ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-แม้ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ปรับหน้าตารัฐมนตรีหลายคนออกไป เพื่อให้รัฐมนตรีคนใหม่เข้าทำงานรองรับสถานการณ์อภิปรายไม่ไว้วางใจ
โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” โดยตรง
แต่ Minor Change ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ยิ่งทำให้สังคมมองเห็น”สภาพสิ้นคิด” ของรัฐบาลมากขึ้น
“สภาพสิ้นคิด”ที่ว่านั้น หมายถึงทิศทางการดำเนินนโยบายที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมทั้งโครงการรับจำนำข้าว โครงการรถคันแรก และแนวทางปรองดอง
เหตุผลสำคัญก็คือ แม้ว่ายิ่งลักษณ์พยายามยื้อเวลากับ “พี่ชาย” เพื่อให้รัฐบาลมีหน้าตาคงเดิมก่อนจะปรับครม.หลังเสร็จสิ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือการเลือกปรับบางตำแหน่งที่ไม่ตรงกับความต้องการของ “เจ้าของพรรคเพื่อไทย” เสียทีเดียว
แต่ท้ายที่สุดแนวทางการทำงานก็ยังเป็นเช่นเดิม
นั่นทำให้การเคลื่อนไหวของกลุ่มพลังมวลชนต่างๆดูมีน้ำหนักมากขึ้น แม้ว่าจะมีเป้าหมายแตกต่างกัน โดยเฉพาะองค์พิทักษ์สยาม และกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้า“เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์กรพิทักษ์สยาม บอกว่าการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 28 ต.ค.ที่สนานม้านางเลิ้ง ใช้ซื่อว่า”หยุดวิกฤตและหายนะของชาติ” จะมีประชาชนทุกภาคส่วนเข้าร่วม ไม่จำกัดสีเสื้อ ไม่มีพรรคการเมืองหนุนหลัง แต่เป็นงานรวมคนรักชาติและรักพระเจ้าอยู่หัว เพราะเราทนให้รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศมาเป็นเวลาครบปีและบริหารต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะมีแต่ความล้มเหลว สร้างความเสียหายเกิดขึ้นมากว่ายุคสมัยใด โดยเฉพาะการปล่อยให้มีการจาบจ้วงสถาบันเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย โดยไม่มีการเอาผิด ยุยงส่งเสริมให้มีการกระทำลักษณะหมื่นเหม่มากขึ้นเรื่อยๆ
ประเด็นสำคัญ 3 ประเด็นที่นำไปสู่การชุมนุมครั้งนี้ ประกอบด้วย
1.สถาบันหลักของชาติที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนถูกบ่อนทำลายและจาบจ้วงมาอย่างต่อเนื่องโดยบางฝ่ายและบางส่วนมีความเกี่ยวข้องกับรํฐบาล โดยที่รัฐบาลไม่ดำเนินการจัดการอย่างจริงจัง และมีแนวโน้มทวีมากยิ่งขึ้นทุกวัน
2.นักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศ นอกจากไม่สามารถแก้ไขปัญหาหลักของชาติได้แล้วยังกลับอาศัยอำนาจของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติสร้างอำนาจและความร่ำรวยเพิ่มขึ้นบนความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชน และสร้างวิกฤตให้กับประเทศชาติถึงขั้นใกล้วิบัติล่มจม
3.เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นทุกระดับในรัฐบาล โดยเฉพาะรัฐมนตรีและบุคคลที่เป็นเครือญาติของนายกรัฐมนตรีและพี่ชาย โดยเฉพาะอภิมหาโครงการในการแก้ปัญหาน้ำท่วม และโครงการรับจำนำข้าวจากนโยบายประชานิยมที่ใช้งบประมาณหลายแสนล้านบาท
“เหตุการณ์ที่ประชาชนส่วนใหญ่ทนไม่ได้มากที่สุด คือการที่รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดูถูกคนไทยมากที่นำคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยมาบริหารบ้านเมือง ต่อไปเอาใครมานั่งเป็นตุ๊กตาบนเก้าอี้นายกฯของประเทศนี้ก็ได้เพราะทุกอย่างอยู่ในกำมือหมด”ผู้นำองค์กรพิทักษ์สยาม
เขาตอกย้ำว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ อย่ามองว่ามีพรรคการเมืองสนับสนุนการชุมนุมครั้งนี้เพราะพวกเราไม่เอานักการเมืองไม่ว่าพรรคไหนก็มีความไม่ดีเหมือนกันซึ่งเป็นหน้าที่ของประชาชนที่ต้องออกมาขับไล่และเชิญรัฐบาลออกไปได้แล้วหากยังอยู่ต่อไปบ้านเมืองจะย่อยยับมากที่สุด
ที่สำคัญ “ถ้าจุดประกายติดก็จะยืดเยื้อเป็นการขับไล่รัฐบาลชุดนี้ให้ได้ ถ้าไม่มีคนมาร่วมมากเราก็หยุด หากคนมามากก็เดินหน้าขับไล่ต่อและเปิดโปง แฉหลักฐานเรื่องการทุจริตโดยจะเปิดเผยในวันชุมนุมนี้”
พล.อ.บุญเลิศ นายทหารที่ผ่านการปฏิวัติมาหลายครั้งบอกว่า “พวกผมที่เป็นทหารเก่าอยากให้ปฏิวัติมานานแล้วเพราะรู้ว่ารัฐบาลที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนบงการมีแต่มาโกงเงินแผ่นดินทั้งสิ้น”
เขาตอบคำถามนักข่าวเกี่ยวกับกระแสข่าวที่ว่าอาจจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นว่า “ยอมรับว่ามีการพูดคุยกันจริง เพราะมีหลายภาคส่วนทนไม่ได้กับการบริหารงานของรัฐบาล และหากผมมีกำลังทหารอยู่ในมือคงปฏิวัติไปนานแล้ว”
นั่นทำให้ “ข่าวลือที่เป็นไปไม่ได้” เกี่ยวกับการปฏิวัติถูกจุดประกายขึ้นมา
จนเกิดคำถาม “กลุ่มพลังที่อยู่เบื้องหลัง” เสธ.อ้าย เพราะลำพังตัวพล.อ.บุญเลิศนั้นไม่มีกลุ่มพลังมวลชน มีแต่กองกำลัง
มติชนออนไลน์รายงานข่าวจากแหล่งข่าวเสื้อแดง โดยอ้างข่าวด้านความมั่นคงเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า จากการประเมินสถานการณ์ขณะนี้ คาดว่าอาจจะมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมประมาณ 1,200 - 1,300 คน โดยมีการแกนนำหลักคือ นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี นายชัยวัฒน์ สุรวิชัย นักวิชาการอดีตคนเดือนตุลาฯ ที่มีเรื่องวิพากษ์วิจารณ์โหวตโนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ซึ่งเป็นพันธมิตรกลุ่มอิสระ และกลุ่มสายล่อฟ้า ของ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)
“อาจจะมี 2ประเด็น ที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุม คือ 1.อาจจะมีกลุ่มแดงเทียม โดยมีการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้น 2.กลุ่มแดงจริงที่อาจจะถูกหลอกใช้โดยการนำเอาเงินไปให้เพื่อให้ออกมาเคลื่อนไหวในการสร้างสถานการณ์เพื่อต้องการให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง” รายงานข่าวเสื้อแดงของมติชนว่าไว้
คนให้ข่าวก็คงเป็นเสื้อแดงที่ชอบอ้าง “แดงเทียม-แดงจริง” เหมือนที่ไอ้ตู่ไอ้เต้นชอบแอบอ้างสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม หลายคนเชื่อว่า การเคลื่อนไหวขององค์กรพิทักษ์สยามดูเหมือนยังไม่สามารถดึงแนวร่วมที่คงเส้นคงวาได้มากนัก ประเภทแฟนตัวจริงได้มากนัก
แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากการชุมนุม...น่าจะเป็น “เรื่องสำคัญ” มากกว่า
นั่นทำให้การชุมนุมวันที่ 7 พ.ย.นี้ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ดูจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อคัดค้านการแก้ไข พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ให้กำนันผู้ใหญ่บ้านอยู่ในตำแหน่ง 5 ปี แทนที่จะอยู่จนถึงเกษียณอายุราชการ 60 ปี
เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา สมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย นำโดยโดยนายยงยศ แก้วเขียว นายกสมาคม ได้มีการประชุมหารือระหว่างประธานกำนันประจำจังหวัด 76 จังหวัด กว่า 100 คน เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ในการชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ทั้ง 5 ร่าง
“ที่ประชุมยืนยันจุดยืนในการให้ถอนร่างกฎหมายดังกล่าวจากการพิจารณาของรัฐสภา”
นี่เป้าหมายของการรวมตัว
โดยจำเลย 5 คนประกอบด้วย ส.ส.พรรคเพื่อไทย 4 คน และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 1 คนที่เสนอร่างกฎหมายฉบับนี้
ประกอบด้วย นายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.พรรคเพื่อไทย, นายนพคุณ รัฐผไท ส.ส.พรรคเพื่อไทย, นายนิยม วรปัญญา ส.ส.พรรคเพื่อไทย, นางพรเพ็ญ บุญศิริวัฒนกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย และนายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทั่วประเทศประกาศว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าทั้ง 5 คนนี้จะสอบตก !!
“หากไม่สามารถระดมคนมาได้ประมาณ 5 หมื่นคนเพื่อกดดันงานนี้จะไม่สามารถมีชัยชนะต่อรัฐบาลแน่นอน และทางสมาคมอยากเสนอเพื่อความคล่องตัวในการขับเคลื่อน จึงขอให้กำนันจากทั่วประเทศ 878 อำเภอเดินทางมายัง กทม.ในวันที่ 7 พ.ย.ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป เพื่อแสดงพลัง ไม่ต้องการ พ.ร.บ.ฉบับนี้”ยงยศประกาศหลังการประชุม
เขาบอกว่า “ในวันที่ 2 พ.ย.นี้ จะประท้วงในทุกที่ว่าการอำเภอทั่วประเทศ และไม่เข้าร่วมประชุมกับอำเภอเพื่อเป็นการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ แต่จะไม่ปิดถนน และจะไม่ใช้ความรุนแรง โดยสมาคมพร้อมจะชุมนุมยืดเยื้อจนกว่าจะได้รับการตอบสนองข้อเรียกร้อง”
ข้อเท็จจริงในการเลือกตั้งนั้น หลายคนยอมรับว่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็คือหัวคะแนนนักการเมืองชั้นดี
หากกำนัน ผู้ใหญ่บ้านปฏิเสธนักการเมืองรายใด นั่นหมายถึงลูกบ้านก็ปฏิเสธไปด้วย
นั่นทำให้ พวกเขาเชื่ออย่างมั่นใจว่า โดนพรรคเพื่อไทยหลอก
ทำให้มีการประท้วงทั่วประเทศมาแล้วเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา
ทั้งใน จ.ลำปาง โดยกลุ่มชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดลำปาง กว่า 300 คน นำโดยนายสมศักดิ์ แสงบุญเรือง รวมตัวยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านทางนายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง คัดค้าน พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ ว่าด้วยการดำรงตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เหลือวาระ 5 ปี
จ.สกลนคร ชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงสารวัตร และผู้ช่วยฯ ในพื้นที่ จ.สกลนคร กว่า 500 คน จาก 18 อำเภอ รวมตัวกันประท้วงต่อต้านการออก พ.ร.บ.ดังกล่าว บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด และยื่นหนังสือคัดค้านผ่านผู้ว่าฯ จ.สกลนคร
ที่จ.ตาก นายประยูร ลือชัย กำนันตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ในฐานะประธานชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน จ.ตาก พร้อมด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผช.ผญบ.สารวัตรกำนัน กว่า 300 คน รวมตัวกันที่ว่าการอำเภอแม่สอด
ที่จ.สุโขทัย นายสมาน นุ่มพันธุ์ ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย พร้อมด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เกือบ 100 คน รวมตัวประท้วงการแก้กฎหมาย พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่
ที่ จ.อุตรดิตถ์ บริเวณหน้าศาลากลาง จ.อุตรดิตถ์ นายไพฑูรย์ พรหมน้อย นายกสมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จ.อุตรดิตถ์ พร้อมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กว่า 2,000 คน เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านเช่นกัน
ที่จ.นครราชสีมา บรรดากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเครือข่ายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตัวแทนจาก 32 อำเภอของ จ.นครราชสีมา ได้ยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าฯ นครราชสีมา คัดค้านการเสนอร่างกฎหมายแก้ไข พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่
ที่จ.นครศรีธรรมราช ชมรมกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน จ.นครศรีธรรมราช รวมตัวกันคัดค้านการแก้ไข พ.ร.บ.ฉบับนี้เหมือนเช่นหลายๆ จังหวัด
ที่จ.ตรัง บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด นายชะเอม ดำจุติ ประธานชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จ.ตรัง พร้อมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จาก 10 อำเภอ กว่า 500 คน ชุมนุมและยื่นหนังสือคัดค้าน
ภาพเหล่านี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งในรัฐบาลยิ่งอัปลักษณ์ 3 !!