การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม นำโดยพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ปิดฉากลงภายในเวลารวดเร็วยังไม่ทันข้ามคืน โดยกระแสที่ตามมาคือ ประชาชนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลนางสาวยิ่งลัษณ์ ชินวัตร พ่ายแพ้ยับเยิน
ความพยายามของประชาชนในการขับไล่รัฐบาลชุดนี้อาจถูกประเมินว่า เป็นความสูญเปล่าซึ่งคงไม่ผิดนัก แต่ก็ไม่ถูกไปเสียทั้งหมด
เพราะม็อบเสธ.อ้าย ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลยทีเดียว อย่างน้อยประชาชนทั้งประเทศก็ได้เห็นปรากฏการณ์ 2 ด้านที่ตรงข้ามกัน
ปรากฏการณ์ระหว่างความดีกับความชั่ว ปรากฏการณ์ระหว่างคนเลวกับคนที่มีความเสียสละ ปรากฏการณ์ระหว่างกลุ่มคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและพร้อมจะทำลายชาติกับกลุ่มคนที่มีความห่วงใยอนาคตของประเทศ และปรากฏการณ์ระหว่างความป่าเถื่อนอำมหิตกับสันติวิธี
การเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ และเป็นการชุมนุมด้วยมือเปล่าภายใต้กฎหมาย
แต่กลับถูกรัฐบาลใช้อำนาจปิดกั้น ตอบโต้ ทำลายล้างในทุกรูปแบบ และเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตของกฎหมายโดยไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่ยึดกฎเกณฑ์กติกาใดๆ
เสธ.อ้ายตัดสินใจถูกแล้วที่ประกาศยุติการชุมนุม เพราะปักหลักอยู่ต่อไป ก็ไม่มีโอกาสชนะ นอกจากจะทำให้มวลชนต้องบอบช้ำหนักขึ้น
รัฐบาลยิ่งลักษณ์แสดงตัวชัดว่า พร้อมใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนทุกกลุ่มที่ลุกขึ้นมาต่อต้าน พร้อมทำลายล้างใครก็ตามที่ขัดขวางอำนาจของตระกูล “ชินวัตร”
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลายเป็นเครื่องจักรสังหารของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเป็นเครื่องจักรที่ทำงานเต็มตัวด้วยความเต็มอกเต็มใจรับใช้อย่างยิ่ง ดุจขี้ข้าที่จงรักภักดี
รูปแบบการสกัดกั้น คุกคามข่มขู่ การโฆษณาชวนเชื่อ ป้ายสีบิดเบือน และการใช้ความรุนแรงปราบปรามทำร้ายประชาชนที่ร่วมชุมนุมในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยแล้ว ภายใต้ผลประโยชน์ร่วมกัน
ตำรวจทำหน้าที่เป็นขี้ข้าเพื่อปกป้องรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ตำรวจประกาศตัวเป็นศัตรูกับประชาชนที่ต่อต้านพ.ต.ท.ทักษิณ และพร้อมจะทำลายล้าง ไม่ว่าคนแก่คนเฒ่า สตรีเด็กหรือคนชรา แม้แต่สมณเพศก็ไม่เว้น นายทหารระดับพลเอกก็ไม่อยู่ในสายตา
ส่วนรัฐบาลทำหน้าที่เป็นเจ้านาย คอยปกป้องตำรวจ ประเคนตำแหน่งใหญ่โตให้ สำหรับตำรวจที่กล้าประจานตัวเองว่า เป็นทาสที่ซื่อสัตย์ ยอมก้มหัวรับใช้
ตำรวจจะเปิดบ่อนทำธุรกิจมืด ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จะทำร้ายประชาชนอย่างไรไม่ต้องห่วง เพราะรัฐบาลปกป้องแก้ตัวแก้ต่างให้
ขอเพียงให้ตำรวจยอมเป็นขี้ข้ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก็พอ
รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ยึดกฎหมายแล้ว แต่กำลังใช้อำนาจเถื่อนปราบปรามประชาชน เพื่อให้ตัวเองดำรงอยู่ในอำนาจ
การใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนที่ร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสธ.อ้าย รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ปกป้องตำรวจอย่างเต็มที่ แก้ตัวแก้ต่างแทน บิดเบือนข้อเท็จจริงให้หมด
ผลงานการปราบปรามม็อบเสธ.อ้าย ทำให้ตำรวจเกิดความฮึกเหิม รู้สึกว่ากลายเป็นขี้ข้าที่ดี และกำลังรู้สึกว่าใหญ่คับประเทศ แสดงความกร่างอย่างไรก็ได้ แม้กองทัพที่ตำรวจเคยหงอมาตลอด แต่วันนี้ถึงเป็นทหารระดับนายพลหรือต่อให้เป็น ผบ.ทบ. และจะเป็น จปร.รุ่นไหน ก็ไม่อยู่ในสายตาตำรวจแล้ว
นับประสาอะไรกับประชาชนคนทั่วไป ตำรวจจะไม่ใช้ความอำมหิต
การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ครั้งต่อไป ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน ไม่ว่าใครเป็นผู้นำ ทุกคนประเมินสถานการณ์ได้ล่วงหน้าว่า จะต้องเจอกับอะไร ต้องเจอกับการใช้อำนาจป่าเถื่อนและอำมหิตขนาดไหน
อย่าหวังการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ตามขอบเขตของกฎหมายภายใต้ระบอบประชาธิปไตย เพราะรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ฉีกกฎหมาย ละเมิดรัฐธรรมนูญ ทำลายระบอบประชาธิปไตยแล้ว
อำนาจป่าเถื่อนจะถูกนำมาใช้เพื่อปราบปรามทุกม็อบที่ต่อต้าน ซึ่งม็อบเสธ.อ้ายก็เป็นหลักฐานสดๆ ร้อนๆ ยืนยัน
ปรากฏการณ์ความเลว ความรุนแรง ความป่าเถื่อน การบิดเบือน การใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรม การละเมิดกฎหมาย ฉีกรัฐธรรมนูญและรูปแบบการใช้อำนาจเผด็จการถูกสะท้อนจากม็อบเสธ.อ้าย
แต่ปรากฏการณ์ของความดีงาม ความเสียสละ อุดมการณ์อันบริสุทธิ์ ความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวก็ถูกสะท้อนออกมาเหมือนกัน จากประชาชนทั่วประเทศที่หลั่งไหลมาร่วมม็อบเสธ.อ้าย
แม้จะถูกสกัดกั้น คุกคามข่มขู่ แม้ถูกทำร้าย ถูกยัดเยียดข้อหาอย่างไร้ความเป็นธรรม แต่ประชาชนนับหมื่นนับแสนๆ คนก็ไม่ย่อท้อ ไม่ถอดใจ ไม่กลัวตาย และยืนหยัดที่จะประกาศเจตนารมณ์ว่า
ประชาชนทนรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อีกต่อไปไม่ได้ และลุกฮือขึ้นมาขับไล่ ไม่ว่าจะเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอย่างไร เพราะขนาดเสธ.อ้ายประกาศยุติการชุมนุม ประชาชนผู้ร่วมชุมนุมส่วนใหญ่ก็ยังแสดงเจตนาที่จะสู้ต่อ ทั้งที่รู้ว่ารัฐบาลจะใช้ความป่าเถื่อนปราบก็ตาม
ประชาชนอีกเรือนแสนเรือนล้านรู้ว่า ถ้าปล่อยให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อยู่ต่อไป สังคมไทยพินาศแน่ และประชาชนเหล่านี้ก็ไม่ได้หนีไปไหน
ม็อบเสธ.อ้ายปิดฉากลงแล้ว และแม้จะพ่ายแพ้ความอำมหิตของรัฐบาลอย่างราบคาบ แต่ไม่ได้หมายความว่า ม็อบขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะหมดไป ไม่ได้หมายความว่าม็อบประชาชนจะท้อแท้ หรือหวั่นไหวกับโจรในเครื่อแบบสีกากี
ประชาชนที่ทนเห็นประเทศกำลังจะพังยับคามือนางสาวยิ่งลักษณ์ยังอยู่ และรอลุกฮือขึ้นมาขับไล่อีกครั้งในเวลาที่เหมาะสม เมื่อสถานการณ์สุกงอมเต็มที่
และเมื่อรู้แล้วว่า รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อำมหิตขนาดไหน ม็อบประชาชนครั้งต่อไป เชื่อว่าทุกคนเตรียมใจต่อสู้ขั้นแตกหักแน่
ไม่ยอมนิ่งดูดาย ไม่ปล่อยให้แผ่นดินนี้ถูกตระกูล “ชินวัตร” เหยียบย่ำ
ความพยายามของประชาชนในการขับไล่รัฐบาลชุดนี้อาจถูกประเมินว่า เป็นความสูญเปล่าซึ่งคงไม่ผิดนัก แต่ก็ไม่ถูกไปเสียทั้งหมด
เพราะม็อบเสธ.อ้าย ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลยทีเดียว อย่างน้อยประชาชนทั้งประเทศก็ได้เห็นปรากฏการณ์ 2 ด้านที่ตรงข้ามกัน
ปรากฏการณ์ระหว่างความดีกับความชั่ว ปรากฏการณ์ระหว่างคนเลวกับคนที่มีความเสียสละ ปรากฏการณ์ระหว่างกลุ่มคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและพร้อมจะทำลายชาติกับกลุ่มคนที่มีความห่วงใยอนาคตของประเทศ และปรากฏการณ์ระหว่างความป่าเถื่อนอำมหิตกับสันติวิธี
การเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ และเป็นการชุมนุมด้วยมือเปล่าภายใต้กฎหมาย
แต่กลับถูกรัฐบาลใช้อำนาจปิดกั้น ตอบโต้ ทำลายล้างในทุกรูปแบบ และเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตของกฎหมายโดยไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่ยึดกฎเกณฑ์กติกาใดๆ
เสธ.อ้ายตัดสินใจถูกแล้วที่ประกาศยุติการชุมนุม เพราะปักหลักอยู่ต่อไป ก็ไม่มีโอกาสชนะ นอกจากจะทำให้มวลชนต้องบอบช้ำหนักขึ้น
รัฐบาลยิ่งลักษณ์แสดงตัวชัดว่า พร้อมใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนทุกกลุ่มที่ลุกขึ้นมาต่อต้าน พร้อมทำลายล้างใครก็ตามที่ขัดขวางอำนาจของตระกูล “ชินวัตร”
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลายเป็นเครื่องจักรสังหารของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเป็นเครื่องจักรที่ทำงานเต็มตัวด้วยความเต็มอกเต็มใจรับใช้อย่างยิ่ง ดุจขี้ข้าที่จงรักภักดี
รูปแบบการสกัดกั้น คุกคามข่มขู่ การโฆษณาชวนเชื่อ ป้ายสีบิดเบือน และการใช้ความรุนแรงปราบปรามทำร้ายประชาชนที่ร่วมชุมนุมในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยแล้ว ภายใต้ผลประโยชน์ร่วมกัน
ตำรวจทำหน้าที่เป็นขี้ข้าเพื่อปกป้องรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ตำรวจประกาศตัวเป็นศัตรูกับประชาชนที่ต่อต้านพ.ต.ท.ทักษิณ และพร้อมจะทำลายล้าง ไม่ว่าคนแก่คนเฒ่า สตรีเด็กหรือคนชรา แม้แต่สมณเพศก็ไม่เว้น นายทหารระดับพลเอกก็ไม่อยู่ในสายตา
ส่วนรัฐบาลทำหน้าที่เป็นเจ้านาย คอยปกป้องตำรวจ ประเคนตำแหน่งใหญ่โตให้ สำหรับตำรวจที่กล้าประจานตัวเองว่า เป็นทาสที่ซื่อสัตย์ ยอมก้มหัวรับใช้
ตำรวจจะเปิดบ่อนทำธุรกิจมืด ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จะทำร้ายประชาชนอย่างไรไม่ต้องห่วง เพราะรัฐบาลปกป้องแก้ตัวแก้ต่างให้
ขอเพียงให้ตำรวจยอมเป็นขี้ข้ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก็พอ
รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ยึดกฎหมายแล้ว แต่กำลังใช้อำนาจเถื่อนปราบปรามประชาชน เพื่อให้ตัวเองดำรงอยู่ในอำนาจ
การใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนที่ร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสธ.อ้าย รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ปกป้องตำรวจอย่างเต็มที่ แก้ตัวแก้ต่างแทน บิดเบือนข้อเท็จจริงให้หมด
ผลงานการปราบปรามม็อบเสธ.อ้าย ทำให้ตำรวจเกิดความฮึกเหิม รู้สึกว่ากลายเป็นขี้ข้าที่ดี และกำลังรู้สึกว่าใหญ่คับประเทศ แสดงความกร่างอย่างไรก็ได้ แม้กองทัพที่ตำรวจเคยหงอมาตลอด แต่วันนี้ถึงเป็นทหารระดับนายพลหรือต่อให้เป็น ผบ.ทบ. และจะเป็น จปร.รุ่นไหน ก็ไม่อยู่ในสายตาตำรวจแล้ว
นับประสาอะไรกับประชาชนคนทั่วไป ตำรวจจะไม่ใช้ความอำมหิต
การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ครั้งต่อไป ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน ไม่ว่าใครเป็นผู้นำ ทุกคนประเมินสถานการณ์ได้ล่วงหน้าว่า จะต้องเจอกับอะไร ต้องเจอกับการใช้อำนาจป่าเถื่อนและอำมหิตขนาดไหน
อย่าหวังการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ตามขอบเขตของกฎหมายภายใต้ระบอบประชาธิปไตย เพราะรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ฉีกกฎหมาย ละเมิดรัฐธรรมนูญ ทำลายระบอบประชาธิปไตยแล้ว
อำนาจป่าเถื่อนจะถูกนำมาใช้เพื่อปราบปรามทุกม็อบที่ต่อต้าน ซึ่งม็อบเสธ.อ้ายก็เป็นหลักฐานสดๆ ร้อนๆ ยืนยัน
ปรากฏการณ์ความเลว ความรุนแรง ความป่าเถื่อน การบิดเบือน การใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรม การละเมิดกฎหมาย ฉีกรัฐธรรมนูญและรูปแบบการใช้อำนาจเผด็จการถูกสะท้อนจากม็อบเสธ.อ้าย
แต่ปรากฏการณ์ของความดีงาม ความเสียสละ อุดมการณ์อันบริสุทธิ์ ความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวก็ถูกสะท้อนออกมาเหมือนกัน จากประชาชนทั่วประเทศที่หลั่งไหลมาร่วมม็อบเสธ.อ้าย
แม้จะถูกสกัดกั้น คุกคามข่มขู่ แม้ถูกทำร้าย ถูกยัดเยียดข้อหาอย่างไร้ความเป็นธรรม แต่ประชาชนนับหมื่นนับแสนๆ คนก็ไม่ย่อท้อ ไม่ถอดใจ ไม่กลัวตาย และยืนหยัดที่จะประกาศเจตนารมณ์ว่า
ประชาชนทนรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อีกต่อไปไม่ได้ และลุกฮือขึ้นมาขับไล่ ไม่ว่าจะเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอย่างไร เพราะขนาดเสธ.อ้ายประกาศยุติการชุมนุม ประชาชนผู้ร่วมชุมนุมส่วนใหญ่ก็ยังแสดงเจตนาที่จะสู้ต่อ ทั้งที่รู้ว่ารัฐบาลจะใช้ความป่าเถื่อนปราบก็ตาม
ประชาชนอีกเรือนแสนเรือนล้านรู้ว่า ถ้าปล่อยให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อยู่ต่อไป สังคมไทยพินาศแน่ และประชาชนเหล่านี้ก็ไม่ได้หนีไปไหน
ม็อบเสธ.อ้ายปิดฉากลงแล้ว และแม้จะพ่ายแพ้ความอำมหิตของรัฐบาลอย่างราบคาบ แต่ไม่ได้หมายความว่า ม็อบขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะหมดไป ไม่ได้หมายความว่าม็อบประชาชนจะท้อแท้ หรือหวั่นไหวกับโจรในเครื่อแบบสีกากี
ประชาชนที่ทนเห็นประเทศกำลังจะพังยับคามือนางสาวยิ่งลักษณ์ยังอยู่ และรอลุกฮือขึ้นมาขับไล่อีกครั้งในเวลาที่เหมาะสม เมื่อสถานการณ์สุกงอมเต็มที่
และเมื่อรู้แล้วว่า รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อำมหิตขนาดไหน ม็อบประชาชนครั้งต่อไป เชื่อว่าทุกคนเตรียมใจต่อสู้ขั้นแตกหักแน่
ไม่ยอมนิ่งดูดาย ไม่ปล่อยให้แผ่นดินนี้ถูกตระกูล “ชินวัตร” เหยียบย่ำ