นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อกระฉ่อนของรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ทางช่อง 3 ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว และเป็นการตอบโต้องค์กรสื่อที่เรียกร้องให้เว้นวรรคจากการทำหน้าที่สื่อมวลชน
การถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดกรณีทุจริตเงิน อสมท จำนวน 138 ล้านบาท ทำให้สื่อชื่อก้องประเทศไทยรายนี้มีความมัวหมอง และควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เพื่อรักษาเกียรติภูมิของวิชาชีพสื่อ
แต่ข้อเรียกร้องของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ไม่เพียงถูกเพิกเฉยเท่านั้น แต่ยังถูกท้าทาย โดยการแสดงท่าทีไม่ยอมรับสถาบันที่กำกับดูแลจรรยาบรรณผู้ประกอบวิชาชีพสื่ออีกด้วย
สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย คงไม่สามารถทำอะไรนายสรยุทธได้แล้ว นอกจากแสดงจุดยืนซึ่งสื่อมวลชนที่ดีควรปฏิบัติเท่านั้น
ถ้านายสรยุทธไม่ปฏิบัติตาม ก็เป็นการแสดงตัวตนของนายสรยุทธต่อสังคม
นายสรยุทธยังคงจ้อข่าวหน้าจอทุกเช้าตามปกติ ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน โดยช่อง 3 ก็ยังไม่มีท่าทีใดๆ ที่จะถอดนายสรยุทธออกจากผังรายการ และเชื่อว่า ช่อง 3 คงไม่ยอมปลดปรับผังพิธีกรรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” แน่
เพราะ “สรยุทธ” เป็นตัวเงินตัวทองของตระกูล “มาลีนนท์” ถ้าปลด “สรยุทธ” รายการข่าวช่อง 3 จะเฉา ส่งผลให้ราคาหุ้นช่อง 3 ตกฮวบ
การที่นายสรยุทธยังดื้อแพ่งเล่าข่าวอยู่ต่อไป การที่ตระกูล “มาลีนนท์” ยังทวนกระแสสังคมไม่ปลดนายสรยุทธ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ เพราะต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน
นายสรยุทธมีรายได้มหาศาลจากการเป็นพิธีกรข่าว และภายในระยะเวลาเพียงสิบปีเศษ สามารถกอบโกยเงินได้นับพันล้านบาท จนชาตินี้ใช้กันไม่หมด ขณะที่ช่อง 3 ก็มีรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการโฆษณา
ไม่มีใครต้องการเข้าไปขัดผลประโยชน์ระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่สิ่งที่สังคมต้องกรคือ บรรทัดฐานความมีจรรยาบรรณของสื่อมวลชน ต้องการแบบอย่างที่ดีของวิชาชีพสื่อ
การถูกชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช.แม้ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการทุจริต แต่ผู้ที่ถูกชี้มูล ถือว่ามีความมัวหมองแล้ว และควรแสดงสปิริตหยุดการทำหน้าที่เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีทางสังคม
นายสรยุทธควรแสดงความเป็นสื่อมวลชนที่ดี และมีสำนึกถึงการสร้างบรรทัดฐานของสังคม ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาตักตวงผลประโยชน์ โดยละทิ้งหลักจริยธรรมความเป็นสื่อ
นักการเมืองจำนวนไม่น้อยที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด แต่ยังคงดื้อแพ่ง ไม่ยอมแสดงสปริต ไม่มีความละอายใจ ไม่เสียสละเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดี โดยพยายามรั้งตำแหน่งต่อไป แต่เมื่อต้านกระแสสังคมไม่ไหว จึงจนตรอกและยอมลาออก
นายสรยุทธจะยึดแบบอย่างที่เลวเหมือนนักการเมืองหรือ
และถ้าเลียนแบบพฤติกรรมของนักการเมือง จะทำหน้าที่สื่อต่อไปได้อย่างไร จะดำเนินรายการเล่าข่าวในรูปแบบหรือเนื้อหาอย่างไร
เพราะสื่อต้องเสนอข่าวอย่างเป็นกลาง ตรงไปตรงมา และสะท้อนปัญหาอย่างรอบด้าน
เมื่อนายสรยุทธมีตำหนิเรื่องการทุจริต ต่อไปจะกล้าพูดถึงปัญหาการทุจริตหรือไม่ กล้าที่จะเรียกร้องการสร้างบรรทัดฐานที่ดีในสังคมหรือไม่ เพราะตัวเองก็เป็นอีกคนที่ทำลายบรรทัดฐานของสังคม
ตระกูล “มาลีนนท์” และนายสรยุทธคงประเมินแล้ว ท่ามกลางภาวะสังคมที่อ่อนแอ แตกแยก ไร้มาตรการลงโทษทางสังคมที่เข้มแข็ง ทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และยังสามารถร่วมกันตักตวงความมั่งคั่งใส่ตัวต่อไปตามปกติ
กระแสวิพากษ์วิจารณ์หรือเสียงประณามไม่ได้มีความหมายอะไร แกล้งทำเป็นไม่รับรู้ ทนกันไปสักนิด อีกไม่นานก็ชาด้านไปเอง
เพราะคนที่ไม่มีสปิริต คนที่ไร้หลักการ คนที่ทำลายบรรทัดฐานที่ดีทางสังคม ไม่ได้มีแค่ “สรยุทธ” และตระกูล “มาลีนนท์” เท่านั้น
ข้อเรียกร้องให้นายสรยุทธพิจารณาตัวเอง กระแสกดดันให้ช่อง 3 ปลดนายสรยุทธ ถึงวันนี้มีคำตอบแล้วว่า ไม่ได้รับการตอบสนองแน่ เพราะทั้งสองฝ่ายเลือกที่จะยืนข้างผลประโยชน์ตัวเองมากกว่ายืนหยัดรักษาหลักการของสังคม
ทั้ง “สรยุทธ” และช่อง 3 คิดว่า กระแสสังคมไม่มีผลร้ายอะไรกับตัวเอง
ปัญหาคือ สังคมกำหนดท่าทีอย่างไร จะมีบทลงโทษอย่างไรกับคนที่มีส่วนร่วมทำลายบรรทัดที่ดี
ช่อง 3 มีเรตติ้งผู้ชมสูงสุด นายสรยุทธมีแฟนรายการคับคั่ง จึงมีโฆษณาแออัดยัดเยียด สร้างรายได้มหาศาลในแต่ละเดือนและแต่ละปี
ถ้าผู้ชมช่อง 3 ลด เรตติ้งตก โฆษณาจะหล่นฮวบ รายได้จะหดหาย และจะทำให้ตระกูล “มาลีนนท์” ก้นร้อน ต้องทบทวนปรับผังรายการ ปรับเปลี่ยนหรือปลดพิธีกร เช่นเดียวกับที่เคยทำมาอย่างต่อเนื่อง
สังคมต้องช่วยกันถามตัวเองแล้วว่า ชอบดูช่อง 3 ชอบนายสรยุทธมากกว่าชอบสังคมที่มีบรรทัดฐานที่ดีหรือไม่
ถ้าชอบที่จะเห็นสังคมมีบรรทัดฐานที่ดี ชอบที่จะให้สื่อมวลชนยึดมั่นในจรรยาบรรณของวิชาชีพ ต้องช่วยกันสร้างบทลงโทษสื่อที่ทำลายบรรทัดฐานและไร้สำนึกในจรรยาบรรณ
และช่วยกันแสดงให้เห็นว่า บทลงโทษทางสังคมไม่ได้อ่อนปวกเปียกอย่างที่ “สรุยทธ” และตระกูลมาลีนนท์คิด
การฟังรายการ “สรุยทธ” การลงโฆษณาช่อง 3 เป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้คนที่ทำลายบรรทัดฐานทางสังคม หน้าระรื่นบนหน้าจอทีวีต่อไป
ชีวิตจะขาดหายหรือ ถ้าไม่ได้ฟัง “สรุยทธ” หรือเปิดดูช่อง 3
การถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดกรณีทุจริตเงิน อสมท จำนวน 138 ล้านบาท ทำให้สื่อชื่อก้องประเทศไทยรายนี้มีความมัวหมอง และควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เพื่อรักษาเกียรติภูมิของวิชาชีพสื่อ
แต่ข้อเรียกร้องของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ไม่เพียงถูกเพิกเฉยเท่านั้น แต่ยังถูกท้าทาย โดยการแสดงท่าทีไม่ยอมรับสถาบันที่กำกับดูแลจรรยาบรรณผู้ประกอบวิชาชีพสื่ออีกด้วย
สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย คงไม่สามารถทำอะไรนายสรยุทธได้แล้ว นอกจากแสดงจุดยืนซึ่งสื่อมวลชนที่ดีควรปฏิบัติเท่านั้น
ถ้านายสรยุทธไม่ปฏิบัติตาม ก็เป็นการแสดงตัวตนของนายสรยุทธต่อสังคม
นายสรยุทธยังคงจ้อข่าวหน้าจอทุกเช้าตามปกติ ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน โดยช่อง 3 ก็ยังไม่มีท่าทีใดๆ ที่จะถอดนายสรยุทธออกจากผังรายการ และเชื่อว่า ช่อง 3 คงไม่ยอมปลดปรับผังพิธีกรรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” แน่
เพราะ “สรยุทธ” เป็นตัวเงินตัวทองของตระกูล “มาลีนนท์” ถ้าปลด “สรยุทธ” รายการข่าวช่อง 3 จะเฉา ส่งผลให้ราคาหุ้นช่อง 3 ตกฮวบ
การที่นายสรยุทธยังดื้อแพ่งเล่าข่าวอยู่ต่อไป การที่ตระกูล “มาลีนนท์” ยังทวนกระแสสังคมไม่ปลดนายสรยุทธ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ เพราะต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน
นายสรยุทธมีรายได้มหาศาลจากการเป็นพิธีกรข่าว และภายในระยะเวลาเพียงสิบปีเศษ สามารถกอบโกยเงินได้นับพันล้านบาท จนชาตินี้ใช้กันไม่หมด ขณะที่ช่อง 3 ก็มีรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการโฆษณา
ไม่มีใครต้องการเข้าไปขัดผลประโยชน์ระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่สิ่งที่สังคมต้องกรคือ บรรทัดฐานความมีจรรยาบรรณของสื่อมวลชน ต้องการแบบอย่างที่ดีของวิชาชีพสื่อ
การถูกชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช.แม้ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการทุจริต แต่ผู้ที่ถูกชี้มูล ถือว่ามีความมัวหมองแล้ว และควรแสดงสปิริตหยุดการทำหน้าที่เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีทางสังคม
นายสรยุทธควรแสดงความเป็นสื่อมวลชนที่ดี และมีสำนึกถึงการสร้างบรรทัดฐานของสังคม ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาตักตวงผลประโยชน์ โดยละทิ้งหลักจริยธรรมความเป็นสื่อ
นักการเมืองจำนวนไม่น้อยที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด แต่ยังคงดื้อแพ่ง ไม่ยอมแสดงสปริต ไม่มีความละอายใจ ไม่เสียสละเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดี โดยพยายามรั้งตำแหน่งต่อไป แต่เมื่อต้านกระแสสังคมไม่ไหว จึงจนตรอกและยอมลาออก
นายสรยุทธจะยึดแบบอย่างที่เลวเหมือนนักการเมืองหรือ
และถ้าเลียนแบบพฤติกรรมของนักการเมือง จะทำหน้าที่สื่อต่อไปได้อย่างไร จะดำเนินรายการเล่าข่าวในรูปแบบหรือเนื้อหาอย่างไร
เพราะสื่อต้องเสนอข่าวอย่างเป็นกลาง ตรงไปตรงมา และสะท้อนปัญหาอย่างรอบด้าน
เมื่อนายสรยุทธมีตำหนิเรื่องการทุจริต ต่อไปจะกล้าพูดถึงปัญหาการทุจริตหรือไม่ กล้าที่จะเรียกร้องการสร้างบรรทัดฐานที่ดีในสังคมหรือไม่ เพราะตัวเองก็เป็นอีกคนที่ทำลายบรรทัดฐานของสังคม
ตระกูล “มาลีนนท์” และนายสรยุทธคงประเมินแล้ว ท่ามกลางภาวะสังคมที่อ่อนแอ แตกแยก ไร้มาตรการลงโทษทางสังคมที่เข้มแข็ง ทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และยังสามารถร่วมกันตักตวงความมั่งคั่งใส่ตัวต่อไปตามปกติ
กระแสวิพากษ์วิจารณ์หรือเสียงประณามไม่ได้มีความหมายอะไร แกล้งทำเป็นไม่รับรู้ ทนกันไปสักนิด อีกไม่นานก็ชาด้านไปเอง
เพราะคนที่ไม่มีสปิริต คนที่ไร้หลักการ คนที่ทำลายบรรทัดฐานที่ดีทางสังคม ไม่ได้มีแค่ “สรยุทธ” และตระกูล “มาลีนนท์” เท่านั้น
ข้อเรียกร้องให้นายสรยุทธพิจารณาตัวเอง กระแสกดดันให้ช่อง 3 ปลดนายสรยุทธ ถึงวันนี้มีคำตอบแล้วว่า ไม่ได้รับการตอบสนองแน่ เพราะทั้งสองฝ่ายเลือกที่จะยืนข้างผลประโยชน์ตัวเองมากกว่ายืนหยัดรักษาหลักการของสังคม
ทั้ง “สรยุทธ” และช่อง 3 คิดว่า กระแสสังคมไม่มีผลร้ายอะไรกับตัวเอง
ปัญหาคือ สังคมกำหนดท่าทีอย่างไร จะมีบทลงโทษอย่างไรกับคนที่มีส่วนร่วมทำลายบรรทัดที่ดี
ช่อง 3 มีเรตติ้งผู้ชมสูงสุด นายสรยุทธมีแฟนรายการคับคั่ง จึงมีโฆษณาแออัดยัดเยียด สร้างรายได้มหาศาลในแต่ละเดือนและแต่ละปี
ถ้าผู้ชมช่อง 3 ลด เรตติ้งตก โฆษณาจะหล่นฮวบ รายได้จะหดหาย และจะทำให้ตระกูล “มาลีนนท์” ก้นร้อน ต้องทบทวนปรับผังรายการ ปรับเปลี่ยนหรือปลดพิธีกร เช่นเดียวกับที่เคยทำมาอย่างต่อเนื่อง
สังคมต้องช่วยกันถามตัวเองแล้วว่า ชอบดูช่อง 3 ชอบนายสรยุทธมากกว่าชอบสังคมที่มีบรรทัดฐานที่ดีหรือไม่
ถ้าชอบที่จะเห็นสังคมมีบรรทัดฐานที่ดี ชอบที่จะให้สื่อมวลชนยึดมั่นในจรรยาบรรณของวิชาชีพ ต้องช่วยกันสร้างบทลงโทษสื่อที่ทำลายบรรทัดฐานและไร้สำนึกในจรรยาบรรณ
และช่วยกันแสดงให้เห็นว่า บทลงโทษทางสังคมไม่ได้อ่อนปวกเปียกอย่างที่ “สรุยทธ” และตระกูลมาลีนนท์คิด
การฟังรายการ “สรุยทธ” การลงโฆษณาช่อง 3 เป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้คนที่ทำลายบรรทัดฐานทางสังคม หน้าระรื่นบนหน้าจอทีวีต่อไป
ชีวิตจะขาดหายหรือ ถ้าไม่ได้ฟัง “สรุยทธ” หรือเปิดดูช่อง 3