ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ชั่วโมงนี้ เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ไม่มีใครไม่รู้จัก “สรยุทธ สุทัศนจินดา” พิธีกรชื่อดังจากสารพัดรายการข่าวที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 กระทั่งไม่ว่าจะเกิดปัญหาใหญ่หรือเล็ก ก็ล้วนแล้วแต่ปรารถนาให้สรยุทธ ช่วยเหลือทั้งสิ้น เพราะรับประกันได้ว่า ทุกเรื่องที่ตกมาถึงมือเขา ร้อยทั้งร้อยจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี จนถึงกับมีผู้ตั้งฉายาว่า “นายกฯ สรยุทธ” กันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ภาพลักษณ์ที่ดีของสรยุทธ กำลังเผชิญกับความท้าทายในด้านศีลธรรมครั้งสำคัญ เมื่อผลกรรมที่ทำเอาไว้ในอดีตระหว่างช่วงที่ผลิตรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ร่วมกับบริษัท อสมท จำกัด(มหาชน) กำลังไล่ล่าพิธีกรชื่อดังผู้นี้ชนิดลมหายใจรดต้นคอ เมื่อล่าสุดเว็บไซต์สำนักข่าวอิศราhttp://www.isranews.org ได้อ้างแหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า อนุกรรมการไต่สวนคดีที่พนักงานบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ บมจ.อสมท ร่วมกับพนักงานบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ที่มีนายสรยุทธ สุทัศนจินดา พิธีกรชื่อดัง เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ยักยอกเงินโฆษณาที่ได้รับเงินกว่าสัญญาที่บริษัทไร่ส้มทำไว้กับ บมจ.อสมท ทำให้ บมจ.อสมท ได้รับความเสียหายถึง 138,790,000 บาท ชุดที่มีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธาน ได้มีมติในคดีดังกล่าวแล้วว่าผู้เกี่ยวข้องบางรายมีความผิด ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปสำนวนเพื่อส่งให้ที่ประชุม ป.ป.ช. ชุดใหญ่พิจารณาวินิจฉัยต่อไป
ที่สำคัญคือ นายภักดี ยอมรับว่า อนุกรรมการได้มีมติไปแล้วโดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอเจ้าหน้าที่สรุปสำนวนส่งมาให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนทำเรื่องเสนอให้ที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณาวินิจฉัยต่อไป เพียงแค่ยังบอกไม่ได้ว่าผู้ที่มีความผิดมีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชนใช่หรือไม่ เพราะยังเป็นแค่ชั้นอนุกรรมการ ต้องรอให้ที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณาก่อน
แน่นอนอีกไม่นานคงมีความชัดเจนในเรื่องนี้ เพราะนายภักดี ยืนยันว่า "ผมก็เร่งเขาอยู่ทุกวัน เชื่อว่าคงอีกไม่นาน"
ถ้าหากย้อนกลับไปตรวจสอบข้อมูลเดิมซึ่งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของ บมจ.อสมท ชุดที่มี พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีต ส.ว.เป็นประธาน และมีบุคคลที่มีชื่อเสียงจำนวนมากเป็นคณะกรรมการ เช่น นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ นายเจษฎา อนุจารี ฯลฯตามคำสั่งที่ 96/2549 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2549 ก็อาจจะเห็นเส้นทางและจุดจบของคดีอื้อฉาวที่เกิดขึ้นเมื่อราว 5 ปีก่อนได้เป็นอย่างดี
สำหรับคดีดังกล่าวสืบเนื่องจากบริษัทไร่ส้ม จำกัด ทำสัญญาแบ่งผลประโยชน์โฆษณากับ อสมท ในยุคที่มีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ซึ่งจากผลการสอบสวนของคณะกรรมการชุด พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ กล่าวหาว่า บริษัทไร่ส้มได้หาโฆษณาเกินจากขอบเขตที่กำหนดไว้ในสัญญาปี 2547, 2548 และมกราคม-มิถุนายน 2549 แต่มิได้นำผลประโยชน์แบ่งให้แก่ อสมท ตามที่ควรจะเป็นโดยเฉพาะในช่วงปี 2549 มีโฆษณาเกินมามากถึง 150 กว่าครั้ง คิดเป็นมูลค่ากว่า 98,790,000 บาท และเมื่อรวม ปีแรกเป็นมูลค่าถึง 138,790,000 บาท โดยบริษัทไร่ส้ม ได้จ่ายเงินให้แก่ บมจ.อสมท เพียง 770,000 บาทเท่านั้น
ที่สำคัญคือ พนักงาน อสมท รายดังกล่าวรู้อยู่แล้วว่า บริษัทไร่ส้ม ส่งเวลาโฆษณามาให้ออกอากาศเกินกว่าที่สัญญากำหนดมาให้ แต่ยังปล่อยให้มีการออกอากาศ เมื่อมีการตรวจสอบพบก็ได้แก้ไขเอกสารเพื่อทำลายหลักฐานว่า ไม่มีการส่งโฆษณาเกินกว่าที่สัญญากำหนด นอกจากนั้นยังตรวจสอบพบว่า ได้รับเช็คจากบริษัทไร่ส้มโดยอ้างว่า เป็นค่าโฆษณาที่หามาได้ซึ่งเช็คจำนวนดังกล่าวกลายเป็นหลักฐานที่สำคัญในคดีที่ทำให้บริษัทไร่ส้มถูกกล่าวหาเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด
จากนั้น บมจ.อสมท เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ สน.ห้วยขวาง เมื่อปลายปี 2550 ให้ดำเนินคดีกับพนักงาน อสมท 2 คน ในข้อหากระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 และบริษัทไร่ส้มของนายสรยุทธ ในฐานะผู้สนับสนุน ทำให้ บมจ.อสมท ได้รับความเสียหายจากค่าโฆษณาเป็นเงิน 138,790,000 บาท และ สน.ห้วยขวางได้ส่งสำนวนทั้งหมดให้คณะกรรม ป.ป.ช.เมื่อเดือน ธ.ค.2550 แต่คดีกลับคืบหน้าช้ามาก ทั้งๆ ที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของ บมจ.อสมท ชุดที่มี พล.ต.อ.ประทิน ได้รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานไว้เป็นจำนวนมาก
โดยคณะกรรมการชุดของ พล.ต.อ.ประทินมีมติให้กล่าวหาพนักงาน บมจ.อสมท และบุคคลภายนอก ทั้งทางวินัย ทางอาญา และทางแพ่ง รวม 12 รายแตกต่างกันไป ได้แก่
1.นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ ฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายบริการลูกค้า
2.น.ส.อัญญา อู่ไทย หัวหน้าส่วนธุรการระดับ 6 ฝ่ายบริการลูกค้า
3.นายประทีป ศรีมณฑล พนักงานธุรกิจระดับ 7 งานคิวโฆษณา
4.นายธนะชัย วงศ์ทองศรี ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายธุรกิจ และเลขานุการบริษัท
5.นางเบจมาศ นนท์วงศ์ พนักงานธุรกิจระดับ 5
6.นายวัลลพ ม่วงกล่ำ พนักงานตัดต่อระดับ 5
7.น.ส.บุณฑณิก บูลย์สิน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด 1
8.บริษัท ไร่ส้ม จำกัด รวมทั้งกรรมการบริษัท คือ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา, น.ส.อังคณา วัฒนมงคลศิลป์, น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ่ม และน.ส.มณฑา ธีรเดช
อย่างไรก็ตาม เมื่อฝ่ายบริหาร บมจ.อสมท พิจารณาสำนวนของคณะกรรมการแล้วเห็นว่า ให้แจ้งความดำเนินคดีอาญาแก่พนักงาน บมจ.อสมท 2 คน โดยกล่าวหาว่าทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 คือ 1.นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด ซึ่งเป็นผู้ดูแลเวลาโฆษณาของบริษัทไร่ส้ม ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ในการปลอมแปลงเอกสารและทำลายเอกสาร รวมทั้งรับสินบนจากบริษัทไร่ส้ม 2.นางเบจมาศ นนท์วงศ์ ซึ่งเป็นผู้ส่งโฆษณาให้แก่นางพิชชาภาและบริษัทไร่ส้ม ส่วนกรรมการบริษัทไร่ส้ม ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด
สำหรับการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐฯเป็นโทษที่หนักมาก มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี 5-20 ปีหรือตลอดชีวิต แล้วแต่เป็นความผิดในฐานไหน หรือประหารชีวิตในกรณีเรียกรับสินบน นอกจากนี้ ยังเป็นความผิดอาญาแผ่นดินซึ่งไม่สามารถยอมความได้ แม้จะมีการคืนเงินค่าโฆษณาที่บริษัทไร่ส้มได้รับเกินไปกว่าสัญญาหรือรับไป โดยมิชอบแล้วก็ตาม (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในล้อมกรอบ)
นั่นคือข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับคดีดังกล่าวซึ่งนายสรยุทธมีชื่อปรากฏเป็นกรรมการของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด โดยมีพฤติกรรมสนับสนุนการกระทำความผิดของพนักงาน บมจ.อสมท. ซึ่งบมจ.อสมท ได้รับความเสียหายจากค่าโฆษณาเป็นเงินถึง 138,790,000 บาท
กล่าวสำหรับธุรกิจของนายสรยุทธนั้น จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า นอกจากบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ที่กำลังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้นั้น นายสรยุทธยังมีชื่อเป็นเจ้าของอีก 1 บริษัทคือ บริษัท ชัดถ้อยชัดคำ จำกัด ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้ว ทั้งสองบริษัทล้วนแล้วแต่เป็นธุรกิจที่ทำกำไรก้อนงามให้กับผู้เป็นหุ้นส่วนจนน่าอิจฉา
ถ้าหากรวมตัวเลขรายได้ตั้งแต่ปี 2550-2554 บริษัท ไร่ส้ม มีรายได้รวม 1,548,940,551.55 บาท กำไรสุทธิรวม 636,944,817.07 บาท ในช่วงเวลาเดียวกัน บริษัท ชัดถ้อยชัดคำ จำกัด มีรายได้ 5 ปีรวม 298,906,465.20 บาท กำไรสุทธิรวม 105,126,887.57 บาท
เบ็ดเสร็จในช่วง 5 ปี 2 บริษัท มีรายได้รวม 1,847,847,016.75 บาท กำไรสุทธิรวม 742,071,704.64 บาท
ทั้งหมดนั้นคือข่าวเด็ดที่สมาชิกครอบครัวข่าวช่อง 3 รอดูจากรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ของนายสรยุทธอย่างใจจดใจจ่อ
ล้อมกรอบ///
เปิดแฟ้มคดีไร่ส้มอมเงิน
วันที่ 6 พ.ค.2547 อ.ส.ม.ท.โดยนายชิตณรงค์ คุณะกฤษดาธิการ รองผู้อำนวยการผู้รับมอบอำนาจ ได้ทำหนังสือสัญญาร่วมดำเนินรายการโทรทัศน์กับ บ.ไร่ส้ม จำกัด โดยนายสรยุทธและ น.ส.อังคณา วัฒนมงคลศิลป์ กรรมการผู้มีอำนาจ เพื่อแพร่ภาพออกอากาศรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.2547-26 ธ.ค.2547 ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 12.00 น.-13.00 น. รวมครั้งละ 55 นาที (รวมเวลาโฆษณา) ตกลงอัตราค่าโฆษณาไม่ต่ำกว่านาทีละ 200,000 บาท โดยทั้งสองฝ่ายจะไม่จำหน่ายในอัตราที่ต่ำกว่าอัตราดังกล่าว การเปลี่ยนแปลงอัตราค่าโฆษณาต้องเป็นความยินยอมของทั้งสองฝ่าย อ.ส.ม.ท.ตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้แก่ บ.ไร่ส้ม จำกัด ครั้งละ 5 นาที
หลังจากที่ อ.ส.ม.ท.ได้เปลี่ยนสภาพเป็นบริษัทมหาชน (ในวันที่ 30 ก.ค.2547) บมจ.อสมท กับ บ.ไร่ส้ม จำกัด ได้ทำบันทึกข้อตกลงแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาร่วมดำเนินการรายการโทรทัศน์ครั้งที่ 1 ลงวันที่ 23 ส.ค.2547 เพื่อให้สอดคล้องกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โดยให้ขยายเวลาออกอากาศจากเดิม 60 นาที เป็น 90 นาที ระหว่างวันที่ 7-29 ส.ค.2547 ออกอากาศทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 11.30 น.-13.00 น. จึงตกลงให้ บ.ไร่ส้ม จำกัด ผลิตรายการความยาวเนื้อหาตอนละ 66 นาที เฉพาะที่ออกอากาศในช่วงนั้น โดย บมจ.อสมท ตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้แก่ บ.ไร่ส้ม จำกัด ครั้งละ 7 นาที 30 วินาที
วันที่ 26 พ.ย.2547 บมจ.อสมท.กับ บ.ไร่ส้ม จำกัด ได้ทำบันทึกข้อตกลงแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาร่วมฯ ครั้งที่ 2 โดยขยายระยะเวลาตามสัญญาเดิม ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 26 ธ.ค.2547 เป็นสิ้นสุดสัญญาวันที่ 27 มี.ค.2548
นอกจากนี้ ในวันที่ 6 ก.ย.2547 บ.ไร่ส้ม จำกัด ได้ตกลงทำสัญญาร่วมฯกับ บมจ.อสมท เพื่อแพร่ภาพออกอากาศรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2547-31 มี.ค.2548 ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 21.30 น.-22.00 น. รวมครั้งละ 30 นาที (รวมเวลาโฆษณา) ตกลงอัตราโฆษณาไม่ต่ำกว่านาทีละ 220,000 บาท โดยทั้งสองฝ่ายมีสิทธิโฆษณาได้ฝ่ายละ 2 นาที 30 วินาที
หลังจากนั้น ได้มีการขยายสัญญาร่วมฯ กับ บ.ไร่ส้ม จำกัด ในการทำรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา21.30 น.-22.00 น. ไปจนถึงวันที่ 31 ก.ค.2549 ตกลงอัตราโฆษณาไม่ต่ำกว่านาทีละ 240,000 บาท แบ่งเวลาโฆษณาให้ฝ่ายละ 2 นาที 30 วินาที
และทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 12.00 น.-13.00 น. ไปจนถึง 30 ก.ค.2549 ตกลงอัตราโฆษณาไม่ต่ำกว่านาทีละ 200,000 บาท โดยตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้ฝ่ายละ 2 นาที 30 นาที
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น นายชิตณรงค์ ได้มีคำสั่งที่ 52/2549 ลงวันที่ 3 ส.ค.2549 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในกรณีที่มีคิวโฆษณาในรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ของ บ.ไร่ส้ม จำกัด เกินเวลาที่ตกลงไว้ โดยให้นายพลชัย วินิจฉัยกุล เป็นประธาน
จากการตรวจสอบพบเงินโฆษณาส่วนเกินที่ต้องเรียกจาก บ.ไร่ส้ม จำกัด ใช้วิธีเปรียบเทียบจากเอกสารมอนิเตอร์ของ บ.ดับบลิวโอเอ แอ็ดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด (BR) กับเอกสารคิวโฆษณารวม คิวโฆษณาของ บ.ไร่ส้ม จำกัด และคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท แล้วคิดคำนวณค่าโฆษณาส่วนเกินพบว่า บ.ไร่ส้ม จำกัด ได้โฆษณาส่วนเกินตามสัญญาฯ ในปี 2548 คิดเป็นเงิน 40,110,000 บาท และปี 2549 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย. คิดเป็นเงิน 98,680,000 บาท รวมเป็นเงิน 138,790,000
นอกจากนี้ ยังพบโฆษณาส่วนเกินที่ไม่ใช่คิวโฆษณา บ.ไร่ส้ม จำกัดและไม่ใช่คิวโฆษณาของ บมจ.อสมท หรือที่เรียกว่า “โฆษณาผี” ที่ดำเนินการโดยนางพัชชาภา เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่ธุรการ ฝ่ายสนับสนุนและบริหารลูกค้า บมจ.อสมท ซึ่งมีหน้าที่ในการประสานงานกับผู้จัดรายการที่เป็นคู่สัญญา ดังนี้ ปี 2548 เป็นเงิน 950,000 บาท ปี 2549 เป็นเงิน 180,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,130,000 บาท
จากผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนชุด พล.ต.อ.ประทิน มีข้อวินิจฉัยว่า มีพนักงานอสมท ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวนี้ 8 ราย โดย 7 รายพบการกระทำความผิด อีก 1 รายลาออกและไม่พบความผิด โดย 2 ใน 7 ราย ที่กระทำความผิดตามสำนวนของคณะกรรมการสอบสวนฯ ชุดพล.ต.อ.ประทิน ซึ่งผู้บริหาร อสมท. แจ้งดำเนินคดีอาญา คือ นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด และนางเบ็ญจมาศ นนทวงษ์ พร้อมด้วยบริษัทไร่ส้ม
สำหรับพฤติกรรมของนางพิชชาภา และนางเบญจมาศ ตามสำนวน ระบุว่า นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่ธุรการ ฝ่ายสนับสนุนและบริการลูกค้า (17 ส.ค.2547-13 มิ.ย.2548) และเจ้าหน้าที่ธุรการ ฝ่ายสนับสนุนและบริการลูกค้า (14 มิ.ย.2548-เดือน ก.ค.2549) มีหน้าที่จัดทำคิวโฆษณาในรายการโทรทัศน์ตามสัญญาร่วมดำเนินรายการ
นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2548-30 มิ.ย.2549 นางพิชชาภาได้บังอาจกระทำการโดยทุจริต แสวงหาประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นต่างกรรมต่างวาระ โดยจัดทำคิวโฆษณาส่วนเกินในรายการ “คุยคุ้ยข่าว” และไม่จัดส่งข้อมูลดังกล่าวมาให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง อันเป็นประโยชน์แก่ บ.ไร่ส้ม จำกัด
โดยนางพิชชาภาได้รับเงินตอบแทนจาก บ.ไร่ส้ม จำกัด เป็นรายเดือน ทำให้ บมจ.อสมท ได้รับความเสียหาย ไม่ได้รับเงินค่าโฆษณาส่วนเกินจาก บ.ไร่ส้ม จำกัด จำนวน 138,790,000 บาท แม้ต่อมา บ.ไร่ส้ม จำกัด จะยินยอมชำระเงินคืนแก่ บมจ.อสมท แล้วก็ตาม แต่เป็นผลมาจากการตรวจสอบพบการโฆษณาเกินของเจ้าหน้าที่ บมจ.อสมท และมีการเรียกร้องให้ บ.ไร่ส้ม จำกัด ขำระเงินค่าโฆษณาส่วนเกินดังกล่าว
ระหว่างวันที่ 7 ส.ค.2548-25 ธ.ค.2548 และระหว่างวันที่ 3 พ.ค.2549- 15 ก.ค.2549 นางพิชชาภายังได้จัดทำ “คิวโฆษณาผี” อันเป็นสินค้าที่ บ.เบนเฮอร์ แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด บ.ยูนิค แพลนเนอร์ กรุ๊ป จำกัด และ บ.ฮิป ฮิป ฮูเรย์ ครีเอชั่น จำกัด ฝากให้นางพิชชาภาพนำไปลงโฆษณากับ บ.ไร่ส้ม จำกัด ในรายการ “คุยคุ้ยข่าว” แต่ปรากฏว่านางพิชชาภาเป็นผู้รับเงินค่าโฆษณาดังกล่าวเอง ทำให้ บมจ.อสมท เสียหาย ไม่ได้รับเงินค่าโฆษณาดังกล่าว รวม 1,130,000 บาท
นางพิชชาภา จึงมีความรับผิดทางวินัย ตามข้อบังคับ อ.ส.ม.ท. (ฉบับที่ 43) ว่าด้วยการพนักงาน และมีความรับผิดทางอาญาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 และความรับผิดทางแพ่ง ในการชำระค่าโฆษณาผีและค่าส่วนลดของ บ.ไร่ส้ม จำกัด ในเดือน ก.ค.2549 น้อยกว่าที่ บมจ.อสมท ควรจะได้ รวมเป็นเงิน 3,259,000 บาท
ส่วน นางเบ็ญจมาศ นนทวงษ์ พนักงานธุรกิจ ระดับ 6 (18 ส.ค.2546-9 ม.ค.2550) ได้นำรายการโฆษณาสินค้าของลูกค้าที่ตนเคยดูแลไปฝากให้นางพิชชาภาเพื่อให้ออกอากาศในรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ของ บ.ไร่ส้ม จำกัด เพื่อให้บริษัทนั้นได้ส่วนลดมากกว่ามาลงในส่วนของ บมจ.อสมท เป็นช่องทางให้นางพิชชาภาทำโฆษณาผี นำเงินเข้าเป็นประโยชน์ของตนเอง ร้ายแรง ถือว่ามีความรับผิดทางวินัย ตามข้อบังคับ อ.ส.ม.ท. (ฉบับที่ 43) ว่าด้วยการพนักงาน ความรับผิดทางอาญาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 และความรับผิดทางแพ่งที่ต้องชะรำค่าโฆษณาผีให้แก่ บมจ.อสมท เป็นเงิน 1,130,000 บาท
ขณะที่คนอื่นๆ คือ น.ส.อัญญา อู่ไทย, นายประทีป ศรีมณฑล, นายธนะชัย วงศ์ทองศรี, นายวัลลพ ม่วงกล่ำ พบการกระทำผิดเช่นกันแต่ผู้บริหารอสมทไม่แจ้งความดำเนินคดี ส่วนน.ส.บัณฑณิก บูลย์สิน ไม่พบว่ามีความผิด
สำหรับ บ.ไร่ส้ม จำกัด ที่เป็นคู่สัญญากับ บมจ.อสมท ตามสัญญาร่วมฯ นั้น ตามสำนวนการสอบสวน ระบุว่า “ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2548-31 ก.ค.2549 บ.ไร่ส้ม จำกัด โดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา น.ส.อังคณา วัฒนะมงคลศิลป์ และ น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ่ม กรรมการบริษัท กับ น.ส.มณฑา ธีรเดช เจ้าหน้าที่ บ.ไร่ส้ม จำกัด ได้บังอาจร่วมกันกระทำการโดยทุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ต่างกรรมต่างวาระ
โดยได้ร่วมกับนางพิชชาภา จัดทำคิวโฆษณาส่วนเกินในรายการ “คุยคุ้ยข่าว” และไม่แจ้งขอซื้อโฆษณาส่วนเกินต่อ บมจ.อสมท อันเป็นประโยชน์แก่ บ.ไร่ส้ม จำกัด โดยได้มอบเงินตอบแทนเป็นรายเดือนแก่นางพิชชาภา อันเป็นประโยชน์แก่ บ.ไร่ส้ม จำกัด ทำให้ บมจ.อสมท ได้รับความเสียหาย ไม่ได้รับเงินค่าโฆษณาส่วนเกินของ บ.ไร่ส้ม จำกัด 138,790,000 บาท
แม้ต่อมาจะยินยอมชำระคืนแก่ บมจ.อสมท แต่เป็นผลมาจากการตรวจสอบพบการโฆษณาส่วนเกิน และมีการเรียกร้องให้ บ.ไร่ส้ม จำกัด ชำระเงินค่าโฆษณาส่วนเกินดังกล่าว ดังนั้น การกระทำผิดของ บ.ไร่ส้ม จำกัดและนางพิชชาภาได้สำเร็จและสร้างความเสียหายร้ายแรงแก่ บมจ.อสมท อันเป็นการกระทำโดยร่วมกันทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดความจริง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่ 3 อันเป็นมูลความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบกับมาตรา 93”
นอกจากนี้ เมื่อ บมจ.อสมท ทำการตรวจสอบการโฆษณาส่วนเกิน บ.ไร่ส้ม จำกัด ได้สั่งการให้นางพิชชาภา ทำการลบข้อความในใบคิวโฆษณารวมของ บมจ.อสมท และ บ.ไร่ส้ม จำกัด เพื่อทำลายพยานหลักฐานและเป็นการปกปิดข้อความจริงและความผิดของตน อันมีมูลความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264
นางพิชชาภา มีสถานะเป็นพนักงานของ บมจ.อสมท ดังนั้นการที่นางพิชชาภาได้เรียกรับหรือยอมจะรับ ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในหน้าที่ จึงถือว่านายพิชชาภามีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ส่วน บ.ไร่ส้ม จำกัด จึงเป็นผู้สนับสนุนให้นางพิชชาภากระทำความผิด
นอกจากนี้ บ.ไร่ส้ม จำกัด ยังมีมูลที่ต้องชดใช้ตามความผิดทางแพ่งอีกด้วย
หมายเหตุ - 'ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์' มีแฟนเพจแล้วนะครับ ขอเชิญร่วมพูดคุยและแสดงความคิดกันได้ที่ http://www.facebook.com/Astvmanagerweekend