น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อยู่ระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ โดยวันนี้ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการเยือน นายกรัฐมนตรี เดินทางเยี่ยมชมโรงเรียนคอมมิวนิสต์จีน โดยหารือกับผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียน และลงนามในสมุดเยี่ยม จากนั้นได้กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "พัฒนาการความสัมพันธ์หุ้นส่วนความร่วมมือยุทธศาสตร์ไทย-จีน" โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยกำลังปรับสมดุลภายใน ทั้งการเมือง และเศรษฐกิจ รวมถึงการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยมั่นใจว่าในฐานะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ภายใต้การสนับสนุนของประชาชน จะมุ่งมั่นสร้างความปรองดองแห่งชาติ เพื่อสร้างเสถียรภาพและความเชื่อมั่น ทั้งในหมู่คนไทยและนานาชาติ
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า เนื่องจากไทย-จีน มีความสัมพันธ์ยาวนานในยุคโบราณ และตนเองก็มีเชื้อสายจีนเช่นกัน ซึ่งความสัมพันธ์ยุคปัจจุบันมีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อ 37 ปีที่แล้ว ในสมัย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี กับนายกรัฐมนตรีโจว เอิน ไหล ของจีน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมวิสัยทัศน์ของผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน ต่อนโยบาย 4 ทันสมัย ซึ่งทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตเป็นอันดับที่ 2 และคาดว่าจะขึ้นเป็นอันดับที่ 1 ในเร็วๆ นี้ และตามวาระปัจจุบัน ไทยจะรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างอาเซียน จับจีน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2012 เป็นต้นไป โดยจะยึดหลักความจริงใจ ตรงไปตรงมา และเคารพการตัดสินใจซึ่งกันและกัน
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน ตั้งแต่ปี 2010 มีการยกระดับเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งการเยือนจีนครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน เช่น การพัฒนารถไฟความเร็วสูง พลังงานหมุนเวียน และการบริหารจัดการน้ำ
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางจากโรงเรียนพรรคคอมมิวนิสต์ ไปยังโรงแรมไชน่า เวิลด์ ซัมมิต วิลล์ เพื่อพบหารือข้อราชการกับนายหวัง ฉู ซาน รองนายกรัฐมนตรีจีน ก่อนร่วมสัมมนาระหว่างอาหารกลางวัน (Business Lunch)
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า เนื่องจากไทย-จีน มีความสัมพันธ์ยาวนานในยุคโบราณ และตนเองก็มีเชื้อสายจีนเช่นกัน ซึ่งความสัมพันธ์ยุคปัจจุบันมีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อ 37 ปีที่แล้ว ในสมัย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี กับนายกรัฐมนตรีโจว เอิน ไหล ของจีน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมวิสัยทัศน์ของผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน ต่อนโยบาย 4 ทันสมัย ซึ่งทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตเป็นอันดับที่ 2 และคาดว่าจะขึ้นเป็นอันดับที่ 1 ในเร็วๆ นี้ และตามวาระปัจจุบัน ไทยจะรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างอาเซียน จับจีน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2012 เป็นต้นไป โดยจะยึดหลักความจริงใจ ตรงไปตรงมา และเคารพการตัดสินใจซึ่งกันและกัน
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน ตั้งแต่ปี 2010 มีการยกระดับเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งการเยือนจีนครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน เช่น การพัฒนารถไฟความเร็วสูง พลังงานหมุนเวียน และการบริหารจัดการน้ำ
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางจากโรงเรียนพรรคคอมมิวนิสต์ ไปยังโรงแรมไชน่า เวิลด์ ซัมมิต วิลล์ เพื่อพบหารือข้อราชการกับนายหวัง ฉู ซาน รองนายกรัฐมนตรีจีน ก่อนร่วมสัมมนาระหว่างอาหารกลางวัน (Business Lunch)
