภาษีในรายการต่างๆ เช่นประกัน หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อกระตุ้นระบบการออมเงินของคนให้มากขึ้น
โดยรูปแบบที่พูดถึงกันแต่ยังไม่ได้สรุป คืออาจจะให้มีการรวมกลุ่มการลงทุนที่ลดหย่อนภาษีให้เพดานลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกิน 700,000 บาท ซึ่งให้สัดส่วนเพดานการลดหย่อยภาษีของแต่ละธุรกิจ ไปตามความความสามารถในการกระตุ้นการออมกับประชาชน
อย่างไรก็ตาม มองว่าแต่ละธุรกิจยังมีความแตกต่างกัน เช่น เรื่องค่าฟรี หรือการหาลูกค้า แต่เชื่อว่ากองทุนรวมยังมความสำคัญกับการออมของคนในประเทศ รวมไปถึงเม็ดเงินในการลงทุนในตลาดหุ้นและการระดมทุน ซึ่งทาง บลจ.เองนั้นทำงานกันอย่างเต็มที่ในเรื่องการกระตุ้นให้คนออมเงินและการลงทุนเพื่อใช้ในยามเกษียณอายุ
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) บัวหลวง กล่าวว่า ข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต่อการผลักดันกองทุนLTFและRMFนั้นส่วนตัวแล้วมองว่าอุตสาหกรรมควรนำไปพิจารณาว่าจริงหรือไม่ แต่ถ้ามองลึกลงไปธุรกิจประกันมีบุคคลากรจำนวนมาก และมีสินค้าประกันเป็นหลัก การเจาะตลาดจึงทำได้ง่ายกว่า
นอกจานี้โครงสร้างเอื้อให้จ่ายผลตอบแทนผู้ขายโดยขึ้นกับจำนวนที่ขายได้ ต่างกับผู้ขายในส่วนของธนาคารซึ่งมีสินค้าขายจำนวนมากมายหลายด้าน การเจาะตลาดผ่านธนาคารโดยให้เน้นกองทุนจึงอาจจะยากกว่าบ้าง
ส่วนกองทุนRMF เป็นกองทุนที่รัฐให้เกิดขึ้นโดยมีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องลงทุนทุกปีเพื่ออนาคตในยามเกษียณของผู้ลงทุน การให้ลดหย่อนภาษีได้ก็เพราะแนวคิดที่ว่าหากคนจำนวนหนึ่งสามารถออมเพื่อตนเองจนมีเพียงพอในยามเกษียณก็จะช่วยลดภาระของรัฐในการต้องใช้งบประมาณจำนวนหนึ่งมาดูแล เขาถึงให้ลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งตรงนี้มองว่าไม่ควรเอามาปนกันกับเรื่อง LTF เพราะมันเกิดมาด้วยวัตถุประสงค์ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
"สุดท้ายคือเรื่องที่ธุรกิจประกันมาเบียดเรื่องภาษีของกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปได้โดยให้คิดเป็นเม็ดเงินลดหย่อนภาษีรวมได้นั้น มองว่าเป็นวิจารณญาณของสรรพากรและคลัง จึงไม่มีความเห็นใด แต่ไม่ได้มองว่าเป็นผลกระทบต่ออุตสาหกรรมกองทุนแต่ประการใด เพราะหากเราเจาะตลาดไม่ได้ดีเท่าประกันชีวิตประชาชนก็ยังได้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีผ่านการทำประกันชีวิต ส่วนคนที่ลงทุนในกองทุนแล้วเชื่อว่าน้อยรายจะไม่ลงทุนต่อ"
นางวรวรรณ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามบลจ.ยังมีเวลาอีก 4 ปี กว่าจะถึงปี 2559 อย่าไปมองว่ามันจะเป็น LTF Cliff เหมือนเป็น Fiscal Cliff และควรเน้นการทำให้ผู้ลงทุนเข้าใจประโยชน์ของการลงทุนยาวๆ ในหุ้น ไม่ควรเน้นการไปขอให้รัฐช่วยเรื่องภาษีแต่เพียงอย่างเดียว เพราะหากไม่มีภาษีช่วย แล้วผู้ลงทุนจะไม่ลงทุนในกองทุนหุ้นอีกต่อไป มันก็แปลว่าการที่รัฐเอาภาษีมาช่วยนั้นเป็นการเสียเปล่า
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ที่ผ่านมากองทุน LTF-RMF นั้นได้รับสิทธิพิเศษทางด้านภาษี ต้องยอมรับว่าได้สร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในกองทุนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้สร้างเสถียรภาพที่ดีให้กับตลาดหุ้นไทยอีกด้วย โดยก่อนหน้านี้หลายบลจ.เข้าใจว่านโยบายสิทธิประโยชน์ทางภาษีจะหมดอายุในปี 2559 ซึ่งหากทางกระทรวงการคลังอนุมัติโครงการต่อก็เป็นเรื่องที่ดี แต่หากไม่ได้รับการอนุมัติก็อาจจะส่งผลกระทบทำให้เม็ดเงินลงทุนใหม่จากนักลงทุนใหม่ๆเข้ามาลงทุน
อย่างไรก็ตามนักลงทุนส่วนใหญ่ที่เข้าใจการลงทุนและนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุน LTF-RMF นั้นได้เห็นประโยชน์จากการลงทุนระยะยาว ซึ่งกองทุนรวมหุ้นระยะยาวส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนที่ดี ส่งผลให้กองทุน LTF และกองทุนหุ้นอื่นๆได้รับความนิยมเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันกองทุน LTF มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับกองทุนหุ้น
"เรามองว่าน่าเสียดายมากถ้าหากโครงการสิทธิทางภาษีของกองทุน LTF-RMF ไมได้รับการต่ออายุ อาจจะส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนใหม่ๆเข้ามาลงทุนน้อยลง จริงๆแล้วเม็ดเงินจากกองทุนนั้นสร้างความเสถียรภาพที่ดีให้กับตลาดหุ้นไทยอีกด้วย"
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟินันซ่า จำกัด กล่าวว่า จากการที่กระทรวงการคลังจะทบทวนสิทธิการลดหน่อยภาษีกองทุน LTF - RMF นั้น ทางกระรวงการคลังจะมีการต่ออายุไปอย่างแน่นอน เพราะกองทุน LTF และ RMF เป็นการส่งเสริมการออม หากยกเลิกจะส่งผลต่อเม็ดเงินที่จะไปลงทุนในตลาดหุ้นอย่างแน่นอน แต่มองว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องมาตรการการลดหย่อยภาษีในรายการต่างๆ เช่นประกัน หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อกระตุ้นระบบการออมเงินของคนให้มากขึ้น
โดยรูปแบบที่พูดถึงกันแต่ยังไม่ได้สรุป คืออาจจะให้มีการรวมกลุ่มการลงทุนที่ลดหย่อนภาษีให้เพดานลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกิน 700,000 บาท ซึ่งให้สัดส่วนเพดานการลดหย่อยภาษีของแต่ละธุรกิจ ไปตามความความสามารถในการกระตุ้นการออมกับประชาชน
อย่างไรก็ตาม มองว่าแต่ละธุรกิจยังมีความแตกต่างกัน เช่น เรื่องค่าฟรี หรือการหาลูกค้า แต่เชื่อว่ากองทุนรวมยังมความสำคัญกับการออมของคนในประเทศ รวมไปถึงเม็ดเงินในการลงทุนในตลาดหุ้นและการระดมทุน ซึ่งทาง บลจ.เองนั้นทำงานกันอย่างเต็มที่ในเรื่องการกระตุ้นให้คนออมเงินและการลงทุนเพื่อใช้ในยามเกษียณอายุ
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) บัวหลวง กล่าวว่า ข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต่อการผลักดันกองทุนLTFและRMFนั้นส่วนตัวแล้วมองว่าอุตสาหกรรมควรนำไปพิจารณาว่าจริงหรือไม่ แต่ถ้ามองลึกลงไปธุรกิจประกันมีบุคคลากรจำนวนมาก และมีสินค้าประกันเป็นหลัก การเจาะตลาดจึงทำได้ง่ายกว่า
นอกจานี้โครงสร้างเอื้อให้จ่ายผลตอบแทนผู้ขายโดยขึ้นกับจำนวนที่ขายได้ ต่างกับผู้ขายในส่วนของธนาคารซึ่งมีสินค้าขายจำนวนมากมายหลายด้าน การเจาะตลาดผ่านธนาคารโดยให้เน้นกองทุนจึงอาจจะยากกว่าบ้าง
ส่วนกองทุนRMF เป็นกองทุนที่รัฐให้เกิดขึ้นโดยมีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องลงทุนทุกปีเพื่ออนาคตในยามเกษียณของผู้ลงทุน การให้ลดหย่อนภาษีได้ก็เพราะแนวคิดที่ว่าหากคนจำนวนหนึ่งสามารถออมเพื่อตนเองจนมีเพียงพอในยามเกษียณก็จะช่วยลดภาระของรัฐในการต้องใช้งบประมาณจำนวนหนึ่งมาดูแล เขาถึงให้ลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งตรงนี้มองว่าไม่ควรเอามาปนกันกับเรื่อง LTF เพราะมันเกิดมาด้วยวัตถุประสงค์ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
"สุดท้ายคือเรื่องที่ธุรกิจประกันมาเบียดเรื่องภาษีของกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปได้โดยให้คิดเป็นเม็ดเงินลดหย่อนภาษีรวมได้นั้น มองว่าเป็นวิจารณญาณของสรรพากรและคลัง จึงไม่มีความเห็นใด แต่ไม่ได้มองว่าเป็นผลกระทบต่ออุตสาหกรรมกองทุนแต่ประการใด เพราะหากเราเจาะตลาดไม่ได้ดีเท่าประกันชีวิตประชาชนก็ยังได้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีผ่านการทำประกันชีวิต ส่วนคนที่ลงทุนในกองทุนแล้วเชื่อว่าน้อยรายจะไม่ลงทุนต่อ"
นางวรวรรณ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามบลจ.ยังมีเวลาอีก 4 ปี กว่าจะถึงปี 2559 อย่าไปมองว่ามันจะเป็น LTF Cliff เหมือนเป็น Fiscal Cliff และควรเน้นการทำให้ผู้ลงทุนเข้าใจประโยชน์ของการลงทุนยาวๆ ในหุ้น ไม่ควรเน้นการไปขอให้รัฐช่วยเรื่องภาษีแต่เพียงอย่างเดียว เพราะหากไม่มีภาษีช่วย แล้วผู้ลงทุนจะไม่ลงทุนในกองทุนหุ้นอีกต่อไป มันก็แปลว่าการที่รัฐเอาภาษีมาช่วยนั้นเป็นการเสียเปล่า
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ที่ผ่านมากองทุน LTF-RMF นั้นได้รับสิทธิพิเศษทางด้านภาษี ต้องยอมรับว่าได้สร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในกองทุนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้สร้างเสถียรภาพที่ดีให้กับตลาดหุ้นไทยอีกด้วย โดยก่อนหน้านี้หลายบลจ.เข้าใจว่านโยบายสิทธิประโยชน์ทางภาษีจะหมดอายุในปี 2559 ซึ่งหากทางกระทรวงการคลังอนุมัติโครงการต่อก็เป็นเรื่องที่ดี แต่หากไม่ได้รับการอนุมัติก็อาจจะส่งผลกระทบทำให้เม็ดเงินลงทุนใหม่จากนักลงทุนใหม่ๆเข้ามาลงทุน
อย่างไรก็ตามนักลงทุนส่วนใหญ่ที่เข้าใจการลงทุนและนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุน LTF-RMF นั้นได้เห็นประโยชน์จากการลงทุนระยะยาว ซึ่งกองทุนรวมหุ้นระยะยาวส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนที่ดี ส่งผลให้กองทุน LTF และกองทุนหุ้นอื่นๆได้รับความนิยมเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันกองทุน LTF มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับกองทุนหุ้น
"เรามองว่าน่าเสียดายมากถ้าหากโครงการสิทธิทางภาษีของกองทุน LTF-RMF ไมได้รับการต่ออายุ อาจจะส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนใหม่ๆเข้ามาลงทุนน้อยลง จริงๆแล้วเม็ดเงินจากกองทุนนั้นสร้างความเสถียรภาพที่ดีให้กับตลาดหุ้นไทยอีกด้วย"