xs
xsm
sm
md
lg

ตลท.ฟุ้งบจ.เพิ่มทุนคาดยอดทะลุ2.5แสนล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- ตลาดหลักทรัพย์ฯคาดปีนี้ บจ.เพิ่มทุนแตะ 2.5 แสนล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี เพื่อนำเงินขยายกิจการ –ภาวะตลาดเอื้อ บริษัทเพิ่มทุนสูงสุดปีนี้ปตท.สผ.9.8 หมื่นล้านบาท รองมาแบงก์กรุงไทย 3.5 หมื่นล้านบาท "ชนิตร "คาดเพิ่มทุนปี56 ต่ำกว่าปีนี้ เหตุ หุ้นขนาดใหญ่เพิ่มทุนเกือบหมดแล้วเหลือบริษัทขนาดกลาง-เล็ก

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน และ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯคาดว่ามูลค่าการเพิ่มทุนของบริษัทจดทะเบียนปีนี้จะอยู่ที่ 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งสูงสุดในรอบ 10 ปี เนื่องจาก มูลค่าการเพิ่มทุนณ สิ้นเดือนกันยายน ยู่ที่ 8.1-8.2 หมื่นล้านบาท และ ในช่วง 2 เดือนที่เหลือนี้ จะมีการเพิ่มทุนรวม 1.28 แสนล้านบาท คือ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP จะเพิ่มทุน 9.8 หมื่นล้านบาท และธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน)หรือ KTB จะมีการเพิ่มทุน 3 หมื่นล้านบาท และ บริษัททิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)หรือ TIP ที่จะเข้ามาเพิ่มทุนในช่วงปลายปีอีก

ทั้งนี้การที่บจ.มีการเพิ่มทุนในปีนี้จำนวนมาก เพราะ ในช่วงที่ผ่านมาบจ.มีการออกตราสารนี้จำนวนมาก ซึ่งทางสมาคมตราสารหนี้ไทย คาดว่าปีนี้จะมีมูลค่าการออก 4.5 แสนล้านบาท ทำให้เมื่อบริษัทต้องการที่จะระดมทุนเพิ่มก็จะมีการเพิ่มทุนเพื่อที่จะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E)ของบริษัทมีการสมดุลกัน ซึ่งเมื่อมีการเพิ่มนี้แล้วก็จะต้องมีการเพิ่มทุน ประกอบกับการเพิ่มทุนนั้นยังช่วยทำให้สภาพคล่องหุ้นมีมากขึ้น โดย 5 อันดับแรกของบจ.ที่เพิ่มทุนสูงสุดในปีนี้ ได้แก่ 1. บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม 2. ธนาคารกรุงไทย 3.บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF 4. บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI 5.บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TUF

สำหรับแนวโน้มการเพิ่มทุนของบจ.ในปีหน้า คาดว่ามูลค่าการเพิ่มทุนจะต่ำกว่าปีนี้ เนื่องจาก ปีนี้หุ้นขนาดใหญ่ (บิ๊กแคป)ได้มีการเพิ่มทุนไปเกือบหมดแล้ว โดยบจ.ที่จะมีการเพิ่มทุนนั้นก็จะเป็นบริษัทขนาดกลางและเล็กเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ และ D/E ของบจ.เฉลี่ยที่ 0.5 เท่า นั้น ทำให้มีโอกาสในการกู้ได้ แต่มีบางบริษัที่สนใจที่จะเพิ่มทุนมากกว่าการกู้

นายชนิตร กล่าว่า นอกจากบจ.จะนิยมเพิ่มทุนแล้ว ยังมีอีก33บริษัทที่ได้หันมาออกหุ้นปันผล(Stock Dividend)ด้วย ซึ่งได้ส่งผลให้ปริมาณหุ้นหมุนเวียนในตลาด(Free Float) โดยภาพรวมเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 40% จากก่อนหน้านี้ที่อยู่ระดับราว 30% ดังนั้นจึงช่วยให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนในบจ.ไทยได้แล้วราว 21-22 บริษัทจากที่มีมูลค่ามาร์เกตแคป 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมูลค่าการซื้อขายฉลี่ยต่อวัน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับในช่วง 2 เดือนสุดท้าย ประเมินว่าจะมีบริษัทเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก(IPO)เข้ามาจดทะเบียนอีกประมาณ 9 บริษัท ทั้งในตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ซึ่งจะทำให้มียอดไอพีโอรวมเข้าจดทะเบียนปีนี้รวมเป็น ประมาณ 25-26 บริษัท ซึ่งรวมกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่เข้าจดทะบเยนปีนี้ 5 กองทุน

"ปกติแล้วในช่วงเดือนธันวาคม นั้นจะไม่มีหุ้นไอพีโอ ที่จะเข้าซื้อขายจากที่จะเป็นวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่ และนักลงทุนต่างประเทศเริ่มชะลอการซื้อขายแล้ว แต่ปีนี้ยังมีหุ้นไอพีโอ ที่จองวันจะเข้าเทรด เนื่องจาก ภาวะตลาดหุ้นไทยดี และ นักลงทุนในประเทศให้ความสนใจเข้าลงทุนในหุ้นไอพีโอจำนวนมาก ซึ่งเห็นจากราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่า 100 %ทุกบริษัท จึงทำให้บริษัทต้องการที่จะเข้ามาเทรด "นายชนิตร กล่าว

ทั้งนี้ แนวโน้มการเข้าจดทะเบียนของหุ้นไอพีโอปีหน้า คาดว่าจะเพิ่มขึ้น จากเชื่อว่าภาวะตลาดหุ้นไทยจะดีต่อเนื่อง โดยหุ้นที่จะเข้าจดทะเบียนนั้นจะเป็นลักษณะที่เป็นแบรนด์ เช่น ทีวี ไดเรท บริษัท ฮอท พอท ที่จะต้องการสร้างแบรนด์ของตนเอง ธุรกิจอาหาร รถยนต์ เนื่องจาก เป็นที่สนใจลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น