แม้จะมีความพยายามสกัดกั้นการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่การนัดหมายของภาคประชาชนที่สนามม้านางเลิ้ง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็แออัดยัดเยียดไปด้วยคนหลากหลายกลุ่มที่ออกมาแสดงพลังจำนวน 3-4 หมื่นคน
น่าสงสารร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีที่อาสามากล่อมม็อบ เพราะการเดินทางมาพบพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ในฐานะแกนนำการจัดชุมนุม กลายเป็นการเสียเวลาเปล่า
ไวน์และห่านที่หิ้วมาเลี้ยงเสธ.อ้าย กลายเป็นการเสียเงินเปล่า
ไฟในการต่อต้านรัฐบาลถูกจุดติดแล้ว และจะถูกยกระดับไปสู่การขับไล่รัฐบาล “ปู” ต่อไป ในระยะอีกไม่นานนัก
จำนวนผู้ชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้งมีจำนวนมากมายอย่างผิดคาด แม้จะถูกกีดกั้น ถูกปิดกั้น ถูกบิดเบือน ถูกปรามาส ถูกใส่ร้ายไปเสีย และถูกทำลายความน่าเชื่อถือ โดยส่งร.ต.อ.เฉลิมมาชนแก้วไวน์กับเสธ.อ้าย
แต่มวลชนที่ไม่ชอบหน้ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก็ไม่ย่อท้อ และยืนหยัดที่จะแสดงเจตนารมณ์ให้ว่า ประชาชนจำนวนไม่น้อยทนรัฐบาล “ปู” ไม่ไหวแล้ว และพร้อมที่จะลุกฮือขึ้นมาขับไล่
แกนนำคนเสื้อแดงหลายคนเริ่มอยู่ไม่ติดแล้ว บางคนสติแตกเสนอให้ปิดสนามม้านางเลิ้ง บางคนประกาศจะระดมคนเสื้อแดงมาชนกับประชาชน เพื่อปกป้องรัฐบาล “ปู”
แกนนำคนเสื้อแดง จะต้องปกป้องอุ้มรัฐบาล “ปู” อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู เพราะถ้าเป็นอะไรไป แกนนำคนเสื้อแดงก็จะไม่มีที่ยืน หมดโอกาสในการกอบโกยหรือหมดตำแหน่งทางการเมือง
แกนนำคนเสื้อแดงจะต้องพยายามปลุกมวลชนคนเสื้อแดงมาเผชิญหน้าแน่ ต้องใช้มวลชนคนเสื้อแดงมาตายแทน เพื่อที่ตัวเองจะได้เสพสุขเหมือนที่ผ่านมา
แต่จะมีมวลชนคนเสื้อแดงอีกเท่าไหร่ที่ยอมให้พรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดงใช้ศพมวลชนเป็นที่เหยียบย่ำ หรือถึงปลุกระดมมวลชนคนเสื้อแดงได้ แต่ก็คงไม่สามารถขวางการลุกฮือของประชาชนได้ โดยเฉพาะเมื่อไฟแห่งการขับไล่รัฐบาล “ปู” ถูกจุดขึ้นมาติดแล้ว
การที่คนจำนวน 3-4 หมื่นคนมารวมตัวกันได้ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ข่าวสารก็ถูกปิดกั้น และไม่มีงบจัดซื้อจัดจ้างเหมือนการระดมคนเสื้อแดง
พลังประชาชนที่ร่วมชุมนุมที่สนามม้า ถือเป็นพลังบริสุทธิ์ แต่มีความเข้มแข็ง และเข้มข้นในการประกาศจุดยืน
ประกาศให้รู้ว่า การชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้ง เป็นการชุมนุมของประชาชนที่ไม่เอารัฐบาล “ปู” และไม่ใช่คนเพียง 3-4 หมื่นคนที่ออกมาเคลื่อนไหวเท่านั้น แต่ยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่รอคอยเวลา รอฟังเสียงนกหวีด เพื่อเรียกชุมนุมใหญ่ไล่รัฐบาลอยู่
การปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบางยิ่งลักษณ์ดีขึ้น ไม่ได้ลดกระแสความไม่พอใจของประชาชนแต่อย่างใด
เพราะรัฐมนตรีคนใหม่ที่เข้ามา นอกจากมองไม่เห็นว่า ใครมีความรู้ความสามารถแล้ว ยังหาคนดีไม่เจออีกด้วย
หน้าตาของ ครม.ชุดใหม่ คงไม่ช่วยต่อดวงชะตาให้รัฐบาล “ปู” เท่าไหร่นัก เพราะประชาชนเริ่มหมดความอดกลั้นการบริหารประเทศที่ล้มเหลว
เหลืออดกับการทุจริตคอร์รัปชัน ทนเห็นขบวนการทำลายล้างสถาบันอย่างโจ๋งครึ่มต่อไปไม่ไหว จึงชูธงรบกับรัฐบาล
เสธ.อ้าย แม้จะเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่เป็นระยะ และแม้จะไม่ใช่แกนนำมวลชนระดับแม่เหล็ก แต่ก็สามารถปลุกคนร่วมครึ่งแสนมาชุมนุมได้ ซึ่งนัดต่อไป จะมีคนมาร่วมอย่างคับคั่งถึงขั้นมืดฟ้ามัวดินก็ได้
ประชาชนที่แห่มาชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้ง จะถือเป็นความสำเร็จของเสธ.อ้ายก็คงได้ แต่เป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวของรัฐบาล “ปู”
แผนการสถาปนอำนาจของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อครอบงำประเทศไทยอย่างเบ็ดเสร็จ เริ่มเห็นสัญญาณของการล่มสลายแล้ว พร้อมกับอายุไขของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ที่ถูกกระชับห้วงเวลาเข้ามา
องค์การพิทักษ์สยามและกลุ่มภาคประชาชน อีกนับสิบเครือข่ายที่ร่วมกันจัดชุมนุมใหญ่ อาจมีพลังไม่เพียงพอที่จะขับไล่รัฐบาลได้
แต่ไม่ได้มีเครือข่ายภาคประชาชนกลุ่มเสธ.อ้ายเท่านั้นที่ทนดูรัฐบาล “ปู” ทำลายประเทศให้ย่อยยับคามือไม่ได้ ยังมีประชาชนกลุ่มต่างๆ อีกจำนวนมากที่พร้อมจะผนึกกำลังกับกลุ่มเสธ.อ้ายในช่วงเวลาที่เหมาะสม
เสธ.อ้ายอาจเป็นเพียงทัพหน้าที่ออกศึกไปก่อน ส่วนทัพใหญ่ ทัพหลวงเตรียมพร้อมอยู่ ถ้ากลุ่มมวลชนที่ต่อต้านรัฐบาลผนวกเป็นหนึ่งเดียววันใด รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่มีทางเอาอยู่
และสุดท้ายมวลชนที่ต่อต้านรัฐบาล ก็จะต้องผนวกเป็นหนึ่งเดียวอย่างไม่มีเงื่อนไข
ไฟในการขับไล่รัฐบาลถูกจุดติดแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม ที่สนามม้านางเลิ้ง และถึงตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณจะสั่งใครมาดับก็คงดับไม่ได้
ประชาชนที่ลุกขึ้นมาแสดงพลังต่อต้านรัฐบาลไม่ยอมถอยแล้ว ไม่ยอมปล่อยให้นางสาวยิ่งลักษณ์นำประเทศไปสู่หายนะ
และไม่ยอมให้ “ทักษิณ” ชักใยทำลายล้างสังคมไทย
น่าสงสารร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีที่อาสามากล่อมม็อบ เพราะการเดินทางมาพบพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ในฐานะแกนนำการจัดชุมนุม กลายเป็นการเสียเวลาเปล่า
ไวน์และห่านที่หิ้วมาเลี้ยงเสธ.อ้าย กลายเป็นการเสียเงินเปล่า
ไฟในการต่อต้านรัฐบาลถูกจุดติดแล้ว และจะถูกยกระดับไปสู่การขับไล่รัฐบาล “ปู” ต่อไป ในระยะอีกไม่นานนัก
จำนวนผู้ชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้งมีจำนวนมากมายอย่างผิดคาด แม้จะถูกกีดกั้น ถูกปิดกั้น ถูกบิดเบือน ถูกปรามาส ถูกใส่ร้ายไปเสีย และถูกทำลายความน่าเชื่อถือ โดยส่งร.ต.อ.เฉลิมมาชนแก้วไวน์กับเสธ.อ้าย
แต่มวลชนที่ไม่ชอบหน้ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก็ไม่ย่อท้อ และยืนหยัดที่จะแสดงเจตนารมณ์ให้ว่า ประชาชนจำนวนไม่น้อยทนรัฐบาล “ปู” ไม่ไหวแล้ว และพร้อมที่จะลุกฮือขึ้นมาขับไล่
แกนนำคนเสื้อแดงหลายคนเริ่มอยู่ไม่ติดแล้ว บางคนสติแตกเสนอให้ปิดสนามม้านางเลิ้ง บางคนประกาศจะระดมคนเสื้อแดงมาชนกับประชาชน เพื่อปกป้องรัฐบาล “ปู”
แกนนำคนเสื้อแดง จะต้องปกป้องอุ้มรัฐบาล “ปู” อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู เพราะถ้าเป็นอะไรไป แกนนำคนเสื้อแดงก็จะไม่มีที่ยืน หมดโอกาสในการกอบโกยหรือหมดตำแหน่งทางการเมือง
แกนนำคนเสื้อแดงจะต้องพยายามปลุกมวลชนคนเสื้อแดงมาเผชิญหน้าแน่ ต้องใช้มวลชนคนเสื้อแดงมาตายแทน เพื่อที่ตัวเองจะได้เสพสุขเหมือนที่ผ่านมา
แต่จะมีมวลชนคนเสื้อแดงอีกเท่าไหร่ที่ยอมให้พรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดงใช้ศพมวลชนเป็นที่เหยียบย่ำ หรือถึงปลุกระดมมวลชนคนเสื้อแดงได้ แต่ก็คงไม่สามารถขวางการลุกฮือของประชาชนได้ โดยเฉพาะเมื่อไฟแห่งการขับไล่รัฐบาล “ปู” ถูกจุดขึ้นมาติดแล้ว
การที่คนจำนวน 3-4 หมื่นคนมารวมตัวกันได้ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ข่าวสารก็ถูกปิดกั้น และไม่มีงบจัดซื้อจัดจ้างเหมือนการระดมคนเสื้อแดง
พลังประชาชนที่ร่วมชุมนุมที่สนามม้า ถือเป็นพลังบริสุทธิ์ แต่มีความเข้มแข็ง และเข้มข้นในการประกาศจุดยืน
ประกาศให้รู้ว่า การชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้ง เป็นการชุมนุมของประชาชนที่ไม่เอารัฐบาล “ปู” และไม่ใช่คนเพียง 3-4 หมื่นคนที่ออกมาเคลื่อนไหวเท่านั้น แต่ยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่รอคอยเวลา รอฟังเสียงนกหวีด เพื่อเรียกชุมนุมใหญ่ไล่รัฐบาลอยู่
การปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบางยิ่งลักษณ์ดีขึ้น ไม่ได้ลดกระแสความไม่พอใจของประชาชนแต่อย่างใด
เพราะรัฐมนตรีคนใหม่ที่เข้ามา นอกจากมองไม่เห็นว่า ใครมีความรู้ความสามารถแล้ว ยังหาคนดีไม่เจออีกด้วย
หน้าตาของ ครม.ชุดใหม่ คงไม่ช่วยต่อดวงชะตาให้รัฐบาล “ปู” เท่าไหร่นัก เพราะประชาชนเริ่มหมดความอดกลั้นการบริหารประเทศที่ล้มเหลว
เหลืออดกับการทุจริตคอร์รัปชัน ทนเห็นขบวนการทำลายล้างสถาบันอย่างโจ๋งครึ่มต่อไปไม่ไหว จึงชูธงรบกับรัฐบาล
เสธ.อ้าย แม้จะเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่เป็นระยะ และแม้จะไม่ใช่แกนนำมวลชนระดับแม่เหล็ก แต่ก็สามารถปลุกคนร่วมครึ่งแสนมาชุมนุมได้ ซึ่งนัดต่อไป จะมีคนมาร่วมอย่างคับคั่งถึงขั้นมืดฟ้ามัวดินก็ได้
ประชาชนที่แห่มาชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้ง จะถือเป็นความสำเร็จของเสธ.อ้ายก็คงได้ แต่เป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวของรัฐบาล “ปู”
แผนการสถาปนอำนาจของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อครอบงำประเทศไทยอย่างเบ็ดเสร็จ เริ่มเห็นสัญญาณของการล่มสลายแล้ว พร้อมกับอายุไขของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ที่ถูกกระชับห้วงเวลาเข้ามา
องค์การพิทักษ์สยามและกลุ่มภาคประชาชน อีกนับสิบเครือข่ายที่ร่วมกันจัดชุมนุมใหญ่ อาจมีพลังไม่เพียงพอที่จะขับไล่รัฐบาลได้
แต่ไม่ได้มีเครือข่ายภาคประชาชนกลุ่มเสธ.อ้ายเท่านั้นที่ทนดูรัฐบาล “ปู” ทำลายประเทศให้ย่อยยับคามือไม่ได้ ยังมีประชาชนกลุ่มต่างๆ อีกจำนวนมากที่พร้อมจะผนึกกำลังกับกลุ่มเสธ.อ้ายในช่วงเวลาที่เหมาะสม
เสธ.อ้ายอาจเป็นเพียงทัพหน้าที่ออกศึกไปก่อน ส่วนทัพใหญ่ ทัพหลวงเตรียมพร้อมอยู่ ถ้ากลุ่มมวลชนที่ต่อต้านรัฐบาลผนวกเป็นหนึ่งเดียววันใด รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่มีทางเอาอยู่
และสุดท้ายมวลชนที่ต่อต้านรัฐบาล ก็จะต้องผนวกเป็นหนึ่งเดียวอย่างไม่มีเงื่อนไข
ไฟในการขับไล่รัฐบาลถูกจุดติดแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม ที่สนามม้านางเลิ้ง และถึงตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณจะสั่งใครมาดับก็คงดับไม่ได้
ประชาชนที่ลุกขึ้นมาแสดงพลังต่อต้านรัฐบาลไม่ยอมถอยแล้ว ไม่ยอมปล่อยให้นางสาวยิ่งลักษณ์นำประเทศไปสู่หายนะ
และไม่ยอมให้ “ทักษิณ” ชักใยทำลายล้างสังคมไทย
