xs
xsm
sm
md
lg

ม็อบสนามม้าทะลัก2หมื่น รุกคืบบุกทำเนียบฯล่าล้านรายชื่อไล่รัฐบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เครือข่ายพิทักษ์สยามกว่า 2 หมื่น ร่วมชุมนุมแน่นสนามม้านางเลิ้ง "เสธ.อ้าย" ประกาศล่าชื่อ 1 ล้าน พร้อมระดมคน 1 ต่อ 100 เตรียมบันไดขั้น 2 บุกทำเนียบฯ เช็กบิลรัฐบาล "ประสงค์" อัดระบอบทักษิณทำประเทศวิกฤติ 5 ข้อ เศรษฐกิจ-สังคม-ความมั่นคง-ไร้หลักนิติรัฐ-ภาวะผู้นำอ่อนแอ ด้าน "เหลิม” ประเมินคนแค่ 2 พัน หยันไม่มีโอกาสยกระดับ สู้ไปก็แพ้ แต่สุดท้ายออกมายอมรับว่ามากันมากเกินคาด เชื่อไม่กล้าบุกทำเนียบ ด้าน ผบ.ตร.ยอมรับประเมินสถานการณ์คลาดเคลื่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 09.00 น. วานนี้ (28 ต.ค.) ที่ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย หรือ สนามม้านางเลิ้ง ได้มีประชาชนทยอยเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุมตามที่องค์การพิทักษ์สยาม และภาคีเครือข่าย เชิญชวนให้มาชุมนุมเพื่อแสดงพลังขับไล่รัฐบาล ซึ่งได้มีภาคประชาชน อาทิ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำเสื้อหลากสี กลุ่มกองทัพธรรม กลุ่มที่สนับสนุนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาร่วมด้วยอย่างคึกคัก โดยทางเข้างานมีการตั้งโต๊ะลงทะเบียนให้ประชาชนที่มาร่วมกิจกรรม ได้ลงชื่อในแบบฟอร์มแสดงฉันทามติอำนาจของมหาชนโดยสันติวิธีที่จะเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ที่ไม่ได้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญตาม มาตรา 77 ที่องค์การพิทักษ์สยามจะรวบรวมให้ได้ 1 ล้านรายชื่อ เพื่อส่งให้รัฐบาลพิจารณาตัวเอง รวมทั้งยังได้ตั้งกล่องรับบริจาค และตั้งเต้นท์เลี้ยงอาหาร เครื่องดื่มด้วย ส่วนการจัดงานก็ได้มีการตั้งเวทีใหญ่เวทีเดียวภายในสนามม้า ซึ่งมีการจัดให้ประชาชนได้นั่งบนอัฒจรรย์ โดยในช่วงเช้าจนถึงเวลา 12.30 น. มีประชาชนทยอยเดินทางมาร่วมจำนวนมาก

ขณะที่ก่อนถึงเวลานัดชุมนุมเวลา 10.00 น. พิธีกรบนเวที ได้เชิญชวนประชาชนร้องเพลงเพื่อแสดงพลังปลุกใจ เช่น อยู่เพื่อไทย ตายเพื่อไทย พร้อมปราศรัยว่า ที่เรามาในวันนี้เป็นการแสดงพลังของกลุ่มประชาชนที่ทนไม่ได้กับรัฐบาลที่มีนักการเมืองบางคนที่ไม่ดี ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่ไม่ดูแลประโยชน์ประชาชน

ทั้งนี้เมื่อถึงเวลาจัดงาน 10.00 น.บนเวทีได้มีผู้ร่วมปราศรัยผลัดเปลี่ยนขึิ้นชี้แจงข้อเท็จจริงการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาล เช่น การแก้ปัญหาภาคใต้ ขณะที่พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ได้เดินทางมาถึงที่ชุมนุมตามเวลานัดหมายเวลา 10.00 น. และทักทายผู้มาร่วมชุมนุมกันอย่างเป็นกันเองก่อน ขึ้นกล่าวเปิดงานเวลา 11.00 น.

ขณะที่ เมื่อเวลา 10.20 น. พล.อ.บุญเลิศ ให้สัมภาษณ์ว่า เท่าที่ดูจำนวนคนที่มาร่วมชุมนุม ก็ค่อนข้างพอใจในระดับหนึ่งประมาณร้อยละ 75 ตามที่ตั้งใจไว้ เพราะทุกคนมาด้วยใจ ไม่มีมวลชนจัดตั้ง และเราก็ไม่มีเงินไปจ้างใคร และตนก็ไม่เคยรับเงินใครมาดำเนินการจัดการชุมนุม และเป็นการชุมนุมอย่างสันติวิธี ไม่อาวุธ เพื่อต้องการให้ประชาชนร่วมแสดงฉันทามติ ซึ่งอยากจะได้ประชาชนประมาณ 1 ล้านรายชื่อ เพื่อเสนอให้รัฐบาลพิจารณา ขณะเดียวกันการชุมนุมครั้งนี้ ไม่ได้มีการกำหนดการ ไฮไลต์ อะไรเป็นพิเศษ แต่จะเน้นการนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินการ และการบริหารงานของรัฐบาลที่ล้มเหลว ซึ่งเราก็จะดูปฏิกิริยาของประชาชน ว่าพอใจ หรือไม่พอใจ และทนได้กับการกระทำของรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งการชุมนุมก็เป็นกิจกรรมหนึ่งของขององค์การพิทักษ์สยาม ที่มีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ คือ

1. ไม่เอารัฐบาลที่ไม่คำนึงถึงประชาชน 2. ปกป้องสถาบันฯ ที่มีการพูดจาบจ้วง 3. ขับไล่รัฐบาลที่บริหารงานที่ผิดพลาด

อย่างไรก็ตาม การชุมนุมครั้งนี้ ก็จะมีการประเมินจำนวนคน เพื่อที่จะมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อไปหรือไม่ ถ้ามีการจัดก็จะต้องจัดภายใน 1 เดือนนับจากวันนี้ ส่วนสถานที่นั้นจะต้องดูก่อนว่า จะจัดที่ใดถึงจะเหมาะสม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00น. บรรยากาศที่สนามม้านางเลิ้ง ประชาชนยังคงเดินทางเข้าร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางจุดลงทะเบียนสำหรับผู้เข้าร่วมชุมนุม ยังคงคึกคักตลอดทั้งวัน โดยได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รับลงทะเบียนว่า ขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนประมาณ 20,000 - 30,000 คนแล้ว

ส่วนบนเวที ก็มีนักวิชาการ และแกนนำ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล ซึ่งสร้างความฮือฮาให้กับมวลชน ที่เดินทางมาชุมนุมเป็นจำนวนมาก โดยพื้นที่ของอัฒจรรย์ทั้ง 2 ชั้น เนืองแน่นไปด้วยกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนต้องลงมานั่งบนพื้นสนามหญ้า บริเวณด้านหน้า และรอบๆ เวทีปราศรัย

นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี กล่าวว่า ท่าทีต่อจากนี้จะได้ข้อสรุปภายในปลายสัปดาห์หน้าหลังจากมีการประชุมกับทางเครือข่ายที่เข้าร่วมแล้ว ซึ่งการประชุมดังกล่าวจะหารือแนวทางการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่พร้อมกำหนดวัน เวลาที่แน่ชัด แผนนี้เรียกว่าแผนบันได 2 ขั้น เมื่อได้ฉันทามติแล้วจะชุมนุมทันที คาดว่าจะใช้สถานที่ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อมวลชน ได้ขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีว่า ไร้ประสิทธิภาพในการสร้างความปรองดอง โดยที่คนในรัฐบาลยังพูดดูถูกฝ่ายตรงข้าม

นอกจากนี้ ดร.เสรี กล่าวโจมตีนายกรัฐมนตรี ที่พูดผิดๆ ถูกๆ ทำให้รัฐบาล และประเทศชาติเสื่อมเสียภาพลักษณ์อีกด้วย

** ยกวิกฤติ 5 ประการไล่รัฐบาล

ต่อมาเวลา 17.30 น. น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ขึ้นปราศรัยว่า ได้รับคำเชิญจาก พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ให้มาพูดถึงปัญหาบ้านเมืองในขณะนี้ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นการชุมนุมตามกฎหมาย โดยตนในฐานะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ เห็นว่าประชาชนที่มาในวันนี้ได้ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญทุกประการ เพราะประชาชนเป็นผู้เจ้าของประเทศตัวจริง เมื่อรัฐบาลบริหารประเทศไม่ดี ประชาชนก็มีสิทธิ์ชุมนุมและเรียกร้องให้รัฐบาลออกไปจากตำแหน่งได้

ทั้งนี้ตนมองว่าบ้านเมืองกำลังเผชิญวิกฤติ 5 ประการ ที่จะนำประเทศไปสู่หายนะในอนาคต คือ
1. วิกฤติเศรษฐกิจ ที่ทุกคนรู้ดีว่า ความเป็นอยู่ของประชาชนมีแต่แย่ลง ข้าวของแพง ซึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า10 ปี ที่ พ.ต.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีอำนาจ แปลงทุนให้เศรษฐี แปลงหนี้ให้ชาวบ้าน โดยใช้นโยบายประชานิยม จนมาถึงรัฐบาลนี้ ก็มีการใช้งบประมาณที่มีอยู่จนหมด มีการกู้เงินเพิ่ม รวมถึงมีการอ้างถึงวงเงินกู้เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย โดยไม่มีใครทราบว่านำไปใช้อะไรบ้าง

2. วิกฤติทางสังคมและระบบราชการ ที่ตนในฐานะผู้อยู่ในวงการการเมืองมาหลายสมัย ไม่เคยเห็นประชาชนแตกแยก แบ่งฝ่ายเท่ายุคนี้มาก่อน เหตุนี้เพราะนักการเมืองที่เลวๆ หลอกล่อให้อยู่ฝ่ายตน และโจมตีฝ่ายตรงข้าม ว่าไม่ดี นอกจากนี้ยังมีการโยกย้ายข้าราชการดีๆ ไปอยู่ตำแหน่งที่ไม่มีบทบาท

3. วิกฤติความมั่นคงแห่งชาติ โดยเฉพาะเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา และพื้นที่ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งในเรื่องของชายแดนกัมพูชานั้น นักการเมืองเลว ได้สมคบคิดนักการเมืองกัมพูชา และบริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศอเมริกาที่จะมากอบโกยทรัพยากรในอ่าวไทย เห็นได้จากที่ผ่านมา มีแนวทางที่จะใช้พื้นที่บริเวณสนามบินอู่ตะเภา สำรวจต่าง ๆ และถ้ามีการอนุญาตจะถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างยิ่ง ทั้งนี้ถ้ารัฐบาลยังอยู่ต่อไป อาจสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร และพื้นที่บริเวณอ่าวไทยด้วย ขณะที่ปัญหาภาคใต้ ก็ไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา ตนเชื่อว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะสามารถแก้ปัญหาได้

4. วิกฤติการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีทั้งระบบนิติรัฐ และนิติธรรม มีการออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ของพวกพ้อง ไม่ใส่ใจที่จะดำเนินการจับกุมนักโทษหนีคดี อาทิ ในส่วนของตำรวจ อัยการ และกระทรวงต่างประเทศที่ต่างอ้างว่าไม่รู้ที่อยู่ แต่กลับมีนักการเมืองไปพบ และเรื่องนี้จะไปโทษเจ้าหน้าที่อย่างเดียวไม่ได้ เพราะทั้งหมดได้ถูกสั่งการจากผู้มีอำนาจ

5. วิกฤติภาวะผู้นำประเทศที่ขณะนี้ผู้นำประเทศไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่สามารถที่จะตอบคำถามใดๆได้เลย มีเพียงแต่การอ้างว่า “หนูไม่รู้” เพียงอย่างเดียว ให้ข้อมูลผิดๆ ถูกๆ ซึ่งตนรู้สึกสมเพชผู้นำประเทศคนนี้

หลังจากใช้เวลาประมาณ 30 นาที น.ต.ประสงค์ ได้ปราศรัยจนจบ จนเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการชุมนุม โดยบรรดาแกนนำทั้งหมดได้ขึ้นเวที และพล.อ.บุญเลิศ ได้ปราศรัยสรุป โดยยืนยันว่า การชุมนุมในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากกว่า 2 หมื่นคน และทั้งหมดมาจากทั่วสารทิศ ไม่มีใครจ้างมา และเป็นการแสดงออกว่า ประชาชนไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

จากนั้น พล.อ.บุญเลิศ ได้ถามผู้ชุมนุมว่า “วันนี้ผู้ชุมนุมพอใจหรือไม่ เห็นด้วยหรือไม่” ทั้งนี้ประชาชนได้ตะโกนกลับมาว่า “เห็นด้วย” และส่งเสียงสนับสนุน พล.อ.บุญเลิศ จึงพูดกลับไปว่า ถ้าเช่นนั้นให้ทุกคนพาคนมาร่วมอีก คนละ 100 คน เพื่อให้การชุมนุมประสบความสำเร็จต่อไป โดยการชุมนุมครั้งหน้า จะเป็นการชุมนุมครั้งสุดท้ายเพื่อขับไล่รัฐบาลนี้ให้ได้

กระทั่งเวลา 18.15 น. ผู้ชุมนุมได้ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีร่วมกัน พร้อมตะโกนคำว่า “ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ” พร้อมกับที่ พล.อ.บุญเลิศ ได้สั่งยุติการชุมนุมเมื่อเวลา 18.18 น. และอวยพรให้ผู้ชุมนุมเดินทางกลับอย่างสวัสดิภาพ

**"อดุลย์"กำชับศปก.น.ระวังมือที่ 3 ป่วน

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อติดตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบัญชาการตำรวจนครบาลหรือ ศปก.น. จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมกำลังพลควบคุมฝูงชน ภายในทำเนียบรัฐบาล

พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่าได้กำชับให้ผู้ปฏิบัติงานยึดหลักการปฏิบัติตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ได้จัดเตรียมสำรองกำลังพลเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากตำรวจภูธรภาค 1, 2 และ 7 ไว้พร้อมสนับสนุน โดยภาพรวมถือว่าสถานการณ์ทั่วไปไม่น่าเป็นห่วง สงบเรียบร้อยดี

ขณะที่ พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.)ในฐานะโฆษก ศปก.น. กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับสั่งการ 5 ข้อ คือให้กำลังพลดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชนป้องกันมือที่ 3 ก่อกวน และให้ดูแลกำลังพลทั้งหลักและสำรองที่มาปฏิบัติหน้าที่ให้มีขวัญกำลังใจ กำชับให้ดูแลสถานที่ราชการสำคัญ รวมทั้งควบคุมให้สถานการณ์อยู่ในความสงบเรียบร้อย และสุดท้ายยังได้กล่าวชมเชยผู้บัญชาการตำรวจนครบาลที่ควบคุมการปฏิบัติด้วยตนเอง ทั้งนี้แนะให้ประชาชนหากไม่จำเป็นให้หลีกเลี่ยงเส้นทางรอบสนามม้านางเลิ้ง ในช่วง 17.00-19.00 น. เนื่องจากเป็นเวลาการเลิกชุมนุมที่คาดว่าการจราจรจะมีผลกระทบ

พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษกศูนย์ปฎิบัติการ บช.น. หรือ ศปก.น. กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ว่า หลังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีการประชุมติดตามสถานการณ์ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำชับการปฎิบัติว่า สถานการณ์โดยรวมยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีการจัดกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน จราจร สันติบาล และฝ่ายสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบ ดูแลทั้งพื้นที่ภายในและรอบนอกการชุมนุมและกำลังตำรวจภูธรภาค 1, 2 และ 7 พร้อมสนับสนุนตลอดเวลา รวมทั้งเจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดตรวจค้นอาวุธสิ่งผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันมือที่ 3 อีกด้วย

ทั้งนี้ ได้จัดกำลังทั้งหมด 9 กองร้อย พร้อมดูแลพื้นที่ และสนับสนุนหากเกิดเหตุวุ่นวาย และมีการจัดชุดเฝ้าฟัง เพื่อติดตามหากมีการปราศัยพาดพิง หรือไม่เหมาะสม ขณะที่การชุมนุมคาดว่าจะเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 18.00 น. โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายไปจุดอื่น ทั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้กำชับให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องดูแลความเรียบร้อย และรักษาความปลอดภัยไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น

**ผบ.ตร.รับประเมินม็อบคลาดเคลื่อน

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์อีกครั้งในช่วงเย็นว่า สถานการณ์การชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีผู้ร่วมชุมนุมจำนวน 7-8 พันคน ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ประเมินสถานการณ์คลาดเคลื่อน และไม่ได้คิดว่าสถานการณ์บานปลาย ส่วนแผนรับมือการชุมนุมหลังจากที่แกนนำประกาศจะชุมนุมอีกครั้งในสัปดาห์หน้านั้น คงต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์

ทั้งนี้สถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วงอะไรส่วนการรายงานสถานการณ์ต่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นสิ่งที่รองนายกฯทราบอยู่แล้ว ส่วนที่กลุ่มผู้ชุมนุมมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ น่าจะมาจากช่องทางการสื่อสารโดยตรง อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ทราบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมาจากกลุ่มไหนบ้าง ต้องขอเวลาตรวจสอบก่อน

**"เหลิม"หยันพิทักษ์สยามสู้ไปก็แพ้

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองกนายรัฐมนตรี ประเมินการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม และภาคีเครือข่าย ว่าจะมีคนมาร่วมไม่เกิน 2,000 คน และเชื่อว่าจะไม่มีโอกาสที่จะยกระดับได้ เพราะประชาชนไม่มีใครเอาด้วย และตนมองว่า น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ แกนนำภาคีเครือข่ายองค์การพิทักษ์สยาม ที่เข้าร่วมการชุมนุม จะทำให้การชุมนุมแพ้ เพราะน.ต.ประสงค์ เป็นคนไม่มีพวก ดังนั้นขอให้กลับไปพักผ่อนเลี้ยงหลานดีกว่า

ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงกรณีที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลสุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า ตนลุแก่อำนาจเพราะไม่ยอมดำเนินการจับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาดำเนินคดี ทั้งๆ ที่ฝ่ายตุลาการได้มีการออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ซึ่งตนอยากถามว่า ตนลุแก่อำนาจอย่างไร ในเมื่อตนได้ทำตามกฎหมาย ประเด็นการสอบสวนชายชุดดำ เป็นสิ่งที่พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการ

"ประเด็นชายชุดดำ จะมีหรือไม่มี ก็ไม่ใช่เหตุที่ต้องปราบปรามประชาชน โดย ศอฉ. และเมื่อการปราบปรามเกิดขึ้นแล้ว จะมีชายชุดดำหรือไม่ ก็ไม่ใช่สิ่งที่บอกว่า สิ่งที่คุณทำไปนั้นไม่ผิด" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

**"เหลิม"ยอมรับคนมามากเกินคาด

ต่อมาเวลา 18.30 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ว่า ได้รับรายงานการชุมนุมตลอดทั้งวัน ซึ่งต้องขอบคุณกลุ่มผู้ชุมนุม ที่ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และไม่สร้างผลกระทบ ความเดือดร้อนให้กับบุคคลอื่น และไม่มีการกระทำใดๆ ที่ผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ยอมรับจำนวนคนที่มาชุมนุมมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะมีการเคลื่อนไหวของนักการเมืองบางคนที่ระดมคนจึงทำให้มีคนมาร่วมมาก ซึ่งผู้จัดการชุมนุมอาจไม่ทราบ แต่จำนวนมากน้อยไม่สำคัญถ้าชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ไม่ก่อเหตุวุ่นวาย ถือเป็นสิ่งที่ทำได้

"ผมยืนยัน เราไม่มีการควบคุมการชุมนุม เปิดโอกาสให้สิทธิ์เต็มที่ในการชุมนุม แสดงความคิดเห็น และผมมั่นใจว่าผู้ชุมนุมก็ต้องพึงระมัดระวังเรืองการทำผิดกฎหมาย ถ้ายังชุมนุมสงบเรียบร้อยไม่ผิดกฎหมายก็ชุมนุมได้ปกติ ตำรวจดูแลความเรียบร้อยให้ ไม่มีปัญหาใดๆ" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ส่วนกรณีที่แกนนำผู้ชุมนุม นัดชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลอีกในสัปดาห์หน้านั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เห็นว่าสถานการณ์ยังไม่เกิด ยังให้ความเห็นไม่ได้ ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมเป็นพวกไหนบ้างนั้น ตนไม่ได้ประเมินรายละเอียดลงลึก เดี๋ยวจะเป็นการแทรกแซง และการชุมนุมห้ามไม่ได้ เพราะเป็นประเทศประชาธิปไตย และที่ผ่านมาก็คุยกับแกนนำแล้วแต่คุยในเรื่องอื่น

เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่การชุมนุมจะยกระดับมากขึ้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เราเป็นรัฐบาล มีหน้าที่บริหารราชการบ้านเมือง ต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ถามว่ากลัวไหม รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ชนะถล่มถลาย 265 ที่นั่ง แต่ถ้าพวกตนเป็นรัฐบาลที่มาจากการปฎิวัติน่ากลัว แต่นี่คนค่อนประเทศเลือกมา ไม่กลัว อย่าง น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ อดีตประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เคยทำอะไรให้สังคมชื่นชอบบ้าง ถึงจะมีคนมาเห็นด้วย จะมาแสดงอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชนะได้ แต่บอกให้รัฐบาลออกไม่ออกหรอก เมื่อถามว่า มีทหารยศใหญ่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมครั้งนี้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มีหรอก ทหารในกองทัพก็ไม่มี มีแต่ทหารเกษียณแล้ว

** ไม่ห่วงม็อบบุกทำเนียบ ลั่นอย่าทำผิด กม.

เมื่อถามว่า แกนนำผู้ชุมนุมระบุว่า จะมากดดันที่ทำเนียบฯ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คงไม่ทำ ทุกคนต้องเคารพกติกากฎหมาย และตนยังแสดงความเห็นไม่ได้ เพราะเหตุยังไม่เกิด และตนก็ไม่ป้องไม่ปราม ถือเป็นสิทธิ์

เมื่อถามว่า ล่าสุดนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ระบุว่า การชุมนุมสนามม้านางเลิ้ง ไม่ใช่ของจริง แต่จะมีของจริงตามมา ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ในสายข่าวยังไม่ได้รับรายงาน ไม่เป็นไรเดี๋ยวคุยกัน เมื่อถามว่า แสดงว่าวันนี้ไม่ห่วงเรื่องการชุมนุมจะบานปลาย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ ตนบึกบึน มั่นคง ไม่ตกใจง่าย เมื่อถามว่า ทำไมเกณฑ์กำลังเจ้าหน้าที่มาดูแลม็อบจำนวนมาก มีการข่าวอะไรหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เราต้องรักษาความเรียบร้อย อันนี้คือหน้าที่ของตน ไม่มีการข่าวอะไร เราต้องระวังป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้าย จะใช้อาวุธยุทโธปกรณ์สกัดกั้นให้ล้มหายตายจากไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ทำอะไรผิด

เมื่อถามว่า ประเมินการชุมนุมขับไล่รัฐบาลครั้งนี้ จุดติดหรือยัง รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ติด เพราะผลสำรวจพี่น้องประชาชนไม่เห็นด้วย และนายกรัฐมนตรีมอบตนเป็นประธานอำนวยการเรื่องการท่องเที่ยว เราจะทำยอดท่องเที่ยวให้ได้ 2 ล้านล้าน ในอีก 5 ปี และอีก 3 ปี สู่อาเซียน การมาชุมนุมแบบนี้ เป็นสิทธิ์ แต่ถ้าก่อเหตุก็กระทบการลงทุนการท่องเที่ยว และได้ประโยชน์อะไร มีการชุมนุมขับไล่มาครั้งหนึ่งเมื่อปี 49 ปฎิวัติ มาเลือกตั้งใหม่ ก็ชนะ มายุบพรรค ดำเนินการเอาคนของตนไปตั้งรัฐบาลเลือกตั้งใหม่พวกตนก็ชนะ และที่พูดก็เป็นของเก่า ที่ไม่จริงสักเรื่อง

เมื่อถามย้ำว่า จุดไม่ติดไม่ใช่เป็นการประมาทม็อบใช่ หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่จุดไม่ติด ถึงจุดไม่ติดยังไงประชาชนทั้งประเทศก็ไม่เอาด้วย เมื่อถามว่า นายกฯได้กำชับอะไรเกี่ยวกับการชุมนุมครั้งนี้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่มี ไม่เคยถามตน ท่านได้มอบตนกับ ผบ.ตร. และเพื่อนนายตำรวจ ทุกอย่างเรียบร้อยไม่มีอะไรรุนแรง เมื่อถามว่าไม่เกินมือเฉลิมใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่ ไม่เกินพลังพี่น้องประชาชนทั้งประเทศที่เขาไม่เห็นด้วย แต่ยังไม่ออกมา.
กำลังโหลดความคิดเห็น