ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-แม้จะรู้ทั้งรู้ว่า “นายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา” นักเล่าข่าวคนดังแห่งสารพัดรายการเรื่องเล่าทางไทยทีวีสีช่อง 3 จะมีพฤติกรรมฉ้อโกงอย่างชัดแจ้งหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีมติเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2555 ที่ผ่านมาว่า บริษัท ไร่ส้ม จำกัด และตัวนายสรยุทธมีความผิดในฐานะ “ผู้สนับสนุน” ทำให้ บริษัท อสมท จำกัด(มหาชน) ได้รับความเสียหายจากค่าโฆษณาเป็นเงิน 138,790,000 บาท แต่ดูเหมือนสังคมก็มิได้สนใจใยดีต่อพฤติกรรมดังกล่าวเท่าใดนัก
หลายคนยังคงติดตามรายการของนายสรยุทธ์ทางช่อง 3 เหมือนเดิม
ขณะที่นายสรยุทธ์ก็ยังคงทำหน้าที่เป็นนักเล่าข่าวทางช่อง 3 เหมือนเดิมโดยไม่ยี่หระต่อการทำผิดจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ แถมยังทำแสบด้วยการยื่นใบลาออกจากสมาชิกสมาคมนักข่าวและนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย หลังถูกกดดันให้แสดงความรับผิดชอบ
เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย?
หรือว่าสังคมไทยยอมรับการโกงหรือการฉ้อฉลว่าเป็นสิ่งที่ถูกที่ควรไปเสียแล้ว?
กระนั้นก็ดี ท่ามกลางความมืดมนอนธการก็ปรากฏข่าวที่น่ายินดียิ่ง เมื่อ “นายประมนต์ สุธีวงศ์” อดีตประธานหอการค้าไทย ในฐานะประธานภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชันได้ส่งหนังสือถึงกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด หรือช่อง 3 โดยจดหมายมีเนื้อความว่า…
“ตามที่สังคมได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในกรณีของบริษัท ไร่ส้ม ถูกป.ป.ช. ชี้มูลความผิดว่า ได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของ อสมท ทำการทุจริตเป็นเหตุให้ อสมทได้รับความเสียหาย ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชันมีความเห็นว่า บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด (สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่เป็นสื่อมวลชนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงและได้รับรางวัลช่อสะอาดประจำปี 2555 จาก ป.ป.ช. มีความจำเป็นที่ต้องแสดงความชัดเจนถึงจุดยืนในการดำเนินธุรกิจต่อกรณีข้างต้น ภาคีฯ ยังหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ช่อง 3 ในฐานะองค์กรธุรกิจระดับชาติ จะเข้ามามีส่วนร่วมสำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชัน และสร้างความน่าเชื่อถือขององค์กรธุรกิจไทย”
เจ็บปวดและทิ่มแทงลึกเข้าไปในหัวใจของผู้บริหารช่อง 3 ชนิดที่คนธรรมดาย่อมต้องรู้สึกรู้สาบ้าง
แต่ช่อง 3 ก็ยังคงนิ่งเฉยและมิได้มีปฏิกิริยาใดๆ ออกมา ซึ่งความจริงก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะต้องไม่ลืมว่านายสรยุทธ์คือตัวเงินตัวทองที่สร้างรายได้ให้กับช่อง 3 จำนวนมหาศาล
เมื่อคนโกงยังคงลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคม และช่อง 3 ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน และสมาชิก 40 องค์กรเอกชนจึงปฏิบัติการต่อเนื่องเป็นคำรบที่สอง โดยมีรายงานข่าวว่า ภาคีฯ เตรียมที่จะแสดงจุดยืนในการถอนโฆษณารายการเล่าข่าวของนายสรยุทธซึ่งออกอากาศทางช่อง 3 ในปีหน้า หากช่อง 3 ไม่ออกมาแสดงความชัดเจนถึงจุดยืนในการดำเนินธุรกิจต่อกรณีที่นายสรยุทธ ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดว่าร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ อสมท ทำการทุจริต เป็นเหตุให้ อสมท ได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2555 ที่ผ่านมา ผู้บริหารภาคเอกชน 40 องค์กรที่เป็นสมาชิกภาคีฯ ได้มีการหารือกัน และเห็นควรที่จะต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้เห็นว่าภาคีฯ เอาจริงกับการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน และได้มีการรวบรวมข้อมูลการซื้อโฆษณาในรายการของนายสรยุทธ โดยมีเอกชนขนาดใหญ่ 4 ราย ตัดสินใจยกเลิกการซื้อเวลาโฆษณาในรายการของนายสรยุทธตั้งแต่เดือนม.ค.2556 เป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน สมาชิกที่เป็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งตระหนักในเรื่องธรรมาภิบาล ก่อนเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ได้แสดงเจตนารมณ์การต่อต้านปัญหาทุจริต โดยจะใช้มาตรการทางสังคม (โซเชียล แซงก์ชัน) เพื่อเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ทางสังคมด้วย
4 บริษัทดังกล่าว ว่ากันว่าประกอบไปด้วยโตโยต้า โตชิบา ปูนซิเมนต์ไทยและธนาคารไทยพาณิชย์
และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ย่อมต้องส่งผลกระเทือนต่อช่อง 3 และนายสรยุทธ์ไม่น้อย จนอาจเป็นปมที่บีบบังคับให้ผู้บริหารช่อง 3 ต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งกับนายสรยุทธ์ก็เป็นได้
ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคิน จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์หุ้นบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC หลังภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น เตรียมถอนโฆษณารายการเล่าข่าวของนายสรยุทธหากช่อง 3 ไม่ออกมาแสดงความชัดเจนถึงจุดยืนในการดำเนินธุรกิจ โดยมองว่า เป็นความไม่แน่นอนที่เป็นปัจจัยลบต่อหุ้น BEC ต่อกรณีดังกล่าว ทำให้เกิดความไม่แน่นอนของรายได้ค่าโฆษณาในรายการที่มีคุณสรยุทธเป็นผู้ดำเนินรายการ ปัจจุบัน สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 (บริหารโดย บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด บริษัทย่อยของ BEC) มีรายการออกอากาศที่ดำเนินรายการโดยคุณสรยุทธ ทั้งสิ้น 3 รายการ (เรื่องเล่าเช้านี้, เรื่องเด่นเย็นนี้ และเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์) ซึ่งคาดว่าสร้างรายได้ให้แก่ BEC คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของรายได้รวมต่อปี
ทั้งนี้ สำหรับมุมมองการลงทุนในระยะยาวเรายังคงคำแนะนำ “ขาย” หุ้น BEC เนื่องจากราคาหุ้นสูงกว่ามูลค่าเหมาะสมที่เราประเมินที่ 47.60 บาท และแนวโน้มผลประกอบการระยะยาวมีความเสี่ยงจากการแข่งขันที่สูงขึ้นจากการขยายตัวของสื่อทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี และดิจิตอลทีวี (โดยวานนี้ ราคาหุ้น BEC ปิดที่ระดับ 58.50 บาท ลดลง 1 บาท หรือลดลง 1.7%)
นอกเหนือจากประเด็นดังกล่าวแล้ว ยังคงมีการเดินทางขุดคุ้ยและแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวนายสรยุทธ์และบริษัทของเขาอย่างต่อเนื่อง โดยเว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา(www.isranews.org) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวสังกัด “สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย” 2555ได้ตีพิมพ์รายงานพิเศษเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม เรื่อง “เปิดตัว 2 บริษัท“สรยุทธ”ตึกแถว 4 ชั้นคูหาเดียวฟัน 2,600 ล้าน”
โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวอิศราได้เดินทางไปยัง บริษัท ไร่ส้ม จำกัด และ บริษัท ชัดถ้อยชัดคำ จำกัด ตามที่อยู่ที่ระบุในการยื่นจดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่าตั้งอยู่เลขที่ 264 ซอยลาดพร้าว 130 ถนนลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร (2 บริษัทแจ้งที่อยู่เดียวกัน) เพื่อตรวจสอบข้อมูลบางประการ
ทั้งนี้ เมื่อเดินทางไปถึงเลขที่ดังกล่าวพบเป็นตึกแถวหนึ่งคูหาจำนวน 4 ชั้น ด้านหน้าบริษัทมีป้ายเล็กๆ ติดไว้ว่า "ไร่ส้ม" เมื่อเปิดประตูเข้าไปข้างในพบพนักงานจำนวนหนึ่งกำลังปฏิบัติงานอยู่
ผู้สื่อข่าวพยายามขอสัมภาษณ์พนักงานในบริษัทดังกล่าว เกี่ยวกับความรู้สึกและทัศนคติส่วนตัวของพนักงาน หลังจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลและถูกกระแสสังคมเรียกร้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทางด้านสื่อมวลชน
แต่ทว่าได้รับการปฏิเสธจากพนักงานในบริษัท ไร่ส้ม
โดยพนักงานคนหนึ่งกล่าวว่า“ไม่มีใครสะดวกให้สัมภาษณ์”
และก่อนหน้านั้นได้ขอดูบัตรนักข่าวและระบุว่า ช่วงนี้มีคนแปลกหน้ามาบ่อย
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบบัญชีงบดุล บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ปี 2554 ระบุ สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ได้แก่ ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์-สุทธิ มูลค่า 3,123,054.32 บาท ปี 2553 แจ้งว่ามีมูลค่า 4,048,816.25 บาท
ขณะที่ งบดุลบริษัท ชัดถ้อยชัดคำ จำกัด แจ้งสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ไม่มีที่ดิน อาคาร แต่ระบุอุปกรณ์-สิทธิ 14,908.1 บาท ปี 2553 แจ้งว่ามีมูลค่า 49,653.02 บาท
แปลไทยเป็นไทยก็คือ สำนักข่าวอิศรากำลังจะบอกว่า ตึกแถว 4 ชั้น 1 คูหาซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของบริษัท ไร่ส้ม จำกัดและบริษัท ชัดถ้อยชัดคำ จำกัด มีสภาพไม่สมฐานะบริษัทที่มีรายได้รวมในช่วง 5 ปีถึง 1,847,847,016.75 บาท และมีกำไรสุทธิรวม 742,071,704.64 บาท
และนั่นคือความจริงที่ปรากฏและไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ เพิ่มเติม