ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ในที่สุด"อาจารย์หนู กันภัย" อาจารย์สักยันต์ชื่อดัง ก็ถูกร้องเรียนต่อดีเอสไอ ให้เข้ามาตรวจสอบ คลี่คลายในข้อหายักยอกเงินบริจาคสร้างหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก
อาจารย์หนู มีชื่อเสียงโด่งดังจากการสัก"ยันต์ 5 แถว" ที่มีการโฆษณาว่า เป็นยันต์เสริมดวง เสริมบารมี เมตตามหานิยม ทำมาค้าคล่อง ป้องกันคุณไสย ขับไล่ภูตผีปีศาจ พุทธคุณครอบจักรวาล
อาจารย์หนู ใช้ช่องทางการประชาสัมพันธ์ ทั้งทางปากต่อปาก สื่อต่างๆ เว็บไซต์ และทีวีผ่านดาวเทียม ทำให้มีลูกค้า ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เดินทางมาจ้าง ให้สักยันต์ให้ ในจำนวนนี้ก็มีดาราฮอลลีวูด "แองเจลินา โจลี" มาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วย ทำให้กลุ่มศิลปิน ดารา ตลกในเมืองไทย แห่ไปสักยันต์ 5 แถวกันแทบทั้งนั้น ไปเปิดหลังพิสูจน์ดูได้
ต่อมาอาจารย์หนู ได้แตกไลน์สินค้า จากการสักยันต์ 5 แถว เพิ่มเป็นยันต์ฉัตรเพชร ยันต์ดวงประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพาน ยันต์พระพุทธเจ้าชนะมาร และยังมีการสร้างเหรีญที่เป็นยันต์ต่างๆที่กล่าวมา รวมทั้งวัตถุมงคลอื่นๆอีกหลายอย่าง สำหรับผู้ที่ไม่อยากลงเข็มสักให้เจ็บตัว
เมื่อมีชื่อเสียงโด่งดัง ลูกศิษย์ลูกหามากมาย อาจารย์หนูก็คิดการใหญ่ เชิญชวนให้ลูกศิษย์ลูกหา ประชาชนทั่วไป มาร่วมกันเช่าบูชาวัตถุมงคล เพื่อสร้าง"หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก" มูลค่า 300 ล้านบาท ที่วัดแม่ตะไคร้ ต.ทาเหนือ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่
การดำเนินการสร้างหลวงปู่ทวดคืบหน้าไปได้ไม่เท่าไร และแล้ว พระใบฎีกาเทียนชัย สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ ก็เข้าร้องเรียนต่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ เมื่อเช้าวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ขอให้ทำการตรวจสอบเงินบริจาค ทำบุญสร้างองค์หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มียอดเงินทำบุญของประชาชนกว่า 300 ล้านบาท เนื่องจากทางวัดยังไม่เคยได้รับเงินจำนวนดังกล่าวเลย
เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ บอกว่า ทางวัดได้เริ่มก่อสร้างอุทยานหลวงปู่ทวด และหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งแต่ ปี 2551 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีอาจารย์หนูกันภัย เป็นประธานในการจัดสร้าง โดยอาศัยชื่อวัดแม่ตะไคร้ ระหว่างนั้นก็มีประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบริจาค เช่าบูชาวัตถุมงคลของอาจารย์หนู เป็นจำนวนมาก แต่ทางวัดไม่ได้เป็นผู้รับเงิน หรือเก็บเงิน แต่อย่างใด เงินทั้งหมดอยู่กับอาจารย์หนู เพียงผู้เดียว และที่ผ่านมา อาจารย์หนู ได้นำเงินมามอบให้ทางวัดเพียง 15 ล้านบาทเท่านั้น
และทราบว่า เงินบริจาคจำนวน300 ล้านบาทนั้น ได้นำไปซื้อบ้าน ที่ดิน คอนโดมิเนียม รถยนต์หรู โดยใช้ชื่อคนใกล้ชิด ทั้งภรรยา น้องชาย และ ลูกชาย ของอาจารย์หนู เป็นผู้ถือครอง จึงขอให้ ดีเอสไอ เข้าไปตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย
"เงินทองเป็นของบาดใจ" ไม่ว่า พระ เถร เณรชี ผู้ทรงศีล หรืออาจารย์สัก จะผิดใจกันได้ตลอดเวลา เมื่อ"ความโลภ"เข้ามาครอบงำ