xs
xsm
sm
md
lg

“เสธ.อ้าย”ขอบใจ “เป็ดเหลิม” ช่วยเรียกแขก

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์
ตรงเป้า
ศรรามา

พลันที่ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยาม ประกาศชุมนุมพลที่สนามม้านางเลิ้ง เพื่อขับไล่รัฐบาลด้วยเหตุผลที่คล้ายคลึงกับการโค่นล้มรัฐบาลทักษิณ ของ พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน

แม้จะประเมินศักยภาพของ พล.อ.บุญเลิศกับพรรคพวกว่า ทำอย่างไรก็ “จุดไฟไม่ติด” แต่รัฐบาลก็ไม่อยากให้มีภาพการต่อต้านอย่างนี้เกิดขึ้น จึงกระพือข่าวให้ทำนอง พล.อ.บุญเลิศไปจ้างคนเสื้อแดงภาคอีสานมาชุมนุม ผสมกับบรรดาสำนักจัดทำโพลล์ ดัดจริตสำรวจความคิดเห็นกับผู้คนไม่กี่ร้อยกี่พันคน แล้วสรุปว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับการเมือง

การที่ ร.ต.อ.เ.ฉลิม อยู่บำรุง หิ้วห่านพะโล้ท่าดินแดง 2 ตัว หนีบไวน์หลายขวดไปพบ พล.อ.บุญเลิศที่สนามม้านางเลิ้ง อ้างว่ารู้จักกันมานาน วันนี้คิดถึงเลยมาเยี่ยมเยียน ไม่ได้มาเรื่องการจัดชุมนุม ทั้ง ๆ ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดถึงกัน ถึงกระนั้น ร.ต.อ.เฉลิมก็ยังเอาบิ๊กสีกากี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. รวมทั้ง พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา อดีตรอง ผบ.ตร. ปัจจุบันเป็นเลขาธิการของ ร.ต.อ.เฉลิม ไปนั่งตาปรือประดับบารมีด้วย

ไม่อยากมองว่าเป็นการข่มขู่ ก็ไหนบอกว่าไปเยี่ยมในฐานะรู้จักกัน ไม่พูดเรื่องชุมนุม แล้วทำไมต้องพกพา พล.ต.อ.อดุลย์กับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ไปด้วย หมอตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อุตส่าห์ไปซื้อเป็ดย่างมา 1 ตัว รอต้อนรับที่บันได ยื่นให้ท่าน ๆ ก็ไม่ยอมรับ
หมอตุลย์คงไม่รู้ว่า ร.ต.อ.เฉลิมเกลียดเป็ด เพราะมีคนไปเรียกท่านว่า “เป็ดเหลิม” ก้าบก้าบ

รัฐบาลออกอาการปากกล้าขาสั่น รู้ดีการนัดชุมนุมครั้งนี้ไม่ธรรมดา ก็เลยเตะตัดขาตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม ให้ทนายแดงเสื้อแดง นายคารม พลทะกลาง ไปแจ้งความกองปราบ ดำเนินคดีกับ พล.อ.บุญเลิศและนายสนธิ ลิ้มทองกุล ข้อหาปลุกปั่นยุยงประชาชนให้ปฏิวัติ แต่ตำรวจก็ไม่ผลีผลามบ้าจี้ตาม นอกจากนี้ยังมีการสกัดกั้นม็อบต่างจังหวัดที่จะเข้ากรุงเทพฯ ด้วย

วันอาทิตย์ 28 ตุลาคม มีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายจังหวัด มีคนกลุ่มหนึ่งประมาณ 200 อ้างเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ไปชุมนุมที่ “อนุสรณ์สถานประชาชนอีสานใต้” บ้านโคกเขาหญ้าคา ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ชูป้ายสนับสนุนนางสาวนายกรัฐมนตรี คัดค้านการชุมนุมสนามม้า

ว่ากันว่าคนกลุ่มกำลังขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ในฐานะผู้ร่วมร่วมพัฒนาชาติไทย ซึ่งตกสำรวจตามบัญชี 3 มีจำนวนนับหมื่น ต้องการเงินช่วยเหลือประกอบอาชีพรายละ 6 แสน 5 หมื่นบาท

ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ นปช.เปิดโรงเรียนการเมืองอบรมคนเสื้อแดงภาคเหนือ หลักสูตรผู้ปฏิบัติการเบื้องต้น เปิดกันในโรงแรมของ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งรัฐมนตรีก็เข้าร่วมพิธีด้วย

งานนี้ขาดคนสำคัญไม่ได้เป็นอันขาด นายจตุพร พรหมพันธ์ ไม่ได้ไปสอนไปอบรมอะไร ออกไปในทางระบายเรื่องส่วนตัวมากกว่า เรื่องไม่ได้เป็นรัฐมนตรีนั่นแหละ ปากก็พร่ำ “เป็นคนเสื้อแดงดีกว่าเป็นรัฐมนตรี” แต่ในใจมันตรงข้าม ไม่อย่างนั้นนายจตุพรคงไม่กราดเกรี้ยวระเบิดอารมณ์ออกมา

เปรียบเปรยการต่อสู้ของคนเสื้อแดงเพื่อให้พวกนายใหญ่ได้เสวยอำนาจ เหมือนเป็นนั่งร้านที่กำลังสร้างตึก ถ้ารื้อนั่งร้านออกตึกก็พัง ว่าแล้วนายจตุพรก็ประกาศศักดา ขีดเส้นทางให้รัฐบาลนางสาวลูกหนึ่งเดินไปตามทางนั้น

1. ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น 2. ไม่ลุแก่อำนาจ 3. ไม่ทรยศต่อคนเสื้อแดง

นายจตุพรบอกว่า ถ้ารัฐบาลเดินออกนอกเส้นทางนี้ “ไม่ต้องเสธ.อ้ายหรอก พวกเรานี่แหละจะจัดการกันเอง”

หรือนี่ไม่ใช่ คนจ้องล้มรัฐบาลตัวจริง

ก็น่าสงสารนายจตุพรที่เกิดอาการอย่างนี้ ไอ้ที่สู้แล้วรวยมันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่นายจตุพรคงไม่ประทับใจกับคำพูดของนายกรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์” ที่กล่าวถึงนายจตุพรว่าเป็นคนมีอุดมการณ์ คงทำงานช่วยเหลือประชาชนต่อไป แปลไทยเป็นเขมรหรือแปลเป็นไทยก็ได้ความหมายเดียวกัน “คุณเหมาะสำหรับการต่อสู้อยู่ข้างถนน” ขณะที่ “ไพร่” ร่วมอุดมการณ์อุดมกิน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กลับเจริญรุ่งเรืองในคราบ “อำมาตย์” ไม่ต้องผจญกับม็อบเกษตรกร ไปอยู่กระทรวงพาณิชย์ใกล้บ้าน มีเวลาแว่บมาช่วยเมียทำอาหารปักษ์ใต้ขาย และส่งไปบรรณาการให้ “ทักษิณ” ถึงดูไบ (เป็นประจำ) จึงเป็นความดีความชอบประการหนึ่ง ที่เต้นวิ่งเร็วกว่าตู่

ในที่สุด “ม็อบสนามม้า” ก็พลิกความคาดหมาย อัฒจันทร์สนามม้านางเลิ้งรองรับผู้คนได้ 2 หมื่น วันนั้นที่นั่งเต็มต้องล้นลงมาข้างล่าง แล้วไม่รู้ใครรายงานถึง ร.ต.อ.เฉลิมผู้ยิ่งใหญ่ ว่าม็อบจะบุกทำเนียบรัฐบาล ต้องระดมตำรวจไปป้องกันทำเนียบ ร.ต.อ.เฉลิมต้องบินด่วนจากนครราชสีมาเข้ากรุงเทพฯ แล้วบึ่งเข้าทำเนียบทันที พอรู้ว่าม็อบเรือนหมื่น ร.ต.อ.เฉลิมก็โยนอุจจาระไปให้เจ้าของบ่อนย่านบางซื่อ ระบุขนคนมาช่วยเสธ.อ้าย ลีลาแบบนี้มีให้เห็นบ่อยครั้ง

ม็อบสนามม้าเรือนหมื่น ทำเอาฝ่ายรัฐบาลเต้นเหมือนคุดทะราดเหยียบกรวด อำมาตย์ไพร่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เสนอหน้าทันที ชี้ชัดเป็นการนำร่องรัฐประหาร

นายก่อแก้ว พิกุลทอง ไม่รู้เอาส่วนไหนของร่างกายมาคิด ปักใจม็อบส่วนหนึ่งเป็นฝีมืออดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นเจ้าของคอกม้าที่นครปฐม แล้วเชื่อมโยงไปถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าไปนครปฐมถึงสองครั้ง น่าจะไปพบกับอดีตลูกพรรคคนนี้ เพื่อขนคนมาสนามม้า

บรรดาตำรวจที่รับผิดชอบต่างออกมายอมรับ ประเมินการชุมนุมครั้งนี้ผิดพลาดในเรื่องจำนวนคน พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง ผู้บัญชาการสันติบาล บอกว่าประเมินเฉพาะคนต่างจังหวัด ลืมนึกถึงคนในกรุงเทพฯ ไป แล้วยังคำรามจะตรวจสอบผู้คนที่ไปชุมนุมในวันนั้นด้วย เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการนครบาล ยอมรับว่าประเมินผิดพลาดเช่นเดียวกัน

ไม่ผิดหรอกทั้งสันติบาลและนครบาล ในเมื่อ ร.ต.อ.เฉลิมเขาปรามาสไว้ชัดถ้อยชัดคำ ม็อบสนามม้าไม่เกิน 2,000 คน แล้วตำรวจหน้าไหนหน่วยไหนจะกล้าประเมินล้ำหน้าไปถึงเรือนหมื่น เห็นไหมล่ะ ในที่สุด ร.ต.อ.เฉลิมก็แก้ตัวน้ำขุ่นคลั่ก บอกว่าที่ประเมินไว้ 2,000 บาท เป็นตัวเลขลวงเพื่อต้องการทราบจำนวนจริง พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ นักสู้จากท้องทุ่ง ต.โคกลำพาน อ.เมืองลพบุรี ใกล้ค่ายพลร่มป่าหวาย ขอบคุณร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ส่งตำรวจไปดูแลความสงบเรียบร้อย

แม้จะไม่พูดว่า ขอบใจที่ช่วยเรียกแขกไปขับไล่รัฐบาล” แต่ก็รู้กันรู้กันดีว่าเป็นท่วงทำนองของนักเลงจริง ไม่ใช่นักเลงเก่งแต่ปาก.
กำลังโหลดความคิดเห็น