“เหลิม” เชื่อแดงฉุนวืดเก้าอี้เดี๋ยวจบ แย้มร่างปรองดองคืนประโยชน์ช่วงรัฐประหาร

รองนายกฯ เผยเคลียร์ “วรชัย” แล้ว รับห้ามความรูสึกกันไม่ได้ ไม่การันตีรอบหน้า “ไอ้ตู่” เป็นอำมาตย์ บอกแค่อยู่รอดก็บุญแล้ว ไม่รู้ “ส.” หมายถึงใคร เชื่อเดี๋ยวจบ ไม่กล้าเป็นโซ่ข้อกลาง อ้างพูดขัดใจ “แม้ว” จะเหลือแต่เงาแค่อุปมาอุปไมย หยันอภิปรายไม่ไว้วางใจแค่นามธรรมทำเป็นพิธีกรรม ปัดจำนำข้าวจุดอ่อน โวอีก 3 ปีไทยกำหนดราคาตลาดโลกได้ เมินดึงนิด้าร่วมเสวนาปรองดอง แย้มร่าง กม.เอาแค่คนเสียประโยชน์ช่วงรัฐประหาร เย้ยม็อบเสธ.อ้ายคนไม่เกิน 2 พัน แขวะ “ประสงค์” ทำแพ้ ไล่กลับไปเลี้ยงหลาน ถามไม่จับ “ทักษิณ” ลุแก่อำนาจตรงไหน

วันนี้ (28 ต.ค.) ที่ จ.นครราชสีมา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแกนนำคนเสื้อแดงเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจงประเด็นที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงไม่ได้รับเลือกให้เป็นรัฐมนตรีในการปรับ ครม.รอบล่าสุดว่า ตนแสดงความเห็นไม่ได้เพราะไม่ใช่งานในอำนาจหน้าที่ แต่ก็ต้องเข้าใจและเห็นใจซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตาม ความเป็นพรรคพวกสามารถพูดคุยกันได้ ตนเชื่อว่าคงไม่มีการพัฒนาไปในทางที่ไม่ดี เมื่อวันก่อนผมไปงานของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในทางส่วนตัวคุยกันเรียบร้อยดี ความรู้สึกห้ามไม่ได้ ส่วนในการปรับ ครม.รอบหน้าจะมีชื่อนายจตุพรร่วมอยู่ด้วยหรือไม่ ตนตอบไม่ได้ เพราะไม่ใช่อำนาจของตน ตนแค่อยู่รอดก็บุญแล้ว ส่วนตัวตนยังเชื่อการปรับ ครม.รอบนี้จะไม่ให้พรรคแตกแยก ในพรรคเพื่อไทยไม่มีกลุ่มล้านเปอร์เซ็นต์

เมื่อถามว่า นายวรชัยได้เปิดเผยว่าคนอักษรย่อ ส. สะกัดไม่ให้นายจตุพรเป็นรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า คนชื่ออักษรย่อ ส.มันเยอะ คาดการณ์ไม่ได้ว่าใคร ส่วนตัวเชื่อว่าจะไม่ทำให้เกิดปัญหา สุดท้ายแล้วในพรรคเพื่อไทยรักสามัคคีกัน เพราะเรารู้ทุกข์ สุข รู้ว่าการต่อสู้เผชิญกับปัญหายังมีอีกมาก และเราก็มีศัตรูเยอะ ยังมีกลุ่มที่จ้องล้มรัฐบาลอยู่ ทุกวิถีทาง

เมื่อถามว่าจะเป็นตัวกลางประสานความเข้าใจระหว่างคนเสื้อแดงหรือไม่ ในฐานะที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนเสื้อแดง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า “ผมไม่มั่นใจว่าเขาให้การนับถือผมจริงหรือไม่ แต่ผมไปไหนใครก็รัก ไปปราศัยที่ไหนคนก็ไปฟังเยอะ ผมและนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร และนายวรชัย ก็รักกันดี”

เมื่อถามต่อว่า ประเด็นที่ระบุว่าใครขัดใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะเหลือแค่ตัวกับเงา เป็นคำเตือนหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่คำเตือน เป็นการอุปมาอุปไมย ในพรรเพื่อไทยรู้กันดี พ.ต.ท.ทักษิณเป็นสัญลักษณ์ มีคนเคยพูดกับตนสนุกๆ ให้ตนตั้งกลุ่ม แต่ตนบอกว่าอย่าไปตั้ง ตั้งไปก็เท่านั้น หากสุดท้ายไปทะเลาะกับ พ.ต.ท.ทักษิณก็เหลือแค่ตัวและเงา พูดสนุกไม่มีอะไร

ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวถึงการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เชื่อว่าไม่มีอะไร เพราะเป็นแค่การวิเคราะห์วิจาณ์สิ่งที่เป็นนามธรรม ประเด็นอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ระบุว่ารัฐบาลทุจริต ประพฤติมิชอบ ต้องชี้ให้เป็นถึงความเป็นรูปธรรม ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าจะอภิปรายโดยใช้เวลา 2 วัน สะท้อนให้เห็นว่าเขาไม่มีข้อมูล ทำเพื่อเป็นพิธีกรรม ส่วนประเด็นที่ฝ่ายค้านโจมตีว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลเป็นจุดอ่อนนั้นตนไม่เชื่อ และมองว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นจุดแข็งของรัฐบาลที่จะทำให้รัฐบาลชนะการเลือกตั้ง แบบถล่มทลาย

“คือการประกันราคาข้าว กลุ่มพ่อค้าได้ประโยชน์ แต่โครงการจำนำชาวนาได้ประโยชน์ ที่บอกว่ามีการขนข้าวมาจากประเทศลาว คนละประเด็น เพราะเรารับจำนำข้าวเปลือก ข้าวหอมมะลิ ส่วนของประเทศลาวเป็นข้าวเหนียว ที่บอกว่ามีการสวมสิทธิ์ ผมบอกว่ามีบ้าง แต่การขนข้าวจากเขมร เอามามากๆ ผ่านได้อย่างไร ไม่ใช่เพชรพลอย อีกทั้งการเข้าร่วมโครงการมีมาตรกรที่ตรวจสอบหลายขั้นตอน ตอนนี้เราไม่รู้ว่าขาดทุนหรือไม่ หรืออาจได้กำไร แต่เชื่อว่าจากนี้ไป 3 ปีประเทศไทยจะสามารถกำหนดราคาข้าวในตลาดโลกได้ ผมยอมรับว่าโครงการรับจำนำข้าวอาจเสียหายบ้าง แต่ประชาชนได้ประโยชน์ มันก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรทำ” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวถึงการสานเสวนาเรื่องปรองดองและรัฐธรรมนูญว่า นอกจากหน่วยงานภาครัฐที่จะดำเนินการแล้วจะมีการเชิญนักวิชาการจากสถาบันที่เป็นกลาง โดยไม่มีนักวิชาการจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เข้าร่วม ทั้งนี้ไม่ใช่ตนไม่รับฟังเสียงคัดค้าน แต่ต้องการนำคนที่เป็นกลางมาเสวนา เบื้องต้นการจัดเสวนาจะทำควบคู่ไปทั้งเรื่องแก้รัฐธรรมนูญและเรื่องสร้างความปรองดอง เบื้องต้นคาดว่าจะทำไม่แล้วเสร็จทันสมัยประชุมสภาฯ สามัญทั่วไป ขณะนี้ประเด็นของแนวทางการสร้างความปรองดองตนมีร่างไว้อยู่แล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยเพราะต้องการรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนก่อน โดยเนื้อหาของการสร้างความปรองดองของตนจะเน้นเฉพาะคนที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิวัติ เมื่อวันที่ 19 ก.ย. เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับการชุมนุมต่อเนื่องหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว

นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวประเมินการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามและภาคีเครือข่ายว่า ตนฟันธงว่าจะมีคนมาร่วมไม่เกิน 2,000 คน และเชื่อว่าจะไม่มีโอกาสที่จะยกระดับได้ เพราะประชาชนไม่มีใครเอาด้วย และตนมองว่า น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ แกนนำภาคีเครือข่ายองค์การพิทักษ์สยามที่เข้าร่วมการชุมนุมจะทำให้การชุมนุมแพ้ เพราะน.ต.ประสงค์เป็นคนไม่มีพวก ดังนั้นขอให้กลับไปพักผ่อนเลี้ยงหลานดีกว่า

ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวถึงกรณีที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ระบุลุแก่อำนาจเพราะไม่ยอมดำเนินการจับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดี ทั้งๆ ที่ฝ่ายตุลาการได้มีการออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณว่า ตนอยากถามว่าตนลุแก่อำนาจอย่างไร ในเมื่อตนได้ทำตามกฎหมาย ประเด็นการสอบสวนชายชุดดำเป็นสิ่งที่พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการ

“ประเด็นชายชุดดำจะมีหรือไม่มี ก็ไม่ใช่เหตุที่ต้องปราบปรามประชาชนโดย ศอฉ. และเมื่อการปราบปรามเกิดขึ้นแล้วจะมีชายชุดดำหรือไม่ ก็ไม่ใช่สิ่งที่บอกว่าสิ่งที่คุณทำไปนั้นไม่ผิด” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว