ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เจ้าหน้าที่จาก 4 หน่วยสนธิกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 3 จุดในเขตเทศบาลนครสงขลา เพื่อไล่ล่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุยิง “พีระ ตันติเศรณี” นายกเทศมนตรีนครสงขลากลางเมืองอย่างอุกอาจ เชื่อทีมมือปืนยังกบดานอยู่ในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามทั้งเอ็ม 16 และคาร์บินยิงถล่มนายพีระ ตันติเศรณี อายุ 54 ปี นายกเทศมนตรีนครสงขลา เสียชีวิตอย่างอุกอาจ เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (7 พ.ย.) ที่บริเวณหน้าร้านสงขลา ฟอรั่ม ถนนนครใน เขตเทศบาลนครสงขลา ขณะเดินทางไปร่วมประชุมติดตามปัญหาเรื่องการย้ายที่ตั้งสารกัมมันตรังสีออกจากตัวเมืองสงขลา และเจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้า ไฮลักซ์ 4 ประตู สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฎณ 6900 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยของคนร้ายที่ขับไปก่อเหตุจอดอยู่ภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ เลขที่ 497/22 ถนนสงขลาพลาซ่า เขตเทศบาลนครสงขลา ซึ่งเป็นของนายกิตติ ชูช่วย อดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครสงขลา น้องชายของนายอุทิศ ชูช่วย นายก อบจ.สงขลา โดยนายกิตติเป็นคู่แข่งของนายพีระในการเลือกตั้งเทศบาลนครสงขลาเมื่อวันที่ 1 พ.ย.2552
ล่าสุด ในช่วงเช้ามืดของวันนี้ (8 พ.ย.) กำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรภาค 9 ได้สนธิกำลังกับชุดสืบสวนภูธร จ.สงขลา ชุดสืบสวน สภ.เมืองสงขลา และชุด อส.จังหวัดสงขลา รวมกว่า 50 นาย เข้าปิดล้อมพื้นที่เป้าหมาย 3 จุดในพื้นเขตเทศบาลนครสงขลา ประกอบด้วย ภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดีโอ ซึ่งเป็นจุดที่พบรถยนต์ต้องสงสัย แมนชันของนายกิตติ ชูช่วย และบ้านต้องสงสัยอีก 1 หลัง ซึ่งทั้ง 3 จุดอยู่บริเวณเดียวกัน เพื่อไล่ล่าคนร้าย เพราะเชื่อว่าหลังก่อเหตุน่าจะยังคงซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ตัวเมืองสงขลา โดยยังไม่หลบหนีออกนอกเมือง เนื่องจากหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ตั้งด่านตรวจเส้นทางเข้าออกตัวเมืองสงขลาทุกเส้นทาง
จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบหลักฐานเพิ่มเติมเป็นกรอบแผ่นป้ายทะเบียนถูกทิ้งไว้ในพงหญ้าใกล้กับสถานีวิทยุสงขลาเรดิโอ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการสับเปลี่ยนป้ายรถที่นำไปก่อเหตุ และจากการสอบถามพยานแวดล้อมทราบว่า ในช่วงเวลาเกิดเหตุมีชายแปลกหน้า 3-4 คนขับรถยนต์เข้ามาภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอด้วย
ส่วนแนวทางการสอบสวนในวันนี้ (8 พ.ย.) ทางเจ้าหน้าที่อาจจะเชิญตัวผู้ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยเข้ามาสอบสวนเพิ่มเติม ขณะที่ประเด็นการสังหารนั้นเจ้าหน้าที่ยังคงให้น้ำหนักไปที่เรื่องของความขัดแย้งการเมืองท้องถิ่นเป็นหลัก