ASTVผู้จัดการรายวัน - ประธานบริษัทโอม มหารวย จำกัด พร้อมกรรมการบริษัทแถลงยืนยัน อ.หนู กันภัย ไม่ได้อมเงินบริจาควัดแม่ตะไคร้ จำนวน 300 ล้านบาทชี้มีใบเสร็จหลักฐานการมอบเงินโต้เป็นประเด็นส่วนตัวเจ้าอาวาส - อ.หนูทะเลาะกันเป็นประจำจนเกิดเรื่อง พร้อมขอให้ทั้งสองฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ยืนยันพร้อมสนับสนุนจัดสร้างองค์หลวงปู่ทวดให้แล้วเสร็จทัน 3 มี.ค.ปีหน้า
วันนี้ (30 ต.ค.) เวลา 10.00 น. ที่บริษัทโอม มหารวย จำกัด นายภุชงค์ สิริธัญผล ประธานบริษัทโอม มหารวย พร้อมกรรมการผู้จัดการบริษัท เปิดแถลงข่าวชี้แจงกรณีที่ พระใบฎีกาเทียนชัย สุภัทโท หรือ หลวงพ่อเทียนชัย เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ทำการตรวจสอบนายสมพงษ์ กันภัย หรือ อาจารย์หนู กันภัย เจ้าสำนักสักยันต์ชื่อดัง ฐานยักยอกเงินบริจาคบูชาวัตถุมงคล ที่นำมาสร้างพระหลวงปู่ทวด มูลค่า 300 ล้านบาท
นายภุชงค์ กล่าวว่า เมื่อปี 2552 ทางบริษัทได้รับการติดต่อจากอาจารย์หนู ให้ช่วยประชาสัมพันธ์วัตถุมงคล เพื่อหารายได้สมทบทุนสร้างหลวงปู่ทวดที่วัดแม่ตะไคร้ ซึ่งตอนแรกตนปฏิเสธไป แต่ต่อมาได้คุยกับกรรมการของบริษัทเห็นพ้องว่าเป็นเรื่องดี จึงตกลงกับอาจารย์หนู ที่จะนำเหรียญยันต์ 5 แถว รุ่น1 ของอาจารย์หนูไปประชาสัมพันธ์ผ่านทางช่องรายการของบริษัทตน เพื่อให้คนเช่าบูชาในราคาเหรียญละ 999 บาท โดยแบ่งเงินให้อาจารย์หนู 500 และหักเข้าบริษัท 499 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการโฆษณา แต่ต่อมาทางบริษัทประสบปัญหาทางเศรษฐกิจทั้งการชุมนุมของกลุ่มต่างๆและน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ทำให้ต้องขอปรับลดส่วนแบ่งอาจารย์หนูจาก 500 เหลือ 300 บาท เนื่องจากมีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ส่วนอาจารย์หนูจะนำเงินไปแบ่งให้วัดแม่ตะไคร้ ในการสร้างหลวงปู่ทวดจำนวนเท่าไหร่นั้นไม่เกี่ยวบริษัทตน นอกจากนี้ทางบริษัทยังได้นำวัตถุมงคลของทางวัดแม่ตะไคร้ประชาสัมพันธ์ผ่านทางบริษัทเพื่อให้คนเช่าบูชาในราคาเหรียญละ 300 บาท และนำเงินมอบให้กับทางวัดอีกด้วย
ต่อมาปี 2554 ตนได้สอบถามอาจารย์หนูถึงความคืบหน้าการสร้างหลวงปู่ทวด แต่ได้รับคำตอบว่ายังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร เนื่องจากหลวงพ่อเทียนชัยได้นำเงินที่บริจาคไปก่อสร้างอย่างอื่น และพบว่ายังประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจารย์หนูจึงหยุดให้เงินหลวงพ่อเทียนชัย โดยอาจารย์หนูได้นำเงินไปมอบให้ผู้ควบคุมการก่อสร้างแทน ซึ่งมีการทำสัญญาในการก่อสร้างเสร็จสิ้นภายในวันที่ 3 มีนาคม 2556 จากนั้นหลวงพ่อเทียนชัยได้บอกกับตนว่าขาดเงินอีกประมาณ 6 ล้านบาท ในการสร้างฐานของหลวงปู่ทวด ซึ่งตนก็บริจาคเงินให้ไป 6 ล้านบาท และทางช่างก็ยืนยันว่าจะสามารถสร้างเสร็จสิ้นตามกำหนด แต่ระหว่างนั้นตนทราบว่าระหว่างอาจารย์หนูและหลวงพ่อเทียนชัย มีปัญหากันมาโดยตลอดจึงทำให้การก่อสร้างไม่คืบหน้า
นายภุชงค์ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน ทางบริษัทได้มอบเงินจากการให้เช่าวัตถุมงคล เพื่อร่วมทำบุญในการสร้างหลวงปู่ทวดให้กับอาจารย์หนูรวมทั้งสิ้นประมาณ 90 ล้านบาท และมอบเงินบริจาคให้แก่วัดแม่ตะไคร้รวมทั้งสิ้นประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งหากรวมเงินจำนวนดังกล่าวนั้นเท่ากับประมาณ 110 ล้านบาทเท่านั้น โดยทางบริษัทมีเอกสารหลักฐานยืนยันการสั่งจ่ายเงินอย่างชัดเจน ยืนยันว่าเงินบริจาค 300 ล้านบาทที่หลวงพ่อเทียนชัยอ้างว่าถูกโกงนั้นไม่เป็นความจริง เพราะว่าเงิน 300 ล้านบาทไม่มีตัวตนอยู่จริงอย่างที่เป็นข่าว และอาจารย์หนูจะไปอมเงินได้อย่างไรในเมื่อเงินที่ได้นั้นมาจากวัตถุมงคลของอาจารย์หนูเอง ซึ่งการก่อสร้างหลวงปู่ทวดในครั้งนี้ทางบริษัทไม่ได้มีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรกับทางวัด เพราะอาจารย์หนูเป็นประธานในการก่อสร้างไม่ใช่ทางบริษัทของตน แต่บริษัทตนเป็นเพียงผู้ประชาสัมพันธ์เพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จ ส่วนของอาจารย์หนูก็ไม่ได้มีการทำสัญญากับวัดเช่นเดียวกันแต่ทำสัญญากับผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยในส่วนของบริษัทตนกับทางวัดมีเพียงสัญญาใจกันเท่านั้น
“เงิน 300 ล้านบาท ไม่มีตัวตนจริงอย่างที่เป็นข่าว เพราะเงินที่ทางบริษัทมอบให้กับทั้งอาจารย์หนูและทางวัดแม่ตะไคร้เพียงแค่ 110 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งไม่ถึง 300 ล้านบาท และสอบถามทางผู้รับเหมาก่อสร้างประเมินมูลค่าการก่อสร้างองค์พระหลวงปู่ทวดรวมทั้งฐานพระไว้ที่ประมาณ 30 ล้านบาท และจากการสอบถามอาจารย์หนูก็บอกว่าได้มอบเงินให้กับทางวัดไปแล้วประมาณ 30 ล้านบาทพอดี ส่วนที่การก่อสร้างไม่คืบหน้าก็เพราะว่าทั้งอาจารย์หนูและหลวงพ่อเทียนชัยทะเลาะกันเองและมีปัญหากันบ่อยมาก” นายภุชงค์ กล่าว
นายภุชงค์ ยังกล่าวยืนยันอีกว่า ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นก็ตาม ตนก็จะร่วมสมทบทุนสร้างหลวงปู่ทวดให้แล้วเสร็จตามกำหนดในวันที่ 3 มี.ค. ปีหน้า ให้ได้ อย่างไรก็ตามตนอยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายให้อภัยซึ่งกันและกัน และร่วมมือกันสร้างหลวงปู่ทวดให้เสร็จสิ้นตามกำหนด
วันนี้ (30 ต.ค.) เวลา 10.00 น. ที่บริษัทโอม มหารวย จำกัด นายภุชงค์ สิริธัญผล ประธานบริษัทโอม มหารวย พร้อมกรรมการผู้จัดการบริษัท เปิดแถลงข่าวชี้แจงกรณีที่ พระใบฎีกาเทียนชัย สุภัทโท หรือ หลวงพ่อเทียนชัย เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ทำการตรวจสอบนายสมพงษ์ กันภัย หรือ อาจารย์หนู กันภัย เจ้าสำนักสักยันต์ชื่อดัง ฐานยักยอกเงินบริจาคบูชาวัตถุมงคล ที่นำมาสร้างพระหลวงปู่ทวด มูลค่า 300 ล้านบาท
นายภุชงค์ กล่าวว่า เมื่อปี 2552 ทางบริษัทได้รับการติดต่อจากอาจารย์หนู ให้ช่วยประชาสัมพันธ์วัตถุมงคล เพื่อหารายได้สมทบทุนสร้างหลวงปู่ทวดที่วัดแม่ตะไคร้ ซึ่งตอนแรกตนปฏิเสธไป แต่ต่อมาได้คุยกับกรรมการของบริษัทเห็นพ้องว่าเป็นเรื่องดี จึงตกลงกับอาจารย์หนู ที่จะนำเหรียญยันต์ 5 แถว รุ่น1 ของอาจารย์หนูไปประชาสัมพันธ์ผ่านทางช่องรายการของบริษัทตน เพื่อให้คนเช่าบูชาในราคาเหรียญละ 999 บาท โดยแบ่งเงินให้อาจารย์หนู 500 และหักเข้าบริษัท 499 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการโฆษณา แต่ต่อมาทางบริษัทประสบปัญหาทางเศรษฐกิจทั้งการชุมนุมของกลุ่มต่างๆและน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ทำให้ต้องขอปรับลดส่วนแบ่งอาจารย์หนูจาก 500 เหลือ 300 บาท เนื่องจากมีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ส่วนอาจารย์หนูจะนำเงินไปแบ่งให้วัดแม่ตะไคร้ ในการสร้างหลวงปู่ทวดจำนวนเท่าไหร่นั้นไม่เกี่ยวบริษัทตน นอกจากนี้ทางบริษัทยังได้นำวัตถุมงคลของทางวัดแม่ตะไคร้ประชาสัมพันธ์ผ่านทางบริษัทเพื่อให้คนเช่าบูชาในราคาเหรียญละ 300 บาท และนำเงินมอบให้กับทางวัดอีกด้วย
ต่อมาปี 2554 ตนได้สอบถามอาจารย์หนูถึงความคืบหน้าการสร้างหลวงปู่ทวด แต่ได้รับคำตอบว่ายังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร เนื่องจากหลวงพ่อเทียนชัยได้นำเงินที่บริจาคไปก่อสร้างอย่างอื่น และพบว่ายังประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจารย์หนูจึงหยุดให้เงินหลวงพ่อเทียนชัย โดยอาจารย์หนูได้นำเงินไปมอบให้ผู้ควบคุมการก่อสร้างแทน ซึ่งมีการทำสัญญาในการก่อสร้างเสร็จสิ้นภายในวันที่ 3 มีนาคม 2556 จากนั้นหลวงพ่อเทียนชัยได้บอกกับตนว่าขาดเงินอีกประมาณ 6 ล้านบาท ในการสร้างฐานของหลวงปู่ทวด ซึ่งตนก็บริจาคเงินให้ไป 6 ล้านบาท และทางช่างก็ยืนยันว่าจะสามารถสร้างเสร็จสิ้นตามกำหนด แต่ระหว่างนั้นตนทราบว่าระหว่างอาจารย์หนูและหลวงพ่อเทียนชัย มีปัญหากันมาโดยตลอดจึงทำให้การก่อสร้างไม่คืบหน้า
นายภุชงค์ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน ทางบริษัทได้มอบเงินจากการให้เช่าวัตถุมงคล เพื่อร่วมทำบุญในการสร้างหลวงปู่ทวดให้กับอาจารย์หนูรวมทั้งสิ้นประมาณ 90 ล้านบาท และมอบเงินบริจาคให้แก่วัดแม่ตะไคร้รวมทั้งสิ้นประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งหากรวมเงินจำนวนดังกล่าวนั้นเท่ากับประมาณ 110 ล้านบาทเท่านั้น โดยทางบริษัทมีเอกสารหลักฐานยืนยันการสั่งจ่ายเงินอย่างชัดเจน ยืนยันว่าเงินบริจาค 300 ล้านบาทที่หลวงพ่อเทียนชัยอ้างว่าถูกโกงนั้นไม่เป็นความจริง เพราะว่าเงิน 300 ล้านบาทไม่มีตัวตนอยู่จริงอย่างที่เป็นข่าว และอาจารย์หนูจะไปอมเงินได้อย่างไรในเมื่อเงินที่ได้นั้นมาจากวัตถุมงคลของอาจารย์หนูเอง ซึ่งการก่อสร้างหลวงปู่ทวดในครั้งนี้ทางบริษัทไม่ได้มีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรกับทางวัด เพราะอาจารย์หนูเป็นประธานในการก่อสร้างไม่ใช่ทางบริษัทของตน แต่บริษัทตนเป็นเพียงผู้ประชาสัมพันธ์เพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จ ส่วนของอาจารย์หนูก็ไม่ได้มีการทำสัญญากับวัดเช่นเดียวกันแต่ทำสัญญากับผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยในส่วนของบริษัทตนกับทางวัดมีเพียงสัญญาใจกันเท่านั้น
“เงิน 300 ล้านบาท ไม่มีตัวตนจริงอย่างที่เป็นข่าว เพราะเงินที่ทางบริษัทมอบให้กับทั้งอาจารย์หนูและทางวัดแม่ตะไคร้เพียงแค่ 110 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งไม่ถึง 300 ล้านบาท และสอบถามทางผู้รับเหมาก่อสร้างประเมินมูลค่าการก่อสร้างองค์พระหลวงปู่ทวดรวมทั้งฐานพระไว้ที่ประมาณ 30 ล้านบาท และจากการสอบถามอาจารย์หนูก็บอกว่าได้มอบเงินให้กับทางวัดไปแล้วประมาณ 30 ล้านบาทพอดี ส่วนที่การก่อสร้างไม่คืบหน้าก็เพราะว่าทั้งอาจารย์หนูและหลวงพ่อเทียนชัยทะเลาะกันเองและมีปัญหากันบ่อยมาก” นายภุชงค์ กล่าว
นายภุชงค์ ยังกล่าวยืนยันอีกว่า ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นก็ตาม ตนก็จะร่วมสมทบทุนสร้างหลวงปู่ทวดให้แล้วเสร็จตามกำหนดในวันที่ 3 มี.ค. ปีหน้า ให้ได้ อย่างไรก็ตามตนอยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายให้อภัยซึ่งกันและกัน และร่วมมือกันสร้างหลวงปู่ทวดให้เสร็จสิ้นตามกำหนด