ช่วงนี้ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่กำลังหนีคุกเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก ให้สัมภาษณ์นิตยสารฟอร์บส์เป็นการเปิดโปง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของตัว ที่เขาจับมาเชิดให้อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ลอยหน้าลอยตาบอกใครต่อใครว่าการบริหารราชการงานเมืองนั้นเธอจัดการเองทั้งหมด อันเป็นการตอกย้ำคำพูดอันเชื่อถือไม่ได้มาแต่ไหนแต่ไรก่อนวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 มาจนถึงทุกวันนี้ และการเคลื่อนไหวรอบๆ ประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นที่ฮ่องกง และล่าสุดกำลังจะมาท่าขี้เหล็ก สหภาพพม่า
เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อที่จะวัดกำลังว่าถึงเวลาที่จะกลับประเทศไทยได้หรือยัง?
นับตั้งแต่ที่เดินทางออกนอกประเทศเพื่อไปดูการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ปักกิ่ง ซึ่งแท้จริงก็คือการหนีศาล เพราะรู้ว่าไม่สามารถวิ่งศาลได้ ถุงขนมที่มีเงินอยู่ 2 ล้านบาทไม่ทำงาน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกำลังจะอ่านคำพิพากษา จำเป็นต้องเผ่นแน่บไปตั้งหลักก่อน ทักษิณก็ต้องการกลับประเทศอย่างผู้บริสุทธิ์ คดีความทั้งหลายที่ค้างศาลอยู่จะต้องเอาออกไปเสียจากสารบบ
ทักษิณ และบรรดาลิ่วล้อ บริษัทบริวารของเขาจึงพยายามดิ้นอย่างสุดฤทธิ์ เริ่มจากรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อช่วยทักษิณ ทำให้ประชาชนออกมาต่อต้านอย่างแข็งขัน และเมื่อเกิดการเปลี่ยนขั้ว รัฐบาลที่ทักษิณบอกได้ใช้ฟังเปลี่ยนไปเป็นรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ทักษิณจำเป็นต้องล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้ได้
เพราะการจะกลับประเทศให้ได้ จะต้องมีรัฐบาลที่ตนสามารถบงการได้ สั่งได้
ความพยายามที่จะล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์จึงเกิดขึ้นอย่างเอาจริงเอาจัง และทำทุกรูปแบบโดยอาศัยมวลชนคนเสื้อแดงที่ก่อตั้งขึ้นหลังจากการรัฐประหารของ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
และประสบความสำเร็จเมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตัดสินใจยุบสภา จัดให้มีการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม 2554
ทักษิณประสบความสำเร็จสามารถทำให้น้องสาวที่ไม่ประสีประสาทางการเมืองก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้ทุกผู้คนในพรรคเพื่อไทยที่มีประสบการณ์ทางการเมือง มีความรู้ มีความสามารถทางการเมือง ยอมรับนางสาวยิ่งลักษณ์ น้องสาวของเขา เช่นเดียวกับการยอมรับเขา ซึ่งนี่ต้องถือว่าเป็นความสามารถพิเศษของทักษิณ ซึ่งแสดงให้เห็นมาแล้วเมื่อเขายังอยู่ในอำนาจ เขาสามารถทำให้คู่แค้นทางการเมืองหลายคนสงบนิ่งในพรรคไทยรักไทย ไม่ว่าจะเป็น เสนาะ เทียนทอง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ สมศักดิ์ เทพสุทิน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สมัคร สุนทรเวช วีระ มุสิกพงศ์ ฯลฯ
ต่างกับหัวหน้าพรรคการเมืองอื่นๆ ในอดีต ไม่ว่าจะเป็น ป.พิบูลสงคราม พรรคเสรีมนังคศิลา พล.อ.ถนอม กิตติขจร พรรคสหประชาไทย รวมทั้งนายทหารรุ่นหลังๆ ที่ก่อตั้งพรรคการเมืองอย่าง พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก หรือพลเรือนอย่าง นายควง อภัยวงศ์ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
ความแตกต่างดังกล่าวนี้ปัจจัยสำคัญยิ่งน่าจะอยู่ที่เงินอันมหาศาลของทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง เงินมหาศาลทำให้เขาเอาชนะการเลือกตั้ง การมองเห็นอนาคตว่าจะต้องชนะการเลือกตั้งทำให้นักการเมืองต้องยอมสยบ เพราะไม่อยากเหนื่อยถ้าหากจะต้องแข่งขันกับคนที่มีเงินอย่างทักษิณ หรือนักการเมืองที่ทักษิณส่งสมัคร เพราะเสี่ยงกับการสอบตก เสี่ยงกับการหมดอนาคตทางการเมือง (มีหลายคนที่ทำท่าว่าอยากจะเป็นนายกฯ อยากจะเป็นรัฐมนตรี แต่ทักษิณระแวงสงสัยว่าจะแข็งข้อ ไม่สวามิภักดิ์จริงๆ ไม่จงรักภักดีจริงๆ ก็จะไม่เป็นที่โปรดปรานของทักษิณ ก็หมดอนาคตทางการเมือง บางคนหายหน้าหายตาจากเวทีการเมือง บางคนทักษิณยังให้โอกาสเป็น ส.ส.แต่ไม่ให้มีบทบาท)
หรือไม่ก็ต้องประพฤติปฏิบัติตนเสียใหม่ ต้องเป็นผู้ภักดีจริงๆ
ทักษิณใช้วิธีปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีอยู่เสมอ ทางหนึ่งทำให้นักการเมืองในสังกัดมีความหวัง ต้องซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อทักษิณจริงๆ วันหนึ่งอาจจะได้เป็นรัฐมนตรี ทางหนึ่งทักษิณใช้เป็นการทดสอบความอดทน ความจงรักภักดีที่บริษัทบริวารมีต่อเขา ถ้าหากพูดมากหรือแสดงอาการแข็งข้อแม้แต่นิดเดียว ก็หมดอนาคตได้
ทักษิณใช้วิธีนี้กับข้าราชการประจำด้วยเช่นเดียวกัน ตำแหน่งสำคัญๆ ตั้งแต่ปลัดกระทรวง อธิบดีกลายเป็นตำแหน่งที่ทักษิณเอาไว้ตอบแทนคนที่จงรักภักดี ซื่อสัตย์ต่อเขาและครอบครัวของเขาจริงๆ
ที่ทักษิณยังล้วงลูกไม่ได้ก็ตำแหน่งสำคัญๆ ในกองทัพ และยังล้วงไปไม่ถึงเลยก็คือ อำนาจฝ่ายตุลาการ
และที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ พลังที่รักชาติ รักประชาธิปไตย และรักประเทศของประชาชน ยิ่งทักษิณสามารถกระชับอำนาจ สามารถสั่งการรัฐบาล สามารถแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ข้าราชการตำแหน่งสำคัญๆ ก็ยิ่งทำให้ประชาชนที่รักชาติ รักประเทศทนไม่ได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นความจำเป็นที่จะต้องแสดงออก ที่จะต้องเคลื่อนไหวและยอมไม่ได้ อยู่เฉยไม่ได้ขึ้นเรื่อยๆ
การใช้งบประมาณเกือบร้อยล้านบาทเพื่อที่จะสานเสวนา หรือพยายามที่จะหาข้อสรุปออกมาให้ได้ว่าจะต้องแก้รัฐธรรมนูญ จะต้องผ่านกฎหมายปรองดอง จะต้องให้ทักษิณเป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องกลับประเทศไทยได้ ที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พยายามทำอยู่ขณะนี้ ประสานกับการเคลื่อนไหวของทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นที่ฮ่องกง พม่า ล้วนแต่จะเพิ่มยอดคนที่ทนไม่ได้เพิ่มขึ้น
เงินของทักษิณจะมากมายมหาศาลเพียงใด ใช้ไม่ได้ และไม่มีประโยชน์กับกลุ่มคนที่ทนไม่ได้เลย
เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อที่จะวัดกำลังว่าถึงเวลาที่จะกลับประเทศไทยได้หรือยัง?
นับตั้งแต่ที่เดินทางออกนอกประเทศเพื่อไปดูการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ปักกิ่ง ซึ่งแท้จริงก็คือการหนีศาล เพราะรู้ว่าไม่สามารถวิ่งศาลได้ ถุงขนมที่มีเงินอยู่ 2 ล้านบาทไม่ทำงาน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกำลังจะอ่านคำพิพากษา จำเป็นต้องเผ่นแน่บไปตั้งหลักก่อน ทักษิณก็ต้องการกลับประเทศอย่างผู้บริสุทธิ์ คดีความทั้งหลายที่ค้างศาลอยู่จะต้องเอาออกไปเสียจากสารบบ
ทักษิณ และบรรดาลิ่วล้อ บริษัทบริวารของเขาจึงพยายามดิ้นอย่างสุดฤทธิ์ เริ่มจากรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อช่วยทักษิณ ทำให้ประชาชนออกมาต่อต้านอย่างแข็งขัน และเมื่อเกิดการเปลี่ยนขั้ว รัฐบาลที่ทักษิณบอกได้ใช้ฟังเปลี่ยนไปเป็นรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ทักษิณจำเป็นต้องล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้ได้
เพราะการจะกลับประเทศให้ได้ จะต้องมีรัฐบาลที่ตนสามารถบงการได้ สั่งได้
ความพยายามที่จะล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์จึงเกิดขึ้นอย่างเอาจริงเอาจัง และทำทุกรูปแบบโดยอาศัยมวลชนคนเสื้อแดงที่ก่อตั้งขึ้นหลังจากการรัฐประหารของ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
และประสบความสำเร็จเมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตัดสินใจยุบสภา จัดให้มีการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม 2554
ทักษิณประสบความสำเร็จสามารถทำให้น้องสาวที่ไม่ประสีประสาทางการเมืองก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้ทุกผู้คนในพรรคเพื่อไทยที่มีประสบการณ์ทางการเมือง มีความรู้ มีความสามารถทางการเมือง ยอมรับนางสาวยิ่งลักษณ์ น้องสาวของเขา เช่นเดียวกับการยอมรับเขา ซึ่งนี่ต้องถือว่าเป็นความสามารถพิเศษของทักษิณ ซึ่งแสดงให้เห็นมาแล้วเมื่อเขายังอยู่ในอำนาจ เขาสามารถทำให้คู่แค้นทางการเมืองหลายคนสงบนิ่งในพรรคไทยรักไทย ไม่ว่าจะเป็น เสนาะ เทียนทอง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ สมศักดิ์ เทพสุทิน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สมัคร สุนทรเวช วีระ มุสิกพงศ์ ฯลฯ
ต่างกับหัวหน้าพรรคการเมืองอื่นๆ ในอดีต ไม่ว่าจะเป็น ป.พิบูลสงคราม พรรคเสรีมนังคศิลา พล.อ.ถนอม กิตติขจร พรรคสหประชาไทย รวมทั้งนายทหารรุ่นหลังๆ ที่ก่อตั้งพรรคการเมืองอย่าง พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก หรือพลเรือนอย่าง นายควง อภัยวงศ์ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
ความแตกต่างดังกล่าวนี้ปัจจัยสำคัญยิ่งน่าจะอยู่ที่เงินอันมหาศาลของทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง เงินมหาศาลทำให้เขาเอาชนะการเลือกตั้ง การมองเห็นอนาคตว่าจะต้องชนะการเลือกตั้งทำให้นักการเมืองต้องยอมสยบ เพราะไม่อยากเหนื่อยถ้าหากจะต้องแข่งขันกับคนที่มีเงินอย่างทักษิณ หรือนักการเมืองที่ทักษิณส่งสมัคร เพราะเสี่ยงกับการสอบตก เสี่ยงกับการหมดอนาคตทางการเมือง (มีหลายคนที่ทำท่าว่าอยากจะเป็นนายกฯ อยากจะเป็นรัฐมนตรี แต่ทักษิณระแวงสงสัยว่าจะแข็งข้อ ไม่สวามิภักดิ์จริงๆ ไม่จงรักภักดีจริงๆ ก็จะไม่เป็นที่โปรดปรานของทักษิณ ก็หมดอนาคตทางการเมือง บางคนหายหน้าหายตาจากเวทีการเมือง บางคนทักษิณยังให้โอกาสเป็น ส.ส.แต่ไม่ให้มีบทบาท)
หรือไม่ก็ต้องประพฤติปฏิบัติตนเสียใหม่ ต้องเป็นผู้ภักดีจริงๆ
ทักษิณใช้วิธีปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีอยู่เสมอ ทางหนึ่งทำให้นักการเมืองในสังกัดมีความหวัง ต้องซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อทักษิณจริงๆ วันหนึ่งอาจจะได้เป็นรัฐมนตรี ทางหนึ่งทักษิณใช้เป็นการทดสอบความอดทน ความจงรักภักดีที่บริษัทบริวารมีต่อเขา ถ้าหากพูดมากหรือแสดงอาการแข็งข้อแม้แต่นิดเดียว ก็หมดอนาคตได้
ทักษิณใช้วิธีนี้กับข้าราชการประจำด้วยเช่นเดียวกัน ตำแหน่งสำคัญๆ ตั้งแต่ปลัดกระทรวง อธิบดีกลายเป็นตำแหน่งที่ทักษิณเอาไว้ตอบแทนคนที่จงรักภักดี ซื่อสัตย์ต่อเขาและครอบครัวของเขาจริงๆ
ที่ทักษิณยังล้วงลูกไม่ได้ก็ตำแหน่งสำคัญๆ ในกองทัพ และยังล้วงไปไม่ถึงเลยก็คือ อำนาจฝ่ายตุลาการ
และที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ พลังที่รักชาติ รักประชาธิปไตย และรักประเทศของประชาชน ยิ่งทักษิณสามารถกระชับอำนาจ สามารถสั่งการรัฐบาล สามารถแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ข้าราชการตำแหน่งสำคัญๆ ก็ยิ่งทำให้ประชาชนที่รักชาติ รักประเทศทนไม่ได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นความจำเป็นที่จะต้องแสดงออก ที่จะต้องเคลื่อนไหวและยอมไม่ได้ อยู่เฉยไม่ได้ขึ้นเรื่อยๆ
การใช้งบประมาณเกือบร้อยล้านบาทเพื่อที่จะสานเสวนา หรือพยายามที่จะหาข้อสรุปออกมาให้ได้ว่าจะต้องแก้รัฐธรรมนูญ จะต้องผ่านกฎหมายปรองดอง จะต้องให้ทักษิณเป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องกลับประเทศไทยได้ ที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พยายามทำอยู่ขณะนี้ ประสานกับการเคลื่อนไหวของทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นที่ฮ่องกง พม่า ล้วนแต่จะเพิ่มยอดคนที่ทนไม่ได้เพิ่มขึ้น
เงินของทักษิณจะมากมายมหาศาลเพียงใด ใช้ไม่ได้ และไม่มีประโยชน์กับกลุ่มคนที่ทนไม่ได้เลย