ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว และดูเหมือนจะไม่เคยเกิดปรากฏการณ์ในลักษณะนี้ที่สื่อสารมวลชนคนใดจะได้รับเกียรติขนาดนี้มาก่อน สำหรับการออกตัวของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่ออกหนังสือเวียน เรื่อง ขอความร่วมมือองค์กรในตลาดทุนผนึกกำลังแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ถึงกรรมการผู้จัดการ บริษัทจดทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน และสมาคมที่เกี่ยวเนื่อง ในตลาดทุนทุกแห่ง ในกรณีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวชื่อดังช่อง 3 และเจ้าของ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดว่าสนับสนุนเจ้าหน้าที่ อสมท ทำการทุจริต ทำให้บริษัท ไร่ส้ม สามารถยักยอกเงินค่าโฆษณาของ อสมท 138 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในหนังสือเวียนดังกล่าว ระบุว่าขอความร่วมมือให้ท่านพิจารณาอย่างรอบคอบและใช้ความระมัดระวังในการทำธุรกิจกับ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด และนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิด ตามมาตรา 6 มาตรา 8 และมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ซึ่งเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายทุจริตคอร์รัปชัน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทย
นายวรพล โสคติยาณุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนของประเทศไทย รวมถึงภาคตลาดทุน ในการออกมาเรียกร้องเพื่อให้ตระหนักและให้ความสำคัญต่อการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งยังถือเป็นการยกระดับความน่าเชื่อถือของตลาดทุนไทยและประเทศไทยให้เกิดความยอมรับมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ต้องนับว่าเหนือความคาดหมายมิใช่น้อยที่องค์กรอย่าง ก.ล.ต.ที่หากนับความสัมพันธ์ในทางพฤตินัยก็ต้องบอกว่ามีความผูกพันกับรัฐบาลอยู่เช่นกัน แต่ก็นับว่าเป็นการกระทำที่กล้าหาญไม่น้อยที่ได้ลุกขึ้นมาปลุกกระแสต่อการต่อต้านคอรัปชั่นในประเทศไทย
และหากจะกล่าวถึงรัฐบาลในเรื่องนี้ด้วยแล้วก็ช่างน่าตลกจนฟันร่วงเสียด้วยซ้ำ เพราะนอกจากจะไม่เคยเอาจริงเอาจังในเรื่องการปราบปรามคอรัปชั่น รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เองที่ประกาศปราบปรามคอรัปชั่นเสียดิบดี แต่ประเด็นร้อนแรงไปทั้งบ้านทั้งเมือง อย่างกรณีนักเล่าข่าวชื่อดัง รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่เคยจี้ช่อง3 ให้รักษาจรรยาบรรณ ไม่สนับสนุนคนคอรัปชั่นให้นั่งทำงานอยู่ในองค์กรใดๆ อีก สิ่งที่ดีที่สุดที่รัฐบาลก็คือทำเหมือนเอาหูไปตาเอานาไปไร่ เพราะเป็นที่รับรู้โดยทั่วกันว่า นายสรยุทธ์ นั้นมีจุดยืนอย่างไร ต่อรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์
ยิ่งไปกว่านั้นงามหน้าเข้าไปอีก เพราะไม่ทันขาดคำทันที นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ก็ได้ออกมาจวก ก.ล.ต.แบบไม่ยั้งเลยว่า ไม่เห็นด้วยกับ ก.ล.ต.ที่เวียนหนังสือ เป็นการพิพากษานายสรยุทธล่วงหน้าก่อนที่ศาลจะตัดสิน เพราะคดีดังกล่าวศาลยังไม่มีการพิพากษาแต่เป็นแค่การชี้มูลความผิดจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เท่านั้น และยืนยันว่า ไม่รู้จักนายสรยุทธเป็นการส่วนตัว
พุทโธ่ เอ๋ย ต้องบอกว่าอยู่ดีไม่ว่าดีแท้ๆ ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะนี้ เพราะนั้นก็เป็นเหมือนการออกมาอุ้มกันโต้งๆ แบบไม่มีอะไรปิดบัง แล้วแบบนี้จะไม่ทำให้สังคมเข้าใจได้อย่างไรว่า นายสรยุทธ์ กับกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นพวกเดียวกันหรือไม่ ถึงจะไม่รู้จักกันเป็นส่วนตัว เชื่อว่าประชาชนที่มีวิจารณญาณก็น่าจะเข้าใจ
ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นประธาน มีวาระสำคัญคือนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป.ในฐานะประธานคณะอนุ กมธ. เสนอให้ใช้ พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ.2554 เพื่อเรียกนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัท ไร่ส้ม จำกัด มาชี้แจง
ที่ขีดเส้นใต้ไว้ก็คือเกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือด ปรากฏว่ากมธ.จากพรรคเพื่อไทย (พท.) ทั้งนายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ ส.ส.อุดรธานี นางมุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น นางมนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม และนายธนิก มาสีพิทักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ต่างคัดค้านการใช้ พ.ร.บ.คำสั่งเรียกฯ กับนายสรยุทธ เรียกว่าชัดเจนแบบไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน หากจะกล่าวถึงจุดยืนนายสรยุทธ์ สำหรับทางช่อง 3 ไม่ว่าจะอย่างไรก็คงไม่เป็นปัญหา เพราะอย่างไรเสียสิ่งที่ช่อง 3 ยังคงให้ราคาและกระเตงอุ้ม นายสรยุทธ์อยู่นั้นก็เป็นเพราะว่า ตราบใดหากนายสรยุทธ์ยังคงทำหน้าที่เป็นตัวเงินตัวทองให้กับช่อง 3 ที่รายการนายสรยุทธหารายได้ให้ 20% ให้แก่บริษัท ต่อให้นายสรยุทธทำผิดอย่างไรก็อุ้มกันต่อไป
และคงต้องบอกว่า ดูเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับทางช่อง 3 ไม่น้อย ที่ตลอดมาได้แสดงจุดยืนว่าอยู่เคียงข้างไม่รู้ร้อนรู้หนาวการกระทำอันใดของนายสรยุทธ์ทั้งสิ้น เพราะภายหลังที่ สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกหนังสือเวียน ซึ่งหากจะเปรียบเหตุการณ์นี้ ก.ล.ต.เป็นผีเสื้อกระพือปีก ทางช่อง 3 ก็ไม่ต่างจากกำลังโดนพายุลูกใหญ่กระหน่ำทีเดียว เพราะเกิดปรากฏการณ์ตื่นตัวของสังคมอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนที่เอกชน-รัฐวิสาหกิจ ออกมารวมตัวกันบอยคอตกันยกใหญ่เลยทีเดียว
นายพงษ์ดิษฐ พจนา รองผู้ว่าการกิจการสังคมและสิ่งแวดล้อม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า แม้ว่า กฟผ.จะเป็นรัฐวิสาหกิจ ไม่ได้เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ในกรณีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งองค์กรที่ดำเนินนโยบายทางด้านซีเอสอาร์ จะต้องให้ความสำคัญจึงจะมีการเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนสื่อประชาสัมพันธ์ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อพิจารณาว่าจะมีการชะลอการทำธุรกรรมกับบริษัทไร่ส้ม หาก กฟผ.ตัดสินใจอย่างไร จะมีผลไปถึงบริษัทลูกทั้ง 2 บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วย คือ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
แหล่งข่าวจาก กฟผ. กล่าวว่า มีแนวโน้มว่า กฟผ.จะมีการชะลอการทำธุรกรรมกับบริษัทไร่ส้มไปจนกว่าจะมีคำสั่งจากศาลตัดสินออกมา
เช่นเดียวกับฟากของ นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า บางจากฯ ไม่มีกิจกรรมหรือทำธุรกรรมกับบริษัทไร่ส้มโดยตรง แต่มีกิจกรรมการกุศลบางโครงการที่มีความร่วมมืออยู่บ้างแต่ก็มีน้อยมาก
ก่อนหน้านี้ นายประเสริฐ สลิลอำไพ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า ที่ผ่านมา บมจ.ปตท. ได้เคยซื้อโฆษณาจากบริษัทไร่ส้ม จำกัด ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ 1.การซื้อเวลาโฆษณาจากบริษัทไร่ส้มโดยตรง และ 2.การซื้อโฆษณาผ่านบริษัทเอเยนซีซึ่งจะพิจารณาซื้อสื่อโฆษณาตามความเหมาะสมในแต่ละช่วง โดยสัญญากับบริษัทไร่ส้ม จะมีทั้งสัญญาที่เป็นแบบปีต่อปี และสัญญา 6เดือน ซึ่งฉบับล่าสุดจะหมดอายุในสิ้นเดือนธ.ค.นี้ โดยหลังจากนี้ยินดีที่จะรับนโยบายดังกล่าวของ ก.ล.ต. มาปฏิบัติตาม
ส่วนการซื้อโฆษณาผ่านทางบริษัทเอเยนซีนั้น จะหมดสัญญากับบริษัทเอเยนซีในสิ้นปีนี้เช่นเดียวกัน และการทำสัญญากับบริษัทเอเยนซีในปี 2556 จะกำชับเป็นพิเศษให้ทำตามนโยบายของ ก.ล.ต.
เช่นเดียวกับ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ กล่าวว่า การทำสัญญาบริษัทโตชิบา กับบริษัทไร่ส้มจะสิ้นสุดภายในเดือนธ.ค. นี้ ซึ่งการที่บริษัทมีปัญหาเรื่องคอร์รัปชันเกิดขึ้นทำให้บริษัทจะต้องเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะโดยส่วนตัวก็อยู่ในเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชันอยู่แล้ว ดังนั้นสัญญาก็น่าจะสิ้นสุด
ไม่เว้นแต่ นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ที่ประกาศว่า หากบริษัทในเครือมีการทำธุรกรรมกับบริษัทไร่ส้ม ก็คงต้องหยุดเพื่อเป็นการให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่ให้บริษัทจดทะเบียนใช้ความระมัดระวังการทำธุรกรรมกับบริษัทดังกล่าวมองว่าปัญหาคอร์รัปชัน เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน แต่อนาคตเชื่อว่าจะมีการพัฒนาการในทิศทางที่ดีขึ้นได้ เพราะต้องใช้เวลา
มาถึงตรงนี้แล้วก็คงต้องบอกว่าเป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้น การจะต่อสู้กับการคอรัปชั่นที่เริ่มด้วยจุดเล็กๆ ซึ่งก็นับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีของสังคมไทย เพราะต่อไปก็จะทำให้เกิดการตื่นตัวในประเด็นเรื่องคอรัปชั่นไปเรื่อยๆ
แต่สำหรับช่อง 3แล้ว ก็ต้องนับว่าเป็นระเบิดลูกแรกๆ ที่ช่อง 3 ต้องสะดุ้งสะเทือนไปตามๆกันอย่างแน่นอน เพราะคงไม่คาดคิดว่าจะเกิดกระแสสังคมขานรับมากมายขนาดนี้ในเรื่องคอรัปชั่น และคงจะไม่ได้มีแค่บางบริษัทที่ออกมาในเบื้องต้นนี้ด้วยซ้ำ มาถึงตอนนี้แล้วต้องบอกว่ามาถึงทางสองแพร่งของ ทางช่อง 3 เช่นกัน ที่ต้องคิดว่าจะสนใจจุดยืนคือเงิน ในส่วนของสรยุทธที่ทำเงินให้ช่อง 3 และตัวเองจำนวนมาก แต่หากไม่มีสรยุทธ ช่อง 3 ก็สามารถสร้างคนใหม่ขึ้นมาได้ ก็อยู่ที่ว่าทางช่อง 3จะปรับแผนอย่างไรหลังจากนี้
งานนี้ ไม่ต้องสืบเลยว่าบริษัทใหญ่ รวย พระราม4 กทม. เจอพายุเข้าแบบนี้คงต้องช็อตไปบ้างเหมือนกัน