ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เผยรถทีมฆ่า “พีระ ตันติเศรณี” ไม่มีข้อมูลรถในสารบบของกรมการขนส่งไทย คาดนำเข้าจากมาเลย์ และเตรียมการมาเพื่อใช้ก่อเหตุโดยเฉพาะ พร้อมค้นรีสอร์ต และตรวจรถต้องสงสัยอีก 5 คัน หลังพบกุญแจ และเอกสารสำคัญบางอย่าง
กรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามทั้งเอ็ม 16 และคาร์บินยิงถล่มนายพีระ ตันติเศรณี อายุ 54 ปี นายกเทศมนตรีนครสงขลา เสียชีวิตอย่างอุกอาจ เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (7 พ.ย.) ที่บริเวณหน้าสำนักงานสงขลา ฟอรั่ม ถนนนครใน เขตเทศบาลนครสงขลา ขณะเดินทางไปร่วมประชุมติดตามปัญหาเรื่องการย้ายที่ตั้งสารกัมมันตรังสีออกจากตัวเมืองสงขลา
และเจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ 4 ประตู สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฎณ 6900 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยของคนร้ายที่ขับไปก่อเหตุจอดอยู่ภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ เลขที่ 497/22 ถนนสงขลาพลาซ่า เขตเทศบาลนครสงขลา ซึ่งเป็นของนายกิตติ ชูช่วย อดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครสงขลา น้องชายของนายอุทิศ ชูช่วย นายก อบจ.สงขลา โดยนายกิตติเป็นคู่แข่งของนายพีระในการเลือกตั้งเทศบาลนครสงขลาเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2552
ล่าสุด วันนี้ (8 พ.ย.) พล.ต.ต.สุวิทย์ เชิญศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนเพื่อสรุปความคืบหน้าของคดี พร้อมกับเปิดเผยว่า จากตรวจสอบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ 4 ประตู สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฎณ 6900 กรุงเทพมหานคร ของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งถูกนำไปจอดอยู่ภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอนั้น พบว่า สวมป้ายทะเบียนปลอม โดยรถยนต์คันดังกล่าวไม่มีในฐานข้อมูลรถในสารบบของกรมการขนส่งไทย และจากการตรวจสอบที่บริเวณขอบกระจกประตู พบว่ามีรหัสคล้ายกับรถยนต์จากประเทศมาเลเซีย
พล.ต.ต.สุวิทย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีว่า ขณะนี้ชัดเจนแล้วว่า คนร้ายที่ก่อเหตุมี 3 คน และเป็นมือปืนอาชีพใช้อาวุธปืน 2 กระบอก ทั้งเอ็ม16 และคาร์บิน โดยพบปลอกกระสุนปืนในที่เกิดเหตุกระบอกละ 16 ปลอก ส่วนประเด็นการสังหารเจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักไปที่เรื่องการเมืองท้องถิ่น ทั้งปัญหาการบริหารงานภายในเทศบาลนครสงขลา และความขัดแย้งกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งในพื้นที่ จ.สงขลา ส่วนจะมีใครเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องรอผลสรุปความคืบหน้าคดีของทีมสืบสวนสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง
ต่อมา ในเวลา 11.00 น.วันเดียวกันนี้ พ.ต.อ.คำรณ ยอดรักษ์ รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา พร้อมด้วย พ.ต.อ.เสกสรรค์ ชูรังสฤษฎ์ผกก.สส.บก.ภ.จว.สงขลา และ พ.ต.ท.ดุสิต พรหมสิน รอง ผกก.สส.บก.ภ.จว.สงขลา พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและชุดสืบสวน สภ.เมืองสงขลา ได้เข้าตรวจสอบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ 4 ประตู ของคนร้าย รวมทั้งรถต้องสงสัยอีก 5 คัน ที่จอดอยู่บริเวณลานจอดรถ และภายในโรงจอดรถของสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ เพื่อหาวัตถุพยานเพิ่มเติม
โดยพบเอกสารบางอย่างอยู่ในรถยนต์กระบะวีโก้ของคนร้าย รวมทั้งใบกระท่อม 11 ใบ และเครื่องดื่มชูกำลังจำนวนหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บไปตรวจสอบและตรวจลายนิ้วมือแฝง ทั้งนี้ ดูจากสภาพรถมีการเตรียมการมาเพื่อใช้ก่อเหตุโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ในรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า อัลติส ป้ายแดงทะเบียน ฐ 5984 กรุงเทพฯ พบแมกกาซีน1 อัน พร้อมกระสุนขนาด 9 มม. จำนวน 14 นัด และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ส่วนรถคันอื่นๆ ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเชิญตัวผู้ครอบครองรถมาสอบสวน และให้นำคู่มือรถมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่
พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ยังเข้าตรวจค้นภายในรีสอร์ตแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ด้านหลังสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ เนื่องจากพบกุญแจห้องพักอยู่ในรถยนต์กระบะของคนร้าย โดยทำการค้นอย่างละเอียดหมดทุกห้องเพื่อหาเบาะแส และหลักฐานต่างๆ นำมาประกอบสำนวนคดี
ขณะที่นายกฤษฏา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ตนได้ประสานให้ตำรวจเร่งทำคดีเพื่อหาตัวคนร้าย และผู้บงการให้เร็วที่สุด เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญใช้อาวุธสงครามก่อเหตุใจกลางย่านเศรษฐกิจของเมืองสงขลา ตนได้รับรายงานในเบื้องต้นว่า คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอาจจะทำให้เสียรูปคดี
ด้านนายสมชาย เมฆาอภิรักษ์ อดีตรองนายกเทศมนตรีนครสงขลา ชุดของนายพีระ ผู้ตาย เปิดเผยว่า การเสียชีวิตของนายพีระเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในกลางเมืองสงขลา ตนเชื่อว่าไม่เกี่ยวกับการลาออกของรองนายกฯ ที่ปรึกษา และเลขานุการนายกฯ เพราะเหตุที่ฝ่ายบริหารลาออกเนื่องจากอุดมการณ์ต่างกัน ไม่สามารถทำงานให้ประชาชนได้เท่านั้น โดยไม่ได้ขัดแย้งเรื่องของผลประโยชน์เลย ความเป็นเพื่อนยังอยู่เหมือนเดิม
นายสมชาย เปิดเผยว่า ในส่วนของปัญหาการสั่งพักงานข้าราชการระดับสูงในเทศบาล ก็มีการฟ้องร้องไปตามขั้นตอนของระบบราชการอยู่ ใครผิดใครถูกว่ากันไป และบางคนฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลเป็นผู้พิจารณาตามหลักฐาน และพยาน ไม่ถึงขั้นที่จะมาปองร้ายด้วยอาวุธสงคราม