xs
xsm
sm
md
lg

ศักยภาพด้านการเงิน-ความสามารถทำกำไร บจ.ไทยแข็งแกร่ง “ทริส” เล็งเพิ่มเรตติ้ง “พลังงาน-รพ.”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทริส เรทติ้งชี้ ศักยภาพด้านการเงิน-ความสามารถทำกำไร บจ.ไทยยังแข็งแกร่ง เล็งเพิ่มเรตติ้ง “พลังงาน-โรงพยาบาล” ย้ำไม่พบฟองสบู่อสังหาฯ

นายสันติ กีระนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด หรือทริส เปิดเผยว่า ฐานะทางการเงิน และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ในปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ทั้งจากปรับตัวเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของบริษัทเอง และการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อหลายอุตสาหกรรม จึงอาจจะเห็นทริสปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือ หรือเครดิตเรตติ้งของ บจ.เพิ่มขึ้น

นายสันติอธิบายว่า กลุ่มที่คาดว่ามีอันดับเครดิตดีขึ้น เช่น กลุ่มพลังงาน และกลุ่มโรงพยาบาล (รพ.) เพราะธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีการปรับเครดิตบริษัทต่างๆ เพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด

นายสันติยืนยันว่า บจ.ของไทยมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีการระดมทุนเพิ่มขึ้น โดยปีที่ผ่านมาเห็นการระดมทุนผ่านตลาดทุนและตราสารหนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อใช้ในการลงทุน แต่ส่วนใหญ่ก็จะมีแผนสำรองในการบริหารหนี้ที่ดี เช่นบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. (PTTEP) และบริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ หรือทียูเอฟ (TUF) ซึ่งคนอาจจะมองว่าทำธุรกิจเชิงรุก (aggressive) แต่ก็มีความระมัดระวัง

ขณะนี้ยังไม่เห็นว่าธุรกิจใดที่น่าเป็นห่วง หรือมีแนวโน้มที่จะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลง แต่ก็มีบางธุรกิจที่ยังต้องมีการติดตามข้อมูลต่อเนื่อง เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพราะปัจจุบันไม่มีใครตอบได้จริงๆ ว่าเมื่อไหร่จะเกิดภาวะโอเวอร์ซัปพลาย หรือความต้องการขายมีเกินความต้องการซื้อ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงได้ส่งสัญญาณเฝ้าติดตามอุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง

“มีคำถามเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาฯ มากมายแต่ไม่มีใครตอบได้จริงๆ เพราะในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมาปัญหาเศรษฐกิจไทยตกต่ำที่เกิดขึ้นนั้นมักจะเกิดจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างชัดเจน ทั้ง ธปท.และกระทรวงการคลังจึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิด”

สำหรับลูกค้าของทริสในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ตอนนี้ นายสันติระบุว่า ตนยังไม่พบสัญญาณที่ผู้ประกอบการไปไม่ไหว เนื่องจากธุรกิจยังมีความแข็งแกร่ง แต่บริษัทก็ไม่นิ่งนอนใจ จะติดตามและดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างใกล้ชิด เพราะในอนาคตอาจมีปัจจัยที่กระทบต่อธุรกิจ เช่น แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะมีการปรับขึ้นในอนาคตเพราะอยู่ในระดับต่ำมานาน ประกอบกับเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น