ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ประธานสภาอุตสาหกรรมขอนแก่นไม่ห่วงการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม 24 พ.ย.นี้ มั่นใจชุมนุมโดยสงบ สันติ ระบุไม่ให้ค่าคำพูดประธาน นปช.ที่เห็นกลุ่มอื่นเคลื่อนไหวไม่ได้ ย้ำรัฐบาลยิ่งลักษณ์ควรฟังความเห็นที่แตกต่าง ชี้หลายนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งประเทศ จี้รัฐควรพิจารณาแก้ไข
กรณีที่กลุ่มองค์การพิทักษ์สยามนำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ นัดชุมนุมวันที่ 24 พ.ย.นี้ ท่าทีรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กังวลต่อการเคลื่อนไหวดังกล่าว ทั้งมีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ออกมาชุมนุมคัดค้านไม่เห็นด้วย ขณะที่จังหวัดขอนแก่นเองมีท่าทีให้การสนับสนุน พร้อมขึ้นป้ายสนับสนุนรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ระบุว่าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ขณะที่ท่าทีของภาคเอกชนต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันนั้น นายวิฑูรย์ กมลนฤเมธ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า รัฐบาลควรพิจารณาตัวเองว่าทำไมจึงมีประชาชนอยากมาชุมนุมขับไล่รัฐบาล ควรพิจารณาข้อเรียกร้อง ปมปัญหาต่างๆ แล้วนำไปแก้ไขให้ถูกจุด ซึ่งภาคเอกชนไม่กังวลใจในการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามของ เสธ.อ้าย เพราะมองว่าเป็นการชุมนุมที่มีเหตุผล เป็นไปอย่างสงบ สันติ ไม่มีอาวุธ และความรุนแรง
กรณีที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช.เคยปราศรัยหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น และออกมาถามหานักธุรกิจเอกชนว่าไม่เคลื่อนไหวต่อต้านม็อบ เสธ.อ้ายนั้น ทำไมไม่ย้อนมองว่า นปช.เองมีการชุมนุมและเกิดเหตุรุนแรงหลายครั้ง แต่กลับกันเมื่อเป็นกลุ่มอื่นชุมนุมนางธิดาก็ออกมาต่อต้านและตำหนิ จึงเห็นว่าคำพูดนางธิดาเป็นแค่เรื่องไร้สาระเท่านั้น
“ส่วนการที่จังหวัดขอนแก่นขึ้นป้ายสนับสนุนรัฐบาลหลายจุด ทั้งมีข้อความสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนั้น ตนในฐานะประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่นมั่นใจว่านักธุรกิจและภาคเอกชนทุกคนสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อได้รับการเลือกตั้งไปแล้วรัฐบาลจะไปทำอย่างไรกับประเทศชาติก็ได้” นายวิฑูรย์กล่าว และว่า
หลายปัญหาเกิดจากนโยบายประชานิยมมุ่งหวังคะแนนเสียง แต่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อคนทั้งประเทศ รัฐบาลควรยอมรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนและหันมาระดมความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงแก้ไขให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนโยบายรับจำนำข้าว นโยบายค่าแรง 300 บาท ตลอดจนการหยุดช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี
การชุมนุมของม็อบ เสธ.อ้าย เป็นการชุมนุมของภาคประชาชนที่ต้องการเห็นความถูกต้องจากรัฐบาล ไม่ใช่ม็อบที่มุ่งใช้ความรุนแรง รัฐบาลไม่ควรสกัดกั้น หรือปล่อยให้มีบุคคลที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์ให้เกิดการบานปลาย แต่ควรหันกลับไปพิจารณาในสิ่งที่ประชาชนสะท้อนออกมาแล้วแก้ไขปรับปรุงให้ถูกต้อง
