ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - จนท.4 หน่วยสนธิกำลังตรวจค้นเป้าหมาย 3 จุดในเขตเทศบาลนครสงขลาไล่ล่ากลุ่มมือปืนบุกยิงถล่ม "พีระ ตันติเศรณี" นายกเทศมนตรีนครสงขลาดับกลางเมืองอย่างอุกอาจ เชื่อทีมมือปืนยังกบดานอยู่ในพื้นที่ เผยรถทีมฆ่าไม่มีข้อมูลรถในสารบบของกรมการขนส่งไทย คาดนำเข้าจากมาเลย์ ค้นรีสอร์ตและตรวจรถต้องสงสัยอีก 5 คัน หลังพบกุญแจและเอกสารสำคัญบางอย่าง แย้มได้เบาะแสคนบงการแล้ว พร้อมเตรียมออกหมายจับ มั่นใจรวบยกแก๊ง ยังมุ่งปมการเมืองสั่งตาย
ความคืบหน้าเหตุคนร้ายใช้ปืนสงครามทั้งเอ็ม 16 และคาร์บินยิงถล่ม นายพีระ ตันติเศรณี อายุ 54 ปี นายกเทศมนตรีนครสงขลา เสียชีวิตอย่างอุกอาจเมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา หน้าร้านสงขลาฟอรั่ม ถนนนครใน เขตเทศบาลนครสงขลา ขณะไปร่วมประชุมติดตามปัญหาการย้ายที่ตั้งสารกัมมันตรังสีออกจากตัวเมืองสงขลา หลังก่อเหตุแล้วคนร้ายได้ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้า หลบหนีไป
ต่อมา พ.ต.อ.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา พร้อมด้วย พ.ต.ต.ธเนศ พงษ์รอด สว.สส.สภ.เมืองสงขลา ได้ติดตามแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดตั้งแต่จุดเกิดเหตุไปตามเส้นทางที่คนร้ายขับรถหลบหนี จนกระทั่งพบรถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้า ไฮลักซ์ 4 ประตู สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฎณ 6900 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยของคนร้ายที่ขับไปก่อเหตุจอดอยู่ภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ เลขที่ 497/22 ถนนสงขลาพลาซ่า เขตเทศบาลนครสงขลา ซึ่งเป็นของนายกิตติ ชูช่วย อดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครสงขลา น้องชายนายอุทิศ ชูช่วย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) สงขลา โดยนายกิตติ เป็นคู่แข่งของนายพีระ ในการเลือกตั้งเทศบาลนครสงขลาเมื่อวันที่ 1 พ.ย.2552
จากการตรวจค้นภายในรถเจ้าหน้าที่พบหลักฐานสำคัญเป็นปลอกกระสุนปืนคาร์บินตกอยู่ 1 ปลอก รวมทั้งหมวกไหมพรมสีเทา 1 ใบ และถุงมืออีก 1 ข้าง ตกอยู่ในโรงรถ เจ้าหน้าที่จึงมั่นใจว่าเป็นรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุแน่นอน โดยขับมาจอดไว้ในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ เพื่อเปลี่ยนรถคันใหม่เพื่อหลบหนีไปโดยคาดว่าคนร้ายที่ร่วมสังหารมี 3-4 คน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่วิทยาการจังหวัดสงขลา ได้เก็บลายนิ้วมือแฝงทั้งในและนอกตัวรถไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำไปสู่การหาเบาะแสของคนร้าย พร้อมกันพื้นที่ภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอเป็นเขตหวงห้าม ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปเด็ดขาด เพื่อป้องกันการทำลายหลักฐานภายในรถ ส่วนป้ายทะเบียนรถน่าจะเป็นป้ายปลอม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสอบว่าใครเป็นผู้ครอบครองรถคันดังกล่าว
ต่อมาช่วงเช้ามืดวานนี้ (8 พ.ย.) กำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรภาค 9 ได้สนธิกำลังกับชุดสืบสวนภูธรจังหวัดสงขลา ชุดสืบสวน สภ.เมืองสงขลา และชุด อส.จังหวัดสงขลา รวมกว่า 50 นาย ได้เข้าปิดล้อมพื้นที่เป้าหมาย 3 จุดในพื้นเขตเทศบาลนครสงขลา ประกอบด้วยภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดีโอ ซึ่งเป็นจุดที่พบรถยนต์ต้องสงสัย แมนชันของนายกิตติ ชูช่วย และบ้านต้องสงสัยอีก 1 หลัง ซึ่งทั้ง 3 จุดอยู่บริเวณเดียวกันเพื่อไล่ล่าคนร้าย เพราะเชื่อว่าหลังก่อเหตุแล้วน่าจะยังคงซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ตัวเมืองสงขลา โดยยังไม่หลบหนีออกนอกเมือง เนื่องจากหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ตั้งด่านตรวจเส้นทางเข้าออกตัวเมืองสงขลาทุกเส้นทาง
จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบหลักฐานเพิ่มเติมเป็นกรอบแผ่นป้ายทะเบียนถูกทิ้งไว้ในพงหญ้าใกล้กับสถานีวิทยุสงขลาเรดิโอ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการสับเปลี่ยนป้ายรถที่นำไปก่อเหตุ และจากการสอบถามพยานแวดล้อมทราบว่าในช่วงเวลาเกิดเหตุมีชายแปลกหน้า 3-4 คนขับรถยนต์เข้ามาภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอด้วย
สำหรับสถานีวิทยาสมิหลาเรดิโอแห่งนี้เป็นของนายกิตติ ชูช่วย อดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครสงขลา หัวหน้าทีมสงขลาพัฒนา คู่แข่งของนายพีระ หัวหน้าทีมสงขลาใหม่ ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา และยังเป็นน้องชายนายอุทิศ ชูช่วย นายก อบจ.สงขลา โดยขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาให้ปากคำ
ส่วนแนวทางการสอบสวน เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมั่นใจว่า ประเด็นที่นำไปสู่การสังหารครั้งนี้น่าจะมาจากการเมืองท้องถิ่น เนื่องจากในเดือน ต.ค.56 นายก อบจ.สงขลา จะหมดวาระ โดยขณะนี้นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศตัวแล้วว่าจะลงสมัครด้วย ซึ่งนายพีระ ถือเป็นหัวคะแนนของนายนิพนธ์ ประกอบกับในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครสงขลาที่ผ่านมา นายอุทิศ เคยนั่งเก้าอี้นี้มาก่อนโดยมีนายพีระ เป็นรองนายกฯ ก่อนจะแตกหักกัน
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าผู้เกี่ยวข้องในการสังหารครั้งนี้มีไม่ต่ำกว่า 5 คนใช้รถยนต์ 2 คัน คันแรกเป็นรถชี้เป้า คันที่ 2 เป็นคันที่ใช้สังหาร มีการสั่งมือปืนมาจาก จ.พัทลุง ที่จะมีกลุ่มมือปืนใช้ปืนคาร์บิน เนื่องจากในพื้นที่ จ.สงขลา ไม่มีปืนคาร์บิน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนาก่อนเพื่อเตรียมออกหมายจับผู้บงการ 1 คนประมาณวันที่ 9 พ.ย.นี้
ต่อมา พล.ต.ต.สุวิทย์ เชิญศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนเพื่อสรุปความคืบหน้าของคดี พร้อมเปิดเผยว่า จากตรวจสอบรถยนต์กระบะของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุ ที่ถูกนำไปจอดอยู่ภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ พบว่าสวมป้ายทะเบียนปลอมและรถยนต์ไม่มีในฐานข้อมูลรถในสารบบของกรมการขนส่งไทย และจากการตรวจสอบที่บริเวณขอบกระจกประตูพบว่ามีรหัสคล้ายกับรถยนต์จากประเทศเพื่อนบ้าน (มาเลเซีย)
"ขณะนี้ชัดเจนแล้วว่าคนร้ายที่มีก่อเหตุมี 3 คนและเป็นมือปืนอาชีพใช้อาวุธปืน 2 กระบอก ทั้งเอ็ม 16 และคาร์บิน โดยพบปลอกกระสุนปืนในที่เกิดเหตุกระบอกละ 16 ปลอก ส่วนประเด็นการสังหารเจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักไปที่เรื่องการเมืองท้องถิ่นทั้งปัญหาการบริหารงานภายในเทศบาลนครสงขลา และความขัดแย้งกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งในพื้นที่ จ.สงขลา ส่วนจะมีใครเกี่ยวข้องด้วย หรือไม่นั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ต้องรอผลสรุปความคืบหน้าคดีของทีมสืบสวนสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง"
เวลา 11.00 น. พ.ต.อ.คำรณ ยอดรักษ์ รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา พร้อม พ.ต.อ.เสกสรรค์ ชูรังสฤษฎ์ ผกก.สส.บก.ภ.จว.สงขลา และ พ.ต.ท.ดุสิต พรหมสิน รอง ผกก.สส.บก.ภ.จว.สงขลา และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน รวมทั้งชุดสืบสวน สภ.เมืองสงขลา ได้เข้าตรวจสอบรถยนต์กระบะโตโยต้าวีโก้สี่ประตูของคนร้ายรวมทั้งรถต้องสงสัยอีก 5 คันที่จอดอยู่บริเวณลานจอดรถและภายในโรงจอดรถของสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ เพื่อหาวัตถุพยานเพิ่มเติม โดยพบเอกสารบางอย่างอยู่ในรถยนต์กระบะวีโก้ของคนร้าย รวมทั้งใบกระท่อม 11 ใบ และเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บไปตรวจสอบและตรวจลายนิ้วมือแฝง และดูจากสภาพรถมีการเตรียมการมาเพื่อใช้ก่อเหตุโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ยังพบแม็กกาซีน 1 อั นพร้อมกระสุนขนาด 9 มม.14 นัด และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่องในรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้าอัลติส ป้ายแดง ทะเบียน ฐ 5984 กรุงเทพฯ ส่วนรถคันอื่นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเชิญตัวผู้ครอบครองรถมาทำการสอบสวนและนำคู่มือรถมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ และเจ้าหน้าที่ยังเข้าตรวจค้นภายในรีสอร์ตแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ด้านหลังสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ เนื่องจากพบกุญแจห้องพักอยู่ในรถยนต์กระบะของคนร้าย โดยทำการค้นอย่างละเอียดหมดทุกห้องเพื่อหาเบาะแสและหลักฐานต่างๆนำมาประกอบสำนวนคดี
ขณะที่นายกฤษฏา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ได้ประสานให้ตำรวจเร่งทำคดีเพื่อหาตัวคนร้ายและผู้บงการให้เร็วที่สุด เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ ใช้อาวุธสงครามก่อเหตุในกลางย่านเศรษฐกิจของเมืองสงขลา ตนได้รับรายงานในเบื้องต้น คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว ยังไม่สามารถเปิดเผยได้อาจจะทำให้เสียรูปคดี
ความคืบหน้าเหตุคนร้ายใช้ปืนสงครามทั้งเอ็ม 16 และคาร์บินยิงถล่ม นายพีระ ตันติเศรณี อายุ 54 ปี นายกเทศมนตรีนครสงขลา เสียชีวิตอย่างอุกอาจเมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา หน้าร้านสงขลาฟอรั่ม ถนนนครใน เขตเทศบาลนครสงขลา ขณะไปร่วมประชุมติดตามปัญหาการย้ายที่ตั้งสารกัมมันตรังสีออกจากตัวเมืองสงขลา หลังก่อเหตุแล้วคนร้ายได้ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้า หลบหนีไป
ต่อมา พ.ต.อ.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา พร้อมด้วย พ.ต.ต.ธเนศ พงษ์รอด สว.สส.สภ.เมืองสงขลา ได้ติดตามแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดตั้งแต่จุดเกิดเหตุไปตามเส้นทางที่คนร้ายขับรถหลบหนี จนกระทั่งพบรถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้า ไฮลักซ์ 4 ประตู สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฎณ 6900 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยของคนร้ายที่ขับไปก่อเหตุจอดอยู่ภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ เลขที่ 497/22 ถนนสงขลาพลาซ่า เขตเทศบาลนครสงขลา ซึ่งเป็นของนายกิตติ ชูช่วย อดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครสงขลา น้องชายนายอุทิศ ชูช่วย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) สงขลา โดยนายกิตติ เป็นคู่แข่งของนายพีระ ในการเลือกตั้งเทศบาลนครสงขลาเมื่อวันที่ 1 พ.ย.2552
จากการตรวจค้นภายในรถเจ้าหน้าที่พบหลักฐานสำคัญเป็นปลอกกระสุนปืนคาร์บินตกอยู่ 1 ปลอก รวมทั้งหมวกไหมพรมสีเทา 1 ใบ และถุงมืออีก 1 ข้าง ตกอยู่ในโรงรถ เจ้าหน้าที่จึงมั่นใจว่าเป็นรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุแน่นอน โดยขับมาจอดไว้ในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ เพื่อเปลี่ยนรถคันใหม่เพื่อหลบหนีไปโดยคาดว่าคนร้ายที่ร่วมสังหารมี 3-4 คน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่วิทยาการจังหวัดสงขลา ได้เก็บลายนิ้วมือแฝงทั้งในและนอกตัวรถไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำไปสู่การหาเบาะแสของคนร้าย พร้อมกันพื้นที่ภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอเป็นเขตหวงห้าม ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปเด็ดขาด เพื่อป้องกันการทำลายหลักฐานภายในรถ ส่วนป้ายทะเบียนรถน่าจะเป็นป้ายปลอม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสอบว่าใครเป็นผู้ครอบครองรถคันดังกล่าว
ต่อมาช่วงเช้ามืดวานนี้ (8 พ.ย.) กำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรภาค 9 ได้สนธิกำลังกับชุดสืบสวนภูธรจังหวัดสงขลา ชุดสืบสวน สภ.เมืองสงขลา และชุด อส.จังหวัดสงขลา รวมกว่า 50 นาย ได้เข้าปิดล้อมพื้นที่เป้าหมาย 3 จุดในพื้นเขตเทศบาลนครสงขลา ประกอบด้วยภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดีโอ ซึ่งเป็นจุดที่พบรถยนต์ต้องสงสัย แมนชันของนายกิตติ ชูช่วย และบ้านต้องสงสัยอีก 1 หลัง ซึ่งทั้ง 3 จุดอยู่บริเวณเดียวกันเพื่อไล่ล่าคนร้าย เพราะเชื่อว่าหลังก่อเหตุแล้วน่าจะยังคงซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ตัวเมืองสงขลา โดยยังไม่หลบหนีออกนอกเมือง เนื่องจากหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ตั้งด่านตรวจเส้นทางเข้าออกตัวเมืองสงขลาทุกเส้นทาง
จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบหลักฐานเพิ่มเติมเป็นกรอบแผ่นป้ายทะเบียนถูกทิ้งไว้ในพงหญ้าใกล้กับสถานีวิทยุสงขลาเรดิโอ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการสับเปลี่ยนป้ายรถที่นำไปก่อเหตุ และจากการสอบถามพยานแวดล้อมทราบว่าในช่วงเวลาเกิดเหตุมีชายแปลกหน้า 3-4 คนขับรถยนต์เข้ามาภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอด้วย
สำหรับสถานีวิทยาสมิหลาเรดิโอแห่งนี้เป็นของนายกิตติ ชูช่วย อดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครสงขลา หัวหน้าทีมสงขลาพัฒนา คู่แข่งของนายพีระ หัวหน้าทีมสงขลาใหม่ ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา และยังเป็นน้องชายนายอุทิศ ชูช่วย นายก อบจ.สงขลา โดยขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาให้ปากคำ
ส่วนแนวทางการสอบสวน เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมั่นใจว่า ประเด็นที่นำไปสู่การสังหารครั้งนี้น่าจะมาจากการเมืองท้องถิ่น เนื่องจากในเดือน ต.ค.56 นายก อบจ.สงขลา จะหมดวาระ โดยขณะนี้นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศตัวแล้วว่าจะลงสมัครด้วย ซึ่งนายพีระ ถือเป็นหัวคะแนนของนายนิพนธ์ ประกอบกับในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครสงขลาที่ผ่านมา นายอุทิศ เคยนั่งเก้าอี้นี้มาก่อนโดยมีนายพีระ เป็นรองนายกฯ ก่อนจะแตกหักกัน
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าผู้เกี่ยวข้องในการสังหารครั้งนี้มีไม่ต่ำกว่า 5 คนใช้รถยนต์ 2 คัน คันแรกเป็นรถชี้เป้า คันที่ 2 เป็นคันที่ใช้สังหาร มีการสั่งมือปืนมาจาก จ.พัทลุง ที่จะมีกลุ่มมือปืนใช้ปืนคาร์บิน เนื่องจากในพื้นที่ จ.สงขลา ไม่มีปืนคาร์บิน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนาก่อนเพื่อเตรียมออกหมายจับผู้บงการ 1 คนประมาณวันที่ 9 พ.ย.นี้
ต่อมา พล.ต.ต.สุวิทย์ เชิญศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนเพื่อสรุปความคืบหน้าของคดี พร้อมเปิดเผยว่า จากตรวจสอบรถยนต์กระบะของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุ ที่ถูกนำไปจอดอยู่ภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ พบว่าสวมป้ายทะเบียนปลอมและรถยนต์ไม่มีในฐานข้อมูลรถในสารบบของกรมการขนส่งไทย และจากการตรวจสอบที่บริเวณขอบกระจกประตูพบว่ามีรหัสคล้ายกับรถยนต์จากประเทศเพื่อนบ้าน (มาเลเซีย)
"ขณะนี้ชัดเจนแล้วว่าคนร้ายที่มีก่อเหตุมี 3 คนและเป็นมือปืนอาชีพใช้อาวุธปืน 2 กระบอก ทั้งเอ็ม 16 และคาร์บิน โดยพบปลอกกระสุนปืนในที่เกิดเหตุกระบอกละ 16 ปลอก ส่วนประเด็นการสังหารเจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักไปที่เรื่องการเมืองท้องถิ่นทั้งปัญหาการบริหารงานภายในเทศบาลนครสงขลา และความขัดแย้งกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งในพื้นที่ จ.สงขลา ส่วนจะมีใครเกี่ยวข้องด้วย หรือไม่นั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ต้องรอผลสรุปความคืบหน้าคดีของทีมสืบสวนสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง"
เวลา 11.00 น. พ.ต.อ.คำรณ ยอดรักษ์ รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา พร้อม พ.ต.อ.เสกสรรค์ ชูรังสฤษฎ์ ผกก.สส.บก.ภ.จว.สงขลา และ พ.ต.ท.ดุสิต พรหมสิน รอง ผกก.สส.บก.ภ.จว.สงขลา และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน รวมทั้งชุดสืบสวน สภ.เมืองสงขลา ได้เข้าตรวจสอบรถยนต์กระบะโตโยต้าวีโก้สี่ประตูของคนร้ายรวมทั้งรถต้องสงสัยอีก 5 คันที่จอดอยู่บริเวณลานจอดรถและภายในโรงจอดรถของสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ เพื่อหาวัตถุพยานเพิ่มเติม โดยพบเอกสารบางอย่างอยู่ในรถยนต์กระบะวีโก้ของคนร้าย รวมทั้งใบกระท่อม 11 ใบ และเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บไปตรวจสอบและตรวจลายนิ้วมือแฝง และดูจากสภาพรถมีการเตรียมการมาเพื่อใช้ก่อเหตุโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ยังพบแม็กกาซีน 1 อั นพร้อมกระสุนขนาด 9 มม.14 นัด และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่องในรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้าอัลติส ป้ายแดง ทะเบียน ฐ 5984 กรุงเทพฯ ส่วนรถคันอื่นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเชิญตัวผู้ครอบครองรถมาทำการสอบสวนและนำคู่มือรถมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ และเจ้าหน้าที่ยังเข้าตรวจค้นภายในรีสอร์ตแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ด้านหลังสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ เนื่องจากพบกุญแจห้องพักอยู่ในรถยนต์กระบะของคนร้าย โดยทำการค้นอย่างละเอียดหมดทุกห้องเพื่อหาเบาะแสและหลักฐานต่างๆนำมาประกอบสำนวนคดี
ขณะที่นายกฤษฏา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ได้ประสานให้ตำรวจเร่งทำคดีเพื่อหาตัวคนร้ายและผู้บงการให้เร็วที่สุด เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ ใช้อาวุธสงครามก่อเหตุในกลางย่านเศรษฐกิจของเมืองสงขลา ตนได้รับรายงานในเบื้องต้น คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว ยังไม่สามารถเปิดเผยได้อาจจะทำให้เสียรูปคดี