xs
xsm
sm
md
lg

การแช่แข็งทางการเมืองเกิดได้ยาก

เผยแพร่:   โดย: ชัยอนันต์ สมุทวณิช

​เมื่อมีการชุมนุมองค์การพิทักษ์สยามที่สนามม้านางเลิ้ง ได้ข่าวว่า “เสธ.อ้าย” หรือพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ให้ความเห็นว่าอยาก “แช่แข็ง” การเมืองไทยสัก 5 ปี คำว่า “แช่แข็ง” หรือ Freeze นี้ หมายความถึงการยุติการเมืองแบบการเลือกตั้ง โดยจะให้มีคณะบุคคลชุดหนึ่งทำการบริหารประเทศ

​การ “แช่แข็ง” นี้จะเป็นไปได้ก็จะต้องมีการรัฐประหารล้มล้างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีผลให้สภาผู้แทนราษฎรต้องสิ้นสุดลง ผมได้ยินคนพูดเรื่องนี้มานานแล้ว คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นจากการเบื่อหน่ายการเมืองปัจจุบันที่นักการเมืองเป็นผู้มีอำนาจในการปกครองประเทศ

​การที่การเมืองเป็นอย่างที่มันเป็นนี้ จะโทษใครก็ไม่ได้ ต้องโทษพวกเราเอง มีคำกล่าวว่า “ประชาชนเป็นอย่างไร การเมืองก็เป็นอย่างนั้น”

​เราลองมาดูความคับข้องใจของคนที่ไปชุมนุมประท้วงรัฐบาลกันดูบ้างว่ามีเรื่องอะไรบ้าง เวลานี้ถ้าดูทางเศรษฐกิจแล้วก็ไม่ได้ตกต่ำอะไร แต่ที่คนไม่พอใจกันมากก็เห็นจะมี 3-4 เรื่องคือ

​1. เวลานี้มีการจาบจ้วงในหลวงบ่อยมาก ตามเว็บไซต์และทางใบปลิว มีคนกล่าวหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจนถูกจับติดคุกไปก็มี เหตุการณ์นี้นับวันก็ยิ่งมีมากขึ้น และเป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการปราบปรามได้

​2. เกิดการคอร์รัปชันแบบใหม่ที่เรียกว่า “คอร์รัปชันทางนโยบาย” กล่าวคือ รัฐบาลออกนโยบายที่ก่อให้เกิดโครงการที่สามารถหาผลประโยชน์ได้ และที่สำคัญก็คือเป็นการคอร์รัปชันที่มีประชาชนเป็นผู้ได้รับประโยชน์ด้วย รัฐบาลอาศัยความชอบธรรม และการมีเสียงข้างมากในสภาออกนโยบายเหล่านี้มา เช่น การจำนำข้าว เป็นต้น

​3. แม้ทักษิณจะอยู่นอกประเทศ แต่ก็ยังมีอิทธิพลเป็นผู้ทรงอำนาจอย่างแท้จริง ในการกำหนดนโยบาย การเลือกตัวรัฐมนตรี และข้าราชการที่คุมตำแหน่งสำคัญทั้งหลาย กล่าวกันว่าต้องได้รับความเห็นชอบจากทักษิณทั้งสิ้น

​นอกจาก 3 เรื่องนี้แล้ว ก็ไม่เห็นว่ามีเรื่องอื่นใดที่คนไม่พอใจ รัฐบาลยิ่งลักษณ์เองก็พยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง อาจมีเรื่องที่คนไม่พอใจอีกเรื่องหนึ่งก็คือ การจ่ายเงินทดแทนให้กับพวกเสื้อแดงที่ตายไปในการก่อการจลาจล การที่พวกเสื้อแดงชุมนุมกัน และมีท่าทีไม่เกรงกลัวกฎหมายนั้น ก็เป็นเหตุให้ประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งไม่พอใจเช่นกัน

​เหตุที่มีการพูดเรื่อง “การแช่แข็งทางการเมือง” นี้ น่าจะเกิดจากการท้อแท้ของผู้ต่อต้านทักษิณด้วย เพราะเห็นว่าโอกาสที่จะล้มทักษิณด้วยวิถีทางของระบอบประชาธิปไตยนั้นคงลำบาก เพราะเวลานี้ นอกจากจะมีการซื้อเสียงแล้ว นับวันนโยบายประชานิยมก็ยิ่งทำให้พรรคเพื่อไทยกล้าแข็งขึ้นเป็นลำดับ พรรคประชาธิปัตย์เริ่มถดถอยลง เพราะขณะที่เป็นรัฐบาลก็ไม่ได้ทำอะไรที่ประทับใจคนมากนัก

​ผลที่จะเกิดจาก “การแช่งแข็ง” จะเป็นอย่างไร แม้จะไม่มีคนพูด ก็อาจคาดเดาได้ว่าจะต้องมีการกวาดล้างอิทธิพลของพรรคพวกทักษิณอย่างแน่นอน และพวกเสื้อแดงคงจะลำบาก เมื่อเป็นเช่นนี้ไหนเลยพวกเสื้อแดงจะยอม สถานการณ์รัฐประหารจะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อมีประชาชนจำนวนมากลุกฮือขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลก่อน เพราะฝ่ายทหารคงไม่กล้าเริ่มก่อน ดังนั้น หากประชาชนลุกฮือขึ้น พวกเสื้อแดงก็ต้องออกมาอย่างแน่นอน เป็นเหตุให้เกิดความรุนแรงในหมู่ประชาชนด้วยกัน ดังนั้น จึงคาดเดาได้ว่าการนองเลือด และการฆ่ากันเองระหว่างประชาชนก็จะมีขึ้น ถามว่า แล้วใครจะเป็นฝ่ายได้ผลประโยชน์ คำตอบก็คือไม่มี ประเทศไทยก็จะถอยหลังไปอีก

​ผู้ซึ่งต้องการการเปลี่ยนแปลง แม้จะมีจำนวนน้อยแต่ก็เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา หลายคนก็เป็นนักเคลื่อนไหวมานานแล้ว ผู้ต่อต้านรัฐบาลชุดนี้มาจากหลายส่วนของสังคม แต่มีจุดร่วมกันคือ การต่อต้านทักษิณ

​ตราบใดที่ไม่มีการตกต่ำทางเศรษฐกิจ และไม่มีเหตุการณ์ที่รัฐบาลกดขี่ประชาชน ก็จะไม่มีการออกมาต่อต้านอย่างมาก กรณีเดียวที่จะมีคนออกมาเป็นแสนๆ คนก็คือ การที่ทักษิณกลับมาประเทศไทย ทักษิณเองก็รู้ดี และคงจะเห็นว่าเวลานี้บงการอยู่นอกประเทศก็ดีแล้ว และคงเกิดความเคยชินในการอยู่นอกประเทศ ดังนั้น ความหวังที่จะให้ประชาชนออกมามากๆ คงไม่มี

​นานๆ เข้าคนก็จะชาชินกับการมีรัฐบาลแบบนี้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็จะมีเสถียรภาพมากขึ้น ทุกคนคงต้องทำใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น