ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีอะไร เป็นแค่การวิเคราะห์วิจารณ์สิ่งที่เป็นนามธรรม ประเด็นอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ระบุว่ารัฐบาลทุจริต ประพฤติมิชอบ ต้องชี้ให้เป็นถึงความเป็นรูปธรรม ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าจะอภิปรายโดยใช้เวลา 2 วัน สะท้อนให้เห็นว่า ไม่มีข้อมูล ทำเพื่อเป็นพิธีกรรม ส่วนประเด็นที่ฝ่ายค้านโจมตีว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลเป็นจุดอ่อนนั้น ตนมองว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นจุดแข็งของรัฐบาลที่จะทำให้รัฐบาลชนะการเลือกตั้ง แบบถล่มทลาย
**ชูจำนำข้าวจุดแข็ง รบ.
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า โครงการประกันราคาข้าวของพรรคประชาธิปัตย์นั้นทำให้กลุ่มพ่อค้าได้ประโยชน์ แต่โครงการจำนำทำให้ชาวนาได้ประโยชน์ ที่บอกว่ามีการขนข้าวมาจากประเทศลาวนั้นก็เป็นคนละประเด็น เพราะรัฐบาลรับจำนำข้าวเปลือก และข้าวหอมมะลิ ส่วนของประเทศลาวเป็นข้าวเหนียว
“ที่บอกว่ามีการสวมสิทธิ์ ผมบอกว่ามีบ้าง แต่การขนข้าวจากเขมรมามากๆ ผ่านมาได้อย่างไร ไม่ใช่เพชรพลอย อีกทั้งการเข้าร่วมโครงการมีมาตรการที่ตรวจสอบหลายขั้นตอน ตอนนี้เราไม่รู้ว่าขาดทุนหรือไม่ หรืออาจได้กำไร แต่เชื่อว่าจากนี้ไป 3 ปีประเทศไทยจะสามารถกำหนดราคาข้าวในตลาดโลกได้ ผมยอมรับว่าโครงการรับจำนำข้าวอาจเสียหายบ้าง แต่ประชาชนได้ประโยชน์ มันก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรทำ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
**แขวะ ปชป.ฟอร์มตก
ขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงปลายเดือน ต.ค. แต่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมฝ่ายค้าน กลับระบุว่าคณะทำงานเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเลือกยื่นญัตติอภิปรายแบบใดว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังขาดความเป็นเอกภาพ ขาดยุทธศาสตร์การทำงานเป็นทีม ขาดข้อมูล เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลถือเป็นอาวุธหลัก และเป็นทางถนัดของพรรคประชาธิปัตย์ในอดีต กลับกลายเป็นเครื่องสะท้อนว่าพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่พร้อมต่อการเป็นฝ่ายค้านของประชาชนที่ดี ประกอบกับเจอเกมทำลายจังหวะ จากการปรับ ครม.ของรัฐบาลในช่วงนี้
**ป้อง "ปู" ไม่หนีอภิปรายแน่
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ประชาธิปัตย์ยังมีเรื่องให้คิดว่าจะเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ เพราะถ้าเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ไปแล้ว จังหวะคาบลูกคาบดอก กระทรวงกลาโหม พิจารณาถอดยศ ร.ต.ของนายอภิสิทธิ์ ในข้อกล่าวหาใช้เอกสารไม่ถูกต้องในการเข้ารับราชการ เป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) อาจถึงขั้นเครื่องรวนและพังได้ จึงขอเตือนไปยังพรรคประชาธิปัตย์ว่าการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ได้อยู่ที่จำนวนวันเวลา ไม่ได้อยู่ที่จำนวนคนพูด แต่อยู่ที่หลักฐานในการนำมาแสดงและอภิปรายให้ประชาชนเห็น
“วันนี้รัฐบาลไม่ต้องเตรียมอะไรมาก เหมือนคนที่ตั้งใจเรียน ขยันสม่ำเสมอ สอบเมื่อไรไม่มีปัญหา หลายนโยบายรุดหน้าต่างจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ที่ใช้เวลา 2 ปี 8 เดือน ไล่ล่าแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างเดียว อยากให้ประชาชนที่ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แยกแยะให้ดี อย่าตกเป็นเหยื่อของอุปาทานหมู่โฆษณาชวนเชื่อ ในช่วงเดือน พ.ย.นี้” นายอนุสรณ์กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า หากจะมีการอภิปราย ก็ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรค รวมถึงภารกิจใดๆของนายกรัฐมนตรีทั้งในประเทศและต่างประเทศก็ไม่เกี่ยว เพราะกำหนดการต่างๆ ถูกกำหนดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และไม่มีความจำเป็นใดที่รัฐบาลจะหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ฝ่ายค้านต่างหากที่พลาดเอง
**ชูจำนำข้าวจุดแข็ง รบ.
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า โครงการประกันราคาข้าวของพรรคประชาธิปัตย์นั้นทำให้กลุ่มพ่อค้าได้ประโยชน์ แต่โครงการจำนำทำให้ชาวนาได้ประโยชน์ ที่บอกว่ามีการขนข้าวมาจากประเทศลาวนั้นก็เป็นคนละประเด็น เพราะรัฐบาลรับจำนำข้าวเปลือก และข้าวหอมมะลิ ส่วนของประเทศลาวเป็นข้าวเหนียว
“ที่บอกว่ามีการสวมสิทธิ์ ผมบอกว่ามีบ้าง แต่การขนข้าวจากเขมรมามากๆ ผ่านมาได้อย่างไร ไม่ใช่เพชรพลอย อีกทั้งการเข้าร่วมโครงการมีมาตรการที่ตรวจสอบหลายขั้นตอน ตอนนี้เราไม่รู้ว่าขาดทุนหรือไม่ หรืออาจได้กำไร แต่เชื่อว่าจากนี้ไป 3 ปีประเทศไทยจะสามารถกำหนดราคาข้าวในตลาดโลกได้ ผมยอมรับว่าโครงการรับจำนำข้าวอาจเสียหายบ้าง แต่ประชาชนได้ประโยชน์ มันก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรทำ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
**แขวะ ปชป.ฟอร์มตก
ขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงปลายเดือน ต.ค. แต่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมฝ่ายค้าน กลับระบุว่าคณะทำงานเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเลือกยื่นญัตติอภิปรายแบบใดว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังขาดความเป็นเอกภาพ ขาดยุทธศาสตร์การทำงานเป็นทีม ขาดข้อมูล เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลถือเป็นอาวุธหลัก และเป็นทางถนัดของพรรคประชาธิปัตย์ในอดีต กลับกลายเป็นเครื่องสะท้อนว่าพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่พร้อมต่อการเป็นฝ่ายค้านของประชาชนที่ดี ประกอบกับเจอเกมทำลายจังหวะ จากการปรับ ครม.ของรัฐบาลในช่วงนี้
**ป้อง "ปู" ไม่หนีอภิปรายแน่
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ประชาธิปัตย์ยังมีเรื่องให้คิดว่าจะเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ เพราะถ้าเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ไปแล้ว จังหวะคาบลูกคาบดอก กระทรวงกลาโหม พิจารณาถอดยศ ร.ต.ของนายอภิสิทธิ์ ในข้อกล่าวหาใช้เอกสารไม่ถูกต้องในการเข้ารับราชการ เป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) อาจถึงขั้นเครื่องรวนและพังได้ จึงขอเตือนไปยังพรรคประชาธิปัตย์ว่าการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ได้อยู่ที่จำนวนวันเวลา ไม่ได้อยู่ที่จำนวนคนพูด แต่อยู่ที่หลักฐานในการนำมาแสดงและอภิปรายให้ประชาชนเห็น
“วันนี้รัฐบาลไม่ต้องเตรียมอะไรมาก เหมือนคนที่ตั้งใจเรียน ขยันสม่ำเสมอ สอบเมื่อไรไม่มีปัญหา หลายนโยบายรุดหน้าต่างจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ที่ใช้เวลา 2 ปี 8 เดือน ไล่ล่าแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างเดียว อยากให้ประชาชนที่ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แยกแยะให้ดี อย่าตกเป็นเหยื่อของอุปาทานหมู่โฆษณาชวนเชื่อ ในช่วงเดือน พ.ย.นี้” นายอนุสรณ์กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า หากจะมีการอภิปราย ก็ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรค รวมถึงภารกิจใดๆของนายกรัฐมนตรีทั้งในประเทศและต่างประเทศก็ไม่เกี่ยว เพราะกำหนดการต่างๆ ถูกกำหนดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และไม่มีความจำเป็นใดที่รัฐบาลจะหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ฝ่ายค้านต่างหากที่พลาดเอง