xs
xsm
sm
md
lg

ยื่นศาลรธน.ตีความ คุณสมบัติ”วราเทพ-เต้น” จำคุกแดงแก๊ง”ขวัญชัย”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ส.ว. "ซัด"ปู" ตั้ง รมต.สันหลังหวะ “มาร์ค”สั่งทีมกฎหมายพิจารณายื่นศาลรธน.ตีความ ขณะที่ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 3 เสื้อแดง 1 ปี 8 เดือน คดีรุมทำร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ ที่หนองประจักษ์ปี 51

ในการประชุมวุฒิสภาเมื่อวานนี้ (30ต.ค.) มี นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา ได้หารือว่า ขอฝากถามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงการปรับครม. จำนวน 24 ตำแหน่งว่า มีอะไรบ้างที่โยงใยถึงผลประโยชน์ของประชาชน และมีอย่างน้อย 2 ตำแหน่ง ที่มีปัญหา ตำแหน่งที่ 1 คือนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี รอลงอาญา จากคดีหวยออนไลน์ และ ตำแหน่งที่ 2 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินชี้ว่า มีปัญหาจริยธรรม ก็โยกจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปอยู่กระทรวงพาณิชย์

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี จะปรับกี่ตำแหน่ง จะเวียนกี่สิบคน กี่ร้อยคนก็ตาม แต่ยังเดินตามแนวทางเก่า ซึ่งไม่มีคุณภาพ แค่ใหม่ในเชิงเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้รัฐบาลยังดันเรื่อง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งหวังผลประโยชน์ให้คนๆ เดียว ซึ่งยังหนีคดีอาญาอีก 6 คดี ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่มีการแก้ไขปรับปรุง ก็ยังจะเป็นปัญหาหนักต่อไปในอนาคต

นายสุพจน์ เลียดประถม ส.ว.ตราด กล่าวว่า การปรับ ครม. ที่ผ่านมา ถ้าเป็นต่างประเทศ การปรับมากมายเช่นนี้ ต้องเปลี่ยนแปลงหลักนโยบายในการบริหารประเทศอย่างมหาศาลแล้ว แต่ในทางการเมืองไทย ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ กลับเป็นสมบัติผลัดกันชม ถ้ายังจำกันได้ รัฐบาลชุดนี้มีการปรับครม.ถึง 3 ครั้ง ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลมองการปรับครม.เรื่องงาน และประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่ปล่อยให้งานขาดความต่อเนื่องโดยเฉพาะตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ เปลี่ยนมาทั้งสิ้น 3 คนแล้ว ทั้งที่เมื่อครั้งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก็มุ่งเน้นการศึกษาเป็นเรื่องหลัก ใช้งบประมาณถึง 4.6 แสนล้านบาท ในปี 2556 แต่ในทางปฏิบัติ กลับเปลี่ยนรัฐมนตรีที่ดูแลกำกับกระทรวงนี้ตลอดเวลา ความต่อเนื่องของงานอยู่ที่ไหน เพราะฉะนั้น เรื่องสำคัญๆ ของประเทศชาติที่ยังเป็นปัญหา พื้นฐานมาจากการศึกษา จึงอยากให้มีการปรับครม.เลือกบุคคลเข้ากับงาน ไม่ใช่ผลประโยชน์ต่างตอบแทน

**เตรียมยื่นตีความ “วราเทพ”

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อาจเข้าข่ายขาดคุณสมบัติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 174(5) เนื่องจากถูกตัดสินจำคุก 2 ปี รอลงอาญา 2 ปี ว่า มีประเด็นที่น่าคิด เพราะถ้าดูตามตัวอักษร จะมีปัญหาที่ต้องตีความว่า คำว่า โดยได้พ้นโทษมาไม่ถึง 5 ปี จะใช้อย่างไรกับกรณีที่มีการรอลงอาญา แต่ถ้าตีความว่ากรณีการรอลงอาญา ไม่เข้าตามเงื่อนไขนี้ จะเกิดสถานการณ์ที่แปลกอยู่อย่างหนึ่งว่า ถ้าท่านใดเป็น รมต.อยู่ ถูกตัดสินแบบนายวราเทพ ก็จะพ้นจากตำแหน่ง แต่เมื่อพ้นเสร็จก็ตั้งกลับไปได้เลยทันที เพราะบทบัญญัติเขียนไม่ตรงกันในส่วนของ ส.ส.กับรัฐมนตรี แต่ในความรู้สึกของคนทั่วไปคุณสมบัติของรัฐมนตรี ควรต้องเข้มกว่า ส.ส. ซึ่งปัญหามีอยู่ว่าหากเกิดกรณีอย่างนี้ ต้องพ้นตำแหน่งก็ตั้งกลับเข้ามาได้ทันที ก็จะดูแปลกมาก ซึ่งในขณะนี้ฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาอยู่

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องตรวจสอบว่า ตอนที่กรองประวัติ นายวราเทพ ได้กรอกลงไปด้วยหรือไม่ว่า ตัวเองถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ในคดีหวยบนดิน เลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว ในสมัยเป็น รมช.คลัง ซึ่งหากนายวราเทพ ได้กรอกเรื่องนี้ลงไปในประวัติที่เสนอให้นายกรัฐมนตรีด้วย ก็จะถือว่าตัวนายกรัฐมนตรีเองที่จะต้องรับโทษ เพราะยังแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่รู้ว่าขาดคุณสมบัติ และนำขึ้นทูลเกล้าฯอีก แต่หากนายวราเทพ ไม่ได้กรอกเรื่องดังกล่าวลงในประวัติ ก็ถือว่ามีความผิดฐานแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จต่อนายกรัฐมนตรี และขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 174 (5)

"ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กำลังหารือกัน เพื่อหาแนวทางดำเนินการเรื่องดังกล่าว แต่ส่วนตัวคิดว่าหากนายวราเทพ ไม่ลาออก อาจจะใช้ช่องทางตาม มาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญ โดยการให้ ส.ส.และส.ว.จำนวน 1 ใน10 ยื่นเรื่องต่อประธานรัฐสภา เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี “นายวิรัตน์ กล่าว

**"บรรเจิด"ชี้รธน.กำกวม

นายบรรเจิด สิงคะเนติ คณบดีคณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวถึงการขาดคุณสมบัติรัฐมนตรีของนายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 174 (5) ที่บัญญัติว่า รัฐมนตรีไม่เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงห้าปีก่อนได้รับแต่งตั้ง ว่า ขึ้นอยู่กับการตีความว่าจะตีความว่าอย่างไร

โดยแบ่งออกเป็น 2 ประการ ประการแรก คือ ตีความว่าถูกจำคุกจริง ก็นับไปอีก 5 ปี ง่ายๆ ไม่มีปัญหา หรือประการสอง คือ ตีความว่า ไม่ได้ถูกจำคุกจริง แค่รอให้ลงอาญา 2 ปี ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ ก็ตีความได้ว่าในเมื่อ 2 ปีไม่ได้ทำอะไรเลย ก็จบ

ทั้งนี้ เชื่อว่าทางรัฐบาลต้องคิดว่า นายวราเทพไม่ได้ถูกจำคุกจริง ดังนั้นเวลาพ้นโทษ ตามมาตรา 174 (5) จึงไม่มี เพราะไม่ได้จำคุก แต่แค่ให้รอลงอาญาเท่านั้น แต่ก็มีอีกประเด็นที่น่าคิด คือ จากรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 ว่าด้วยเรื่องความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ซึ่งใน (3) ของมาตราดังกล่าว ระบุว่า รัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งเมื่อต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่เป็นกรณีที่คดียังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท

**ชี้ไม่ติดคุกจริง ไม่ขาดคุณสมบัติ

นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีการตีความขาดคุณสมบัติของ นายวราเทพ รัตนากร ที่โดนโทษจำคุก 2ปี แต่ให้รอลงอาญา ในคดีหวยบนดินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ปี 2552 ว่า ไม่น่าจะขาดคุณสมบัติการเข้าสู่เป็นรัฐมนตรีตามต้องห้ามในรัฐธรรมนูญมาตรา 174 (5) ที่ระบุว่า“จะต้องไม่เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก โดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี ก่อนได้รับแต่งตั้ง”

เนื่องจากถ้าดูในมาตรา 102 (4) กำหนดไว้ว่า การจำคุก ศาลจะต้องมีคำพิพากษาให้จำคุก และถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล ดังเช่น กรณีอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดของพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ แต่สำหรับนายวราเทพ ไม่เคยต้องถูกคุมขังตามความหมายของรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด
ดังนั้น ในกรณีนี้ควรพิจารณาควบคู่กันไปทั้งมาตรา 174 (5) และ 102 (4) จะตีความเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ได้ และถึงแม้จะมีมาตรา 182 (3) ระบุชัดว่า “ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว เมื่อต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุดหรือรอการลงโทษ” แต่บทบัญญัตินี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเป็นการกระทำความผิดของบุคคลที่อยู่ในระหว่างการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเท่านั้นถึงจะสามารถบังคับใช้ได้

**ศาลรธน.เคยตีความแล้ว

นายสมฤทธิ์ ไชยวงค์ โฆษกสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีนายวราเทพ ว่า กรณีในลักษณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยแล้ว ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยกลางที่ 36 /2542 เรื่องที่ประธานสภาผู้แทนราษฏรขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะภาพของการเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 216 (4) ซึ่งเป็นกรณีที่นายเนวิน ชิดชอบ เคยถูกศาลจังหวัดบุรีรัมย์ พิพากษาให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน แต่ให้รอลงอาญา 1 ปี ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในขณะนั้น ได้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญฉบับ ปี 2540 มาตรา 216 (4) ที่ระบุว่า ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว เมื่อต้องคำพิพากษาให้จำคุก

ดังนั้นคำพิพากษาให้จำคุกนั้น ซึ่งต้องมีการจำคุกจริง ดังนั้นการรอลงโทษ จึงไม่ใช่เป็นการต้องคำพิพากษาให้จำคุก กรณีของนายเนวิน จึงไม่ถือว่า ต้องคำพิพากษาให้จำคุก ตามความหมายของรัฐธรรมนูญ ปี 2540 มาตรา 216 (4) ดังนั้น ความเป็นรัฐมนตรีของนายเนวิน จึงยังไม่สิ้นสุดลง
"คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีของนายเนวิน เป็นการตีความตามรัฐธรรมนูญ ปี 2540 และเป็นการตีความขององค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดเก่า สมัยที่นายเชาวน์ สายเชื้อ เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อเทียบเคียงรัฐธรรมนูญปี 2540 มาตรา 216 (4) กับ รัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 174 (4) ก็ได้บัญญัติในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน โดยกรณีของนายวราเทพ ที่ถูกคำพิพากษาศาลให้จำคุก แต่รอลงอาญานั้น ยังไม่ถูกจำคุกจริง ” นายสมฤทธิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวยังไม่ได้มีการยื่นเรื่องเข้ามาให้ศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย ซึ่งหากมีข้อร้องเรียนเข้ามา ก็ขึ้นอยู่กับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาวินิจฉัย ส่วนจะนำกรณีคำวินิจฉัยของนายเนวิน ขึ้นมาเป็นบรรทัดฐานหรือไม่ ก็ขึ้นกับดุลยพินิจตุลาการที่จะพิจารณา

**"ปู"มึน อ้างตรวจสอบตามขั้นตอน

ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายวราเทพว่า เบื้องต้นได้ส่งตรวจสอบแล้ว อันนี้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางเข้ามาปฏิบัติงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า ตามปกติ เพื่อรอการนำครม.ใหม่ เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตน ก่อนเข้าทำงาน แต่ยังไม่มีการประสานมาว่า จะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนได้เมื่อไร

** "ตู่"เคลียร์"ปู" ยอมอยู่กับม็อบ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยก่อนเข้าประชุมเลือกหัวหน้า และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ ว่า ในการประชุมครั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องมีการชี้แจงต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงเรื่องการไม่มีชื่อปรากฏในการปรับครม. เนื่องจากวานนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แสดงไมตรีจิตแล้วชัดเจน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะไม่รับตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย

นายจตุพร ยังกล่าวถึงกระบวนการจ้องล้มรัฐบาลว่า ไม่แตกต่างจากเมื่อครั้งรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ใช้เวลาเพียงเดือนเศษในการปิดเกมเร็ว ขณะนี้มีการข่าวแจ้งมาตลอดเพราะตนอยู่ในซีกฝ่ายความเคลื่อนไหว และยังเคยมีเพื่อนพ้องในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ดังนั้นรับรู้กระบวนการทั้งหมด จึงได้เตือนมาตลอดว่า อย่าประมาทม็อบที่สนามม้างนางเลิ้ง

**"ประชา"ไม่หวั่นแรงกระเพื่อมเสื้อแดง

นายประชา ประสพดี ว่าที่ รมช.มหาดไทย กล่าวเมื่อถูกถามว่ามองอย่างไรในกรณีที่ว่าได้เบียดโควต้าของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง เข้ามาเป็นรัฐมนตรี นายประชา กล่าวว่า ต้องเข้าใจก่อนว่า ส.ส.ในพรรคทุกคน ผ่านกระบวนการลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งต้องผ่านมาคัดกรองจากภายในพรรคก่อน ว่าเขาเป็นคนที่ได้รับการคัดเลือก อย่างไรก็ตามการเลือกตัวรัฐมนตรี เป็นอำนาจการตัดสินใจของนายกฯ

เมื่อถามว่ายืนยันใช่หรือไม่ว่า จะไม่เกิดแรงกระเพื่อมระหว่างรัฐบาลกับคนเสื้อแดง นายประชา กล่าวว่า ในการเลือกคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ไม่ได้เลือกจากองค์ประกอบเดียว ซึ่งต้องมีองค์หลายประกอบอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น วิชาการ และด้านอื่นๆด้วย ยืนยันเรื่องดังกล่าวจะไม่มีปัญหา
**ศาลฯสั่งจำคุก3แดง 1 ปี 8 เดือน

วานนี้ (30 ต.ค.) เวลา 09.00 น.ที่ศาลจังหวัดอุดรธานี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ในคดีดำที่ อ.684/52 และคดีแดงเลขที่ 1737/53 ซึ่งเป็นคดีก่อความไม่สงบที่บริเวณสวนสาธารณหนองประจักษ์ กรณีกลุ่มคนเสื้อแดงในนามชมรมคนรักอุดรบุกทำร้ายและเกิดการปะทะกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2551 จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน

คดีนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอุดรธานีเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 32 คนทั้งฝ่ายเสื้อแดงและเสื้อเหลืองในข้อกล่าวหาไม่เชื่อฟังคำสั่งเจ้าพนักงาน ชุมนุมขัดรัฐธรรมนูญ และทะเลาะวิวาท โดยศาลได้ใช้เวลาอ่านคำพิพากษานานกว่า 2 ชั่วโมง

ทั้งนี้ ศาลได้ตัดสินพิพากษาจำคุก 3 คนคือนางกุหลาบ ยศอ่อน หรือ ดีเจหงส์ทอง ศาลตัดสินจำคุก 1 ปี 8 เดือน ส่วนนายแพง ละดาดาษ กับนายเจริญ ลำเนานาน จำคุก 8 เดือน เพราะก่อนหน้าที่ไม่มาขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาล ทั้งนี้ ศาลได้ยกฟ้องจำเลย 8 คนและจำเลยอีก 21 คนนั้นศาลได้สั่งจำคุกคนละ 8 เดือนปรับคนละ 4,000 บาท ส่วนโทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี

สำหรับนางกุหลาบ ได้ใช้โฉนดที่ดินเป็นหลักทรัพย์จำนวน 2 แสน 4 หมื่นบาทประกันตัวออกไปสู้ในชั้นศาลฎีกาต่อไป ขณะที่นายแพง กับนายเจริญ ไม่ยื่นขอประกันตัว ขอรับโทษจำคุกตามศาลสั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่รอศาลพิจารณาตัดสินคดี บรรยากาศบริเวณด้านหน้าศาลจังหวัดอุดรธานีเป็นไปอย่างตึงเครียด โดยกลุ่มคนเสื้อแดงและกลุ่มพันธมิตรฯ ได้เดินทางมารอรับฟังกันตั้งแต่เช้า ขณะที่ พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และนายขวัญชัย สาราคำ ประธานชมรมคนรักอุดรก็เดินทางมารอฟังผลคำพิพากษาเช่นกัน โดยนายขวัญชัย ระบุถึงกรณีที่อดีตสมาชิกชมรมคนรักอุดรตัดพ้อว่าตนไม่สนใจให้ความช่วยเหลือเรื่องคดีความว่า "เรื่องนี้ผมไม่รู้เรื่องเลย เพราะขณะที่เกิดเหตุผมก็ถูกจองจำอยู่ในเรือนจำ ทราบแต่เพียงว่าจำเลยที่เป็นสมาชิกเสื้อแดงทั้งหมดได้เช่าหลักทรัพย์เพื่อขออนุญาตประกันต่อศาล"

นายขวัญชัย ยังได้กล่าวถึงการชุมนุมของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ว่าต่อไปนี้ทางชมรมคนรักอุดร และเครือข่ายเสื้อแดง 20 จังหวัดภาคอีสานจะไม่ยอมอยู่นิ่งเฉยอีกต่อไปหาก เสธ.อ้ายพาคนมาชุมนุมอีก เสื้อแดงก็พร้อมที่จะออกไปเผชิญหน้าทันที

นายขวัญชัย กล่าวฝากถึงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วยว่า ตั้งแต่บริหารประเทศมากว่า 1 ปียังไม่เห็นแนวทางที่ชัดเจนในการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศเลย หากว่ารัฐบาลไม่มีความสามารถดำเนินการเอา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศได้ก็ขอให้บอก ภาคประชาชนจะดำเนินการไปรับเอาตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาเอง ซึ่งในวันที่ 3 พ.ย.55 ตนจะเดินทางไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า

**พิจารณาคดีเผาศาลากลาง

วันเดียวกันที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ผู้พิพากษาได้ออกนั่งพิจารณาคดีพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่นเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอดิศัย วิบูลย์เสข กับพวกรวม 3 คน ในฐานะจำเลย กรณีเหตุการณ์เผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 โดยวานนี้เป็นการนัดสืบพยานโจทก์เนื่องจากก่อนหน้านี้อัยการจังหวัดขอนแก่นได้มีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 ถึง 46 รวม 46 คนในความผิดฐานก่อการร้าย บุกรุกศาลากลางจังหวัดขอนแก่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธและร่วมกระทำตั้งแต่สองคนขึ้นไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1, 135/2, 164, 365

แต่พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้มีความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น และได้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดชี้ขาด ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2555 อัยการสูงสุดได้ชี้ขาดเกี่ยวกับคดีนี้ โดยมีคำสั่งให้ฟ้องในความผิดฐานบุกรุกกับจำเลยทั้ง 3 ในคดีนี้เพิ่มเติม และมีคำสั่งให้ฟ้องผู้ต้องหาอื่นว่ากระทำผิดร่วมกับจำเลยทั้ง 3 ในความผิดฐานบุกรุก จำนวน 36 คน ความผิดร่วมกันตระเตรียมเพื่อวางเพลิงจำนวน 32 คน ความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปจำนวน 19 คน ส่วนความผิดฐานร่วมกันก่อการร้ายและยุยงประชาชนให้เข้ามีส่วนร่วมในการก่อการร้ายนั้นอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้อง

นอกจากนี้ยังมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 ที่ 26 ที่ 28 ที่ 41 ที่ 43 และที่ 46 ทุกข้อกล่าวหา และเนื่องจากพยานหลักฐานที่โจทก์จะนำมาสืบคดีนี้เป็นพยานหลักฐานชุดเดียวกันกับผู้ต้องหาอื่นที่จะมีการยื่นฟ้องเพิ่มเติม เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องผู้ต้องหาอื่นแล้วจะขอรวมพิจารณาเข้ากับคดีนี้ทั้งหมด จึงนัดพร้อมใหม่ในวันที่ 19 ธันวาคม 2555 นี้

นายบุญยง แก้วฝ่ายนอก ทนายความจำเลย กล่าวว่า การเลื่อนนัดคดีออกไปเพื่อรอให้ติดตามจับกุมผู้ต้องหากลุ่มที่อัยการจังหวัดขอนแก่นสั่งไม่ฟ้องมาดำเนินคดีให้พร้อมกัน เพราะ ณ ขณะนี้มีผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมจริงๆ เพียง 3 คน ส่วนอีก 30 กว่าคนนั้นไม่ทราบว่าพักอาศัยอยู่ที่ใด

ส่วนผู้ต้องหาที่อัยการสูงสุดยกฟ้องเพราะพยานหลักฐานไม่เพียงพอนั้นมี 6 คน เช่น นางซาบีน่า ซาห์ นายสัญญา สิมมา หรือดีเจไชยา แกนนำเสื้อแดง

**เตือนจัดม็อบชนม็อบจุดชนวนปฏิวัติ
นายประมวล เอมเปีย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนเสื้อแดง กลุ่มคนรักอุดรฯ ออกมาขู่ว่า จะจัดม็อบเสื้อแดงมาปกป้องรัฐบาล เพื่อชนกับกลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายองค์การพิทักษ์สยาม ว่า ขอให้นายกฯและคนในรัฐบาลคิดให้ดีก่อนที่จะไฟเขียวในเรื่องนี้ อีกทั้งสะท้อนให้เห็นธาตุแท้ของแกนนำคนเสื้อแดง เพราะที่ผ่านมา กลุ่มนปช. ปากอ้างต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่พฤติกรรมกลับสวนทาง ซึ่งถ้ารัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สามารถแก้ไขปัญหาให้ตรงใจประชาชน เอาจริงกับขบวนการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ที่ยังลอยนวล จัดการปัญหาการทุจริต คอร์รัปชัน ทบทวนนโยบายประชานิยม แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ตรงจุด ไม่ดีแต่กู้ สร้างหนี้สินใช้เงินอนาคตอย่างนี้ก็คงไม่มีใครมาชุมนุม

** “เต้น”ชี้พวกจ้องล้มรัฐบาลเป็นกลุ่มเดิม

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามว่า เป็นการชุมนุมของคนกลุ่มเดิมที่เคยชุมนุมเพื่อโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และ รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่า การชุมนุมครั้งนี้สาระสำคัญไม่ได้อยู่ที่จำนวนคน แต่อยู่ที่สัญญาณที่จะโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยของประเทศอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นจึงอยากจะสื่อสารไปยังประชาชนทุกฝ่าย ให้ร่วมกันปฎิเสธการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้ ไม่ใช่เพื่อปกป้องรัฐบาล แต่เป็นการปกป้องประชาธิปไตยของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยถูกแช่แข็งทางการเมืองมาตั้งแต่19 กันยายน 2549 แล้ว ซึ่งส่วนตัวไม่ได้กังวลกับจำนวนของผู้ชุมนุม นอกจากนี้ยังเรียกร้องไปยังกลุ่มเป้าหมายของการชุมนุมว่า อย่ายอมให้มีข้อมูลเท็จจนกลายเป็นปัญหาให้กับประเทศ
ทั้งนี้ยังมีความพยายามของฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างรัฐบาลกับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการปรับครม. ยืนยันว่าที่ผ่านมาแกนนำ นปช. ไม่เคยยื่นข้อเรียกร้องใดๆไปยังนายกรัฐมนตรี การปรับครม. เป็นไปตามดุลยพินิจของนายกฯ ทั้งสิ้น ส่วนที่แกนนำ นปช. และกลุ่มคนเสื้อแดงได้ออกมาทวงถามถึงตำแหน่งของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นั้น เป็นเพียงการสอบถามไม่ได้เป็นการเรียกร้องเพื่อทวงตำแหน่ง ส่วนท่าทีของนายจตุพร ก็เป็นเพียงการฝากข้อคิดไปยังรัฐบาล ให้รับรู้ว่าสถานการณ์การสู้รบยังมีอยู่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าตนจะได้รับตำแหน่ง หรือไม่ พร้อมยืนยันว่า ส่วนตัวไม่มีปัญหากับ นายจตุพร เรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี

นายณัฐวุฒิ ยังปฏิเสธกรณีที่ นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร จะนำมวลชน 2 แสนคน มาชุมนุมคัดค้านในทุกเวทีที่ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย จัดขึ้น โดยมองว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นจนถึงขั้นนั้น ส่วนเรื่องการนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านภายใน 4 ปีนั้น มองว่าเป็นแค่ความเห็นเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น