xs
xsm
sm
md
lg

แจ้งข้อหากบฎ5แดง ล่าชื่อล้ม"ปู"เกินแสน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์หอบพยาน หลักฐาน บุกกองปราบแจ้งข้อหากบฏ 5 แกนนำนปช.ด้าน “เสธ.อ้าย” เผยล่าชื่อร่วมล้ม รบ.ปูได้เกินแสนแล้ว ส่วน สน.พระโขนงยืนยันตรวจสอบไม่มีเหตุระเบิดหนาบ้านเสธ.อ้าย คาดวัยรุ่นจุดปะทัดเล่น

วานนี้ ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น. นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยทีมงานคณะทำงานด้านกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.เกรียงไกร ขวัญไตรรัตน์ พนักงานสอบสวน (สบ3) กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อาทิ นายจตุพร พรหมพันธ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายสุพร อัตถาวงศ์ ฯลฯ ในความผิดฐานใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการ กระทำผิดฐานเป็นกบฎ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 และความผิดฐานกระทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีการอื่นใดเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย หรือรัฐบาล ใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116

โดยนำหลักฐานเป็นซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์ระหว่างการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อปี 2552 จำนวน และเอกสารถอดคำพูดของแกนนำ นปช.ที่เกี่ยวข้องมามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาดำเนินคดี

เนื่องจากมีพยานหลักฐานปรากฎเป็นข้อเท็จจริงว่าในระหว่างการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อเดือนเมษายน 2552 ในสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีการปลุกระดมให้มีการล้มการประชุมอาเซียน ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รวมทั้งการปิดล้อมที่บริเวณกระทรวงมหาดไทย เพื่อไล่ล่าและทำร้ายนายอภิสิทธิ์ และบุคคลในรัฐบาลขณะนั้น ซึ่งเป็นการชุมนุมที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เป็นการกระทำที่เข้าลักษณะความผิดฐานกบฎอย่างชัดเจน

“เมื่อข้อเท็จจริงค่อนข้างชัดเจนและมีพยานหลักฐานต่างๆ จึงเข้าแจ้งความโดยอยากให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายในทันที ให้เป็นมาตรฐานเดียวกับกรณีที่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ “เสธ.อ้าย” ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ซึ่งพนักงานสอบสวนได้พิจารณาออกหมายเรียกแล้ว แต่หากเปรียบเทียบการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม ที่สนามม้านางเลิ้ง ที่เป็นการชุมนุมอย่างสงบ เปิดเผย และปราศจากอาวุธ นั้น แตกต่างกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง เมื่อปี 2552 อย่างสิ้นเชิง”

ข้อเท็จจริงในคดีนี้ 1.ข้อเท็จจริงยุติ ว่าเข้าข่ายลักษณะความผิดฐานกบฏ 2.คดีนี้ยังไม่ขาดอายุความ 3.ผู้กระทำผิดยังมีชีวิตอยู่ บางคนได้ดิบได้ดีเป็นถึงเสนาบดี 4. เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ยอมความไม่ได้ ดังนั้น จะไม่มีใครมากล่าวโทษเจ้าหน้าที่ ก็ต้องดำเนินการตามหน้าที่อยู่แล้ว อยากให้ตำรวจเร่งรวบรวมหลักฐาน พร้อมกับออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมารับทราบข้อกล่าวหาในทันที

** เสียงระเบิดบ้านเสธ.อ้ายไม่มีมูล

พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ แกนนำองค์การพิทักษ์สยาม เปิดเผยถึงการรวบรวมรายชื่อผู้ที่จะเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ในครั้งที่ 2 ว่า ขณะนี้สามารถรวบรวมรายชื่อผู้ที่จะเข้าร่วมชุมนุมได้แล้วในหลักแสนคน แต่ก็ต้องอยู่ที่ว่าเมื่อถึงวันชุมนุมแล้วจะมีผู้เข้าร่วมเท่าใด

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของกลุ่มพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยามนั้นไม่มีอะไรน่ากังวลไปกว่าประวัติที่ผ่านมาของกระบวนเหล่านี้ ตนพยายามสื่อสารถึงพรรคเพื่อไทย รัฐบาลว่าประมาทไม่ได้

ส่วนความคืบหน้าจากกรณี สน.พระโขนงรับแจ้งเหตุมีเสียงระเบิดดังขึ้นที่บ้านพักของ เสธ.อ้าย หรือ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ภายในซอยสุขุมวิท 54 กทม. เมื่อ 20.50 น.วันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น

เมื่อเวลา 12.00 น.พ.ต.ท.รุ่งชาติ รุ่งทอง รอง ผกก.สน.พระโขนง เปิดเผยว่า ฝ่ายสืบสวนสน.ลงไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวในวันเกิดเหตุแล้วแต่ไม่พบเหตุ จากการสอบสวนคนในละแวกบ้านของพล.อ.บุญเลิศเพิ่มเติมทราบว่า ช่วงดึกของวันที่ 4 พ.ย.(วันเกิดเหตุ) มีคนได้ยินเสียงประทัด โดยคาดว่ามีเด็กวัยรุ่นมาเล่นประทัดด้วยความคึกคะนองเท่านั้นเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเป็นการสร้างสถานการณ์มากกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น