xs
xsm
sm
md
lg

โพลจี้ปูตอบซักฟอกจำนำข้าว ไทยเสียแชมป์ส่งออกข้าวนึ่ง!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สวนดุสิตโพลเผยผลสำรวจงานฝ่ายค้าน-รัฐบาล 49.9% มองจุดอ่อนยังแก้ปัญหาเร่งด่วนไม่ได้ 61.49% หนุนซักฟอกโกงจำนำข้าว 48.73% เอแบคโพลชี้ประชาชน 87% เห็นว่า นายกฯ ควรชี้แจงซักฟอกเอง ตอกย้ำไทยเสียแชมป์ ล่าสุดส่งออกข้าวนึ่งแพ้เวียดนาม ยอดวูบถึง 50% จับตาอีก 5 ปี พม่าจะเป็นคู่แข่งส่งออกข้าว หลังมีนโยบายทวงแชมป์คืน “พาณิชย์” เอาสีข้างเข้าถูยอมรับส่งออกข้าวปีนี้พลาดเป้า แต่ไทยยังเป็นแชมป์ด้านราคาส่งออกของโลก

วานนี้ (4 พ.ย.) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 2,209 คน ถึงการทำงานในหน้าที่ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน เป็นเวลาเกือบ 1 ปี 3 เดือน เพื่อจะสะท้อนความสอดคล้องของการปฏิบัติงานในความคิดเห็นของประชาชน โดยถามว่า คิดว่ารัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ณ วันนี้ จุดแข็งที่ทำให้รัฐบาลอยู่มาได้ ณ วันนี้ 41.00% การเข้าถึงประชาชน มีนโยบายประชานิยมที่เป็นรูปธรรม 33.18% การทำงานรวดเร็ว บุคลากรเก่ง มีความรู้ โดยเฉพาะนายกฯ ที่ประชาชนชื่นชอบ และ 25.82% ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนระดับรากหญ้า และกลุ่มเสื้อแดง ขณะที่จุดอ่อนที่ทำให้รัฐบาลทำงานลำบาก 49.90% ยังไม่สามารถแก้ปัญหาเร่งด่วน หรือทำตามสัญญาที่ให้ไว้ได้อย่างครบถ้วน 31.34% การทุจริตคอร์รัปชันต่างๆ โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว และ 18.76% ไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองได้

เมื่อถามว่า คิดว่าฝ่ายค้าน ที่นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ณ วันนี้ จุดแข็งคือ 61.49% ความพยายามในการติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล 19.37% บุคลากรเก่ง มีความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะด้านกฎหมาย และ 19.14% ผู้นำฝ่ายค้านมีภาพลักษณ์ดี น่าเชื่อถือ ขณะที่จุดอ่อนที่ทำให้ฝ่ายค้านทำงานลำบาก คือ 48.64% ช่วงที่เป็นรัฐบาลก็ไม่สามารถทำตามนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชนได้เหมือนกัน 27.92% ค้านทุกเรื่อง โดยไม่มีเหตุผลพอที่จะค้าน พูดเรื่องเดิมๆ ขุดคุ้ยมากเกินไป และ 23.44% ไม่มีเอกภาพในพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทำให้ประชาธิปัตย์ที่เป็นแกนนำฝ่ายค้านต้องทำงานโดดเดี่ยว ล่าช้า ไม่กล้าตัดสินใจ

เมื่อถามถึงผลงานเด่นของรัฐบาล ที่ประชาชนอยากให้แถลงต่อสาธารณชนได้รับรู้ 38.06% การขึ้นเงินเดือน ขึ้นค่าแรง 32.53% นโยบายประชานิยม เช่น รถคันแรก บ้านหลังแรก แจกแท็บเล็ตให้นักเรียน และ 29.41% การปราบปรามยาเสพติด ส่วนผลงานด้อยของรัฐบาล ที่ประชาชนอยากให้ฝ่ายค้านอภิปราย และตรวจสอบ 40.74% การทุจริตคอร์รัปชันโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว 35.18% ความไม่โปร่งใสในการจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานต่างๆ อาจมีการรั่วไหล และ 24.08% การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สินค้าแพง ที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน

เมื่อถามว่า สิ่งใด เรื่องใด ใครที่ทำให้ประชาชนชื่นชอบรัฐบาลมากที่สุด 48.73% นายกรัฐมนตรี และความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน 32.99% การปราบปรามยาเสพติด และผู้มีอิทธิพล และ 18.28% การขึ้นเงินเดือน ขึ้นค่าแรง ขณะที่สิ่งที่ทำให้ประชาชนเบื่อรัฐบาลมากที่สุด 37.82% การเล่นพรรคเล่นพวก โดยเฉพาะการแต่งตั้ง เอื้อประโยชน์ให้แก่พวกพ้อง 32.18% ยังไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้ได้อย่างครบถ้วน โครงการประชานิยมยังไม่สำเร็จเป็นรูปธรรม และ 30.00% การแก้ปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใส การทุจริตของนักการเมืองยังไม่เด็ดขาด

เมื่อถามว่า สิ่งใด เรื่องใด ใครที่ทำให้ประชาชนชื่นชอบฝ่ายค้าน มากที่สุด 44.53% ผู้นำฝ่ายค้าน 41.70% ความพยายามในการติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และ 13.77% มีหลักการ จุดยืน แนวคิด และการทำงานที่ชัดเจน ขณะที่ สิ่งใด เรื่องใด ใครที่ทำให้ประชาชนเบื่อฝ่ายค้านมากที่สุด 46.87% ค้านทุกเรื่อง การกล่าวหารัฐบาลย่างเลื่อนลอย ไม่มีข้อมูลหลักฐาน 28.12% เล่นเกมการเมืองมากไป คอยจุดกระแส สร้างประเด็นทางการเมือง และ 25.01%ไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ปัญหาของประเทศ

***นายกฯ ควรชี้แจงซักฟอกเอง

สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจในหัวข้อ ผลการปรับคณะรัฐมนตรี การชุมนุมทางการเมือง และการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ในสายตาสาธารณชน โดยสำรวจประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ พบว่า ระดับการยอมรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อยู่ที่ 6.67 เต็ม 10 ซึ่งร้อยละ 74.9 ระบุว่า ควรให้โอกาส และปล่อยวาง

ส่วนกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ร้อยละ 87.4 เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ควรมาชี้แจงตอบคำถามเอง และร้อยละ87.1 เห็นว่า นายกรัฐมนตรี ควรให้ความสำคัญกับระบอบรัฐสภา รวมทั้งร้อยละ 68.6 เชื่อว่า การอภิปรายจะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในรัฐบาล

เมื่อถามถึงการชุมนุมทางการเมือง พบว่า ร้อยละ 81.4 เห็นว่าการชุมนุมยิ่งเพิ่มความขัดแย้งรุนแรงและกังวลว่าความขัดแย้งจะบานปลายอีกร้อยละ 66.3

***ตอกย้ำไทยเสียแชมป์ส่งออกข้าวนึ่ง!

นายวรพงศ์ พิชญ์พงศา นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ข้าวนึ่งไทยมีปริมาณส่งออกที่ลดลง ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2554 ที่ส่งออกได้ถึง 3.1 ล้านตัน แต่ปีนี้ส่งออกได้เพียง 1.5 ล้านตัน ซึ่งเป็นปริมาณที่ลดลงถึงร้อยละ 50 โดยมีสาเหตุมาจากประเทศเวียดนามมีการพัฒนาข้าวนึ่ง ทำให้มีการส่งออกข้าวนึ่งเพิ่มมากขึ้น และประเทศผู้ซื้อได้หันไปบริโภคข้าวนึ่งจากประเทศเวียดนามด้วย

“ไม่เพียงแค่นั้น คาดว่า ใน 5 ปีข้างหน้า พม่าจะลงมาเป็นคู่แข่งสำคัญของไทย เพราะมีนโยบายออกมา ที่จะครองแชมป์ส่งออกข้าวอีกครั้ง” นายวรพงศ์กล่าว

นายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า แม้ในปีนี้ตัวเลขการส่งออกข้าวไทย จะทำได้ไม่ถึง 8.5 ล้านตัน ตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งคาดว่าจะส่งออกได้เพียง 7.5 ล้านตัน แต่ไทยมีมูลค่าการส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลก เมื่อเทียบกับประเทศผู้ส่งออกข้าวทั้งหมด โดยล่าสุดไทยได้ส่งออกข้าวได้รวม 5.5 ล้านตัน มีมูลค่า 3,700 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปี 2554

สาเหตุที่ทำให้ปริมาณการส่งออกลดลง เนื่องจากอินเดียมีข้าวในสต๊อกจำนวนมาก และส่งออกในราคาที่ต่ำอย่างต่อเนื่อง และประเทศเวียดนามมีการปรับปรุงคุณภาพข้าวหอมมะลิและข้าวนึ่ง ทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของไทยลดลงไป

ส่วนการระบายข้าวมีแผนที่จะเปิดระบายต่อเนื่อง ทั้งการเปิดระบายให้เอกชนเข้ามาประมูล และระบายผ่านการเจรจาขายในรูปรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ซึ่งขณะนี้ยังมีการเจรจาเพิ่มอีก 2-3 ประเทศ
สำหรับการผลักดันจัดตั้งสมาพันธ์โรงสีข้าวและผู้ค้าข้าวอาเซียน เพื่อร่วมมือกับวงการข้าวทุกภาคส่วน ในการพัฒนาคุณภาพ และสร้างมาตรฐานข้าวของอาเซียน ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม คาดว่าการร่วมมือนี้จะสามารถยกระดับราคาข้าวในตลาดโลกได้ และจะไม่เกิดปัญหาการตัดราคาสู้กันอย่างที่ผ่านมา และจะใช้คุณภาพข้าวไทยเป็นเกณฑ์ในการวัดเกรดคุณภาพข้าว
นายมานัส กิจประเสริฐ ว่าที่นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า จะเดินหน้าการจัดตั้งสมาพันธ์โรงสีข้าวและผู้ค้าข้าวอาเซียน ต่อจากนายชาญชัย รักษ์ธนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทยที่หมดวาระการทำงานลง โดยมั่นใจว่า โรงสีข้าวไทยมีความแข็งแกร่งและเป็นที่หนึ่งของอาเซียน เนื่องจากมีเทคโนโลยีในการสีข้าวที่ทันสมัยกว่าประเทศอื่นๆ และมีแนวคิดว่าอาจจะจัดตั้งเขตนิคมสำหรับโรงสีในบริเวณชายแดนเพื่อรับข้าวจากประเทศในอาเซียนมาสีและส่งออกด้วย.
กำลังโหลดความคิดเห็น