xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ยิงถล่มดับ “นายกพีระ” ถ้าการเมืองสั่งตายอนาคตสงขลานองเลือด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เฟซบุ๊กเป็นช่องทางสื่อสารที่นายพีระ ชอบใช้แสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะชน ซึ่งปัจจุบันมีเพื่อนเกือบ 5,000 คน และขณะนี้ก็เป็นสื่อแสดงความอาลัยต่อการจากไป
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - การสังหารโหด พีระ ตันติเศรณี นายกเทศบาลนครสงขลา ถือเป็นคดีใหญ่ของจังหวัดสงขลา เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่นักการเมืองระดับนายกเทศบาลนครจะถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมกลางเมือง ชนิดที่กลุ่มมือปืนและผู้บงการปฏิบัติการอย่าง “เย้ยกฎหมาย”

และที่สำคัญ พีระ ตันติเศรณี นายกเทศบาลนครสงขลา ไม่ใช่นักการเมืองอิทธิพล ไม่ใช่นักเลง และไม่ใช่เจ้าพ่อที่ไปไหนมาไหนต้องแวดล้อมด้วย “มือปืน” ทั้งหน้าทั้งหลัง รวมทั้งไม่ใช่นักการเมืองที่เป็น “ผู้รับเหมา” หรืออื้อฉาวด้วยเรื่องของ “หัวคิว 20-30 เปอร์เซ็นต์

ภาพของ พีระ ตันติเศรณี คือ นักการเมืองในคราบของ “วิชาการ” และเป็นเหมือน “เอ็นจีโจ”กลายๆ ที่ให้น้ำหนักในเรื่องของ “กิจกรรม” ไปไหนมาไหนคนเดียว เหมาะที่จะเป็นประธานงานทอดผ้าป่า ทอดกฐิน หรืองานบุญ งานวิชาการต่างๆ

แม้ว่าใน ระยะหลายเดือนที่ผ่านมา ลักษณะของพีระ ตันติเศรณี จะเปลี่ยนไป แต่ไม่ได้เปลี่ยนไปเป็น“เจ้าพ่อ” ผู้มีอิทธิพลหรือผู้รับเหมา แต่เปลี่ยนไปเป็นเหมือนมีอาการ “เพี้ยนๆ” เหมือนกับ “คนไม่บาท” ตามสำนวนคนใต้ ซึ่ง “พีระ” เอง ก็เคยพูดกับใครต่อใครว่า “เขาว่าผมเพี้ยน” และ “บริบท” ของ “พีระ” จะปรากฏทาง “เฟซบุ๊ก” มากกว่าการสื่อสารแบบทางตรงกับผู้คน

และจากความ “เพี้ยน” ของ “พีระ” นี่เอง ที่ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งจนถึงขั้น “วุ่นวาย” ในการบริหารเทศบาลนครสงขลาขึ้น โดยรองนายกเทศมนตรีทั้ง 4 ราย ที่เคยร่วมหัวจมท้ายกันมากร่วม 3 ปี ทยอยกันลาออกจนหมดเกลี้ยง รวมทั้งที่ปรึกษานายกฯ และเลขานุการนายกก็ยื่นใบลาตามไปด้วย และแม้แต่ปลัดเทศบาลซึ่งทำงานมายาวนานก็ขอยื่น “เออร์รี่” เพราะเบื่อกับความ “เพี้ยน” ของ “พีระ” รวมทั้งหมายถึงคนใกล้ชิดของ “พีระ” ที่เข้าไป “ก้าวก่าย” งานในเทศบาล

เรื่องของ “พีระ” ในเทศบาลยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นการสั่งปลด “ลูกจ้าง” กว่า 100 คน และการสั่งเปลี่ยนหน้าที่และพักราชการข้าราชการระดับสูงในเทศบาลนครสงขลารวม 12 คน จนเรื่องราวบานปลาย มีการร้องเรียนจากข้าราชการประจำถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาต้องใช้อำนาจในการออกคำสั่งให้ข้าราชการทั้งหมดกลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม

และหาก “พีระ” ไม่ถูกเด็ดชีพในวันที่ 7 พ.ย.แล้ว ในวันที่ 8 พ.ย. เวลา 08.30 น. ต้องมีการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนเรื่องที่ข้าราชการทั้งหมดที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจะฟ้อง “พีระ” และคนใกล้ชิดตามกระบวนการยุติธรรม แต่เมื่อ “พีระ” ลาโลกไปก่อนขบวนการฟ้องร้องจึง “ยุติ” ลง

แต่เรื่องความขัดแย้งในเทศบาลนครสงขลา ไม่ใช่ชนวนเหตุของการ “สั่งตาย” นายกฯ “พีระ” อย่างแน่นอน เพราะทั้งรองนายกฯ ทั้ง 4 คนที่ลาออก ต่างยังมี “ไมตรี” กับ “พีระ” อยู่ และทุกคนต่างมี “วิถี” ทางการเมืองที่ออกไปเพื่อเตรียมทำการเมืองแข่งกับ “พีระ” ในการเลือกตั้งในปี 2556 และเป้าหมายของ “รองนายกฯ” หลายคนคือ เก้าอี้นายกเทศบาลนครสงขลาที่ “พีระ” นั่งอยู่

ส่วนข้าราชการประจำและลูกจ้างที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เชื่อว่าคงจะไม่มีใครลงทุนว่าจ้างมือปืนระดับ “หลายแสน” หรือเป็นล้านมาปลิดชีพของ “พีระ” อย่างแน่นอน เพราะผลที่จะเกิดขึ้นไม่คุ้มค่า

มีหลายคนตั้ง “โจทย์” เรื่องการขัดแย้งกับ บริษัท ชลัมเบอร์เจอร์ โอเวอร์ซีส์ เอส.เอ ซึ่งเป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครสงขลากว่า 30 ปี โดยมีการเก็บสารกัมมันตรังสี เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมขุดเจาะน้ำมันและแก๊สในอ่าวไทย เป็นประเด็นที่เพิ่งมีปัญหา และอยู่ระหว่างการ “พูดคุย” เพื่อหาทางออก ซึ่งไม่น่าจะมีผลประโยชน์มากมายจนถึงจะต้อง “กำจัด” “นายกฯพีระ”

เพราะถึงแม้จะสิ้น “พีระ” ไป ก็ไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะ “ยุติ” เพราะประชาชนต่างหากที่เป็นตัวเคลื่อนไหวให้บริษัทฯ ย้าย สารอันตรายออกจากเขตเทศบาล “พีระ” เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

การ “สั่งตาย” พีระ ตันติเศรณี จึงเหลือ ประเด็นสุดท้ายคือ ความขัดแย้งทางการเมือง ระหว่างนักการเมืองด้วยกันที่อยู่ในเครือข่ายท้องถิ่น ทั้งในระดับเทศบาลและ อบจ. ซึ่งที่ผ่านมา “พีระ” เป็น นักการเมืองที่ประกาศตัวชัดเจนว่าจะสนับสนุนใคร และจะไม่สนับสนุนใครในสนามไหน และนอกจากจะใช้ “ปาก” อย่างมีเสรีภาพ แล้ว “พีระ” ยังใช้การกระทำในช่องทางของ “กฎหมาย” จนเกิดการแจ้งความ ฟ้องร้องกันอีกหลายต่อหลายเรื่องและหลายครั้ง โดยเฉพาะในปี 2555 ตั้งแต่ต้นปี จนถึงปัจจุบัน ซึ่ง “พีระ” ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ผ่านๆ มาตัวเองได้ทำอะไรให้ใคร โกรธแค้นหรือไม่ ดังนั้น “พีระ” จึงไม่เคยระวังตัวว่าจะตกเป็น “เป้า”ของการสั่งตายในครั้งนี้

โดยข้อเท็จจริง พีระ ตันติเศรณี ไม่ใช่นักการเมือง “โนเนม” แต่เป็นนักการเมืองที่มาจากตระกูลใหม่มี “สาแหรก” มากคนหนึ่งใน จ.สงขลา เป็นเครือญาติกับประพร เอกอุรุ ส.ส.พรรค ประชาธิปัตย์ เป็นเครือญาติกับ สุรินทร์ วัตตธรรม อัยการชื่อดังของ จ.สงขลา เป็นผู้อยู่ในกลุ่มการเมืองของ นิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.บัญชีราชชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาเป็นรองนายกเทศบาลนครสงขลา ในครั้งที่อุทิศ ชูช่วย เป็นนายกเทศบาลนครสงขลา แต่เพราะวิถีการเมืองจึงต้องแข่งขันชิงตำแหน่งนายกเทศบาลนครสงขลากับ กิตติ ชูช่วย น้องชายของอุทิศ ชูช่วย และพีระ ตันติเศรณี เป็นฝ่ายมีชัย เพราะการสนับสนุนของกลุ่มการเมืองของนิพนธ์ บุญญามณี

และนั่นอาจจะเป็นปฐมเหตุของความ “แตกแยก” ของกลุ่มนักการเมืองในชื่อ “มหาคอนเนกชั่น” ที่เกิดขึ้นในจังหวัดสงขลา และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนมีการแยกตัวอย่างชัดเจน ระหว่างกลุ่มของอุทิศ ชูช่วย กับกลุ่มของนิพนธ์ บุญญามณี และนิพนธ์ บุญญามณี ก็ได้ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าในการเลือกตั้ง นายก อบจ.ปี 2556 จะลงสมัครแข่งกับอุทิศ ชูช่วย เพื่อชิงเก้าอี้ นายก อบจ.สงขลา

ดังนั้นหลายฝ่ายจึงเชื่อว่า ปมการ “สั่งตาย” พีระ ตันติเศรณี ครั้งนี้ มีน้ำหนักที่เรื่อง “การเมือง” มากกว่าเรื่องความขัดแย้งอื่นๆ และผู้ “บงการ” ฉวยจังหวะที่ “พีระ” เปิดศึกความขัดแย้งรอบด้าน ทั้งกับเพื่อนักการเมืองในเทศบาลนครสงขลา กับข้าราชการประจำในเทศบาลนครสงขลา และกับบริษัท ชลัมเบอร์เจอร์ สั่งเก็บ “พีระ” เพื่อสร้างความไขว้เขวให้กับเจ้าหน้าที่

การเสียชีวิตของ “พีระ” จะเป็นเรื่อง “การเมือง” หรือเรื่อง “ส่วนตัว” ที่เป็นเหรียญอีกด้านที่สังคมมองไม่เห็นหรือไม่นั้น นับแต่นี้ไปย่อมเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้อง “สะสาง” ให้ชัดเจน เพื่อจับกุมผู้เป็น “มือปืน” และผู้ที่ “บงการ” มาลงโทษ รวมทั้งนำข้อเท็จจริงของการตายของ “พีระ” สู่สาธารณชน ซึ่งเชื่อว่าคดีนี้จะต้องเดินด้วยความรวดเร็ว เพราะความเป็นคนมี “สาแหรกใหญ่”ของ “พีระ” จะกดดันให้ตำรวจต้องเร่งมือในการติดตามจับกุมคนร้าย และสาวไปสู่ผู้บงการ ซึ่งคนในจังหวัดสงขลา จะได้เห็น ฝีมือของ พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ พิสุทธิศักดิ์ ผบช.ภ.9 ซึ่งย้ายมาจาก “นครบาล” ว่าจะมี “กึ๋น” ขนาดไหน

แต่สิ่งที่ ต้องจับตามองคือ ถ้า “โจทย์” แห่งการ “สั่งตาย” พีระ ตันติเศรณี มาจากเรื่อง “การเมือง” ตามที่ทุกฝ่ายวางน้ำหนัก นับแต่นี้ไปสนามการเมืองของ จังหวัดสงขลาจะร้อนระอุ จนกว่าจะจบการเลือกตั้ง อบจ.ในปลายปี 2556 เพราะหลังจากนี้จะต้องมีการ แย่งชิงตำแหน่ง นายกเทศบาลนครสงขลา แทนที่ของ “พีระ” และต่อจากนั้นคือ สงครามใหญ่ ของการแข่งขันการเป็นนายก อบจ.สงขลา ซึ่งมีการหาเสียงเดินเกมการเมืองมาตั้งแต่การเลือกตั้งสมาชิก อบจ. เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา

สรุปสั้นๆที่ชัดเจน และเป็น “สัจธรรม” คือ “การเมืองไม่มีมิตรแท้” เพราะคนที่เคยเป็นมิตร คนที่เคยร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกันของกลุ่มการเมืองจังหวัดสงขลา วันนี้แตกกันเป็นกลุ่มเป็นก๊ก และพร้อมที่จะหันกระบอกปืนเข้าหากัน เพื่อรักษา “ตำแหน่ง อำนาจ” และ ผลประโยชน์ ของตนเอง


พีระ ตันติเศรณี วันนี้เหลือเพียงชื่อ ด้วยเพราะบุคลิกที่เป็นคนสบายๆ ง่ายๆ และมีความเป็นนักวิชาการ ทำให้เขาไม่ได้ระวังตัว และไปไหนมาไหนโดยไม่มีคนคุ้มกัน จนทำให้ต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
ก่อนพบจุดจบของชีวิต พีระ ได้เข้าประชุมร่วมกับกลุ่มเอ็นจีโอในพื้นที่ เกี่ยวกับปัญหาที่บริษัทเอกชนเก็บสารกัมมันตรังสีไว้กลางเมืองสงขลา
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรถที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะ และได้จอดทิ้งไว้ที่สถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ
กำลังโหลดความคิดเห็น