** กว่า 1 ปีที่ระเทศไทยอยู่ภายใต้การบริหารงานของ นางสาวยิ่งลักษณ์? ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากแรกเริ่มที่ผู้คนตั้งความหวังกับคำพูดสวยหรูว่า
“จะเดินหน้าสู่การปรองดอง จะแก้ไขไม่แก้แค้น จะไม่ทำเพื่อคน ๆ เดียวแต่จะเป็นนายกฯของประชาชนทุกคน”
แต่ผลงานจากการพูดผิด พูดถูก ยิ้มสวย จิกตาใส่กล้อง ทำท่าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องราวที่เป็นประเด็นสาหัสของชาติ ลอยตัวอยู่เหนือปัญหาทุกอย่าง แต่ใช้อำนาจรัฐเต็มที่เปิดช่องย่ำยีบ้านเมือง ไม่เคารพกฎหมาย ส่อทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม มองข้ามศีลธรรม สร้างค่านิยมทางที่ผิด ยิ่งทำดี ยิ่งโดนรังแก
สภาพสังคมของเราในวันนี้ จึงไม่ใช่เรื่องการต่อสู้ระหว่างคนเกลียดทักษิณกับคนรักทักษิณไม่ใช่เรื่องการต่อสู้ระหว่างชนชั้น ไม่ใช่เรื่องการต่อสู้ระหว่างความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน
เพราะถ้าการต่อสู้ทั้งหมดที่กล่าวในข้างต้นอยู่บนพื้นฐานของคนดีสู้กัน เหตุร้ายย่อมไม่มี ความสูญเสียย่อมไม่เกิด เพราะความยับยั้งชั่งใจจะทำให้มีความยั้งคิด ใครจะทำผิดก็จะมีความละอายต่อบาป ใครคิดทำชั่วจนเกิดเหตุร้ายในบ้านเมืองย่อมลังเลที่จะทำลายบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง
แต่เพราะวันนี้สังคมไทยกำลังถูกท้าทายอย่างรุนแรงหนักหน่วงระหว่างอำนาจฝ่ายดีและอำนาจฝ่ายต่ำ ความดีกับความชั่ว ศีลธรรมกับกิเลส การเปลี่ยนผ่านในช่วงเวลานี้จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่ออนาคตบ้านเมืองของเราว่าจะเดินไปในทิศทางไหน
ถ้าอำนาจฝายต่ำชนะ ความชั่วครอบงำ กิเลสเต็มบ้านเต็มเมือง ผู้คนไม่สนใจจริยธรรม คนรุ่นเราก็คือส่วนหนึ่งที่ทำให้ความดีในชาตินี้ล่มสลาย เพราะต่างก็นิ่งดูดายจนสังคมถูกกัดกร่อนกินลึกเกือบจะถึงกระดูกที่เป็นโครงสร้างของชาติอยู่แล้ว
เราปล่อยให้นายกรัฐมนตรีโกหกทุกวัน เราปล่อยให้รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้โกหกทุกวันเราปล่อยให้รัฐบาลชุดนี้สร้างค่านิยมว่าจริยธรรมไร้ความหมาย ความละอายไม่ใช่เรื่องที่ต้องคำนึงถึง
**เราปล่อยให้นักเล่าข่าวชื่อดังมีที่ยืนในสังคม ทั้งที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลว่า ทุจริตยักยอกเงิน อสมท.138 ล้าน โดยที่มีคนไทยส่วนหนึ่งสนับสนุนให้กำลังใจว่า “ไม่ต้องแคร์เพราะเคยทำความดีให้กับสังคม”
บ้านเมืองของเรามาถึงจุดที่แยกแยะไม่ออกระหว่างความดี ความชั่ว แยกแยะไม่ออกระหว่างความถูกใจ กับ ความถูกต้อง
แยกแยะไม่ออกระหว่างการรักษากฎหมาย กับ การทำความดีว่าเป็นคนละเรื่องคนมีคนดีไม่น้อยที่พลาดทำผิดกฎหมาย แต่ไม่เคยมีสังคมไหนอนุญาตให้คนดีมีอภิสิทธิเหนือคนอื่นด้วยการทำผิดกฎหมายได้
**สิ่งเดียวที่จะยึดเหนี่ยวประเทศไทยในวันนี้ได้ คงต้องขอพึ่งธรรมมะของท่านพุทธทาสจาก หนังสือธรรมสากัจฉา ระหว่างพุทธทาสกับคึกฤทธิ์ (พ.ศ.2515) ท่านพุทธทาส ความว่า
“ทุกศาสนาล้วนแต่มีธรรมะเป็นเนื้อใน ซึ่งถ้านำออกมาใช้ได้ก็จะแก้ไขวิกฤตการณ์ของโลกได้ การทำให้โลกมีศาสนาเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งแห่งยุคปัจจุบัน ศาสนิกของแต่ละศาสนาจะต้องเข้าถึงแก่นแท้แห่งศาสนาของตนๆ จึงจะร่วมมือกันช่วยโลกได้
สิ่งที่ต้องระมัดระวัง ตั้งข้อสังเกตเป็นพิเศษอย่างหนึ่งก็คือ เรากำลังทำกันได้แต่เพียงรู้ธรรมะ แต่ไม่มีธรรมะ ยังไม่มีธรรมะใช้ในการแก้ปัญหานั้นๆ อย่างเพียงพอ เราไม่บังคับตัวเองให้มีธรรมะอย่างที่เราได้เรียนรู้ เรายังไม่ละอายในการที่เราไม่มีธรรมะ เรายังไม่กลัวอันตรายอันเกิดขึ้นจากการที่เราไม่มีธรรมะ
การศึกษาระบบ “สุนัขหางด้วน” แห่งโลกยุคปัจจุบันนั้น นอกจากไม่สอนธรรมะ มัวแต่สอนหนังสือกับวิชาชีพแล้ว ยังสอนไปในทางไม่ให้บังคับตัวเองด้วย โดยถือว่าเป็นการเสียอิสรภาพและผิดหลักจิตวิทยา พลโลกยุคปัจจุบันจึงอยู่ในฐานะที่ยากที่จะมีธรรมะมากยิ่งขึ้นทุกที เพราะหลงมีรสนิยมแห่งการตามใจตัวเอง อันเป็นข้าศึกต่อธรรมะ
คนในยุคปัจจุบันบูชาความอร่อยทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แทนการบูชาพระเจ้า โลกจึงอัดแออยู่ด้วยเหยื่อกามารมณ์ และวิธีการบริโภคกามารมณ์อย่างวิปริตวิตถารชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน”
ตามด้วยบทกลอนธรรมมะของท่านพุทธทาสเตือนสติคนไทยว่า “ถ้าศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ”
ถ้าศีลธรรม ไม่กลับมา โลกาวินาศ มนุษย์ชาติ จะเลวร้ายกว่า เดรัจฉาน
มั่วหลงเรื่อง กินกามเกียรติ เกลียดนิพพาน ล้วนดื้อด้าน ไม่เหนี่ยวรั้ง บังคับใจ
อาชญากรรม เกิดกระหน่ำ ลงในโลก มีเลือดโชก แดงฉาน แล้วซ่านไหล
เพราะบ้ากิน บ้ากาม ทรามเกินไป บ้าเกียรติก็ พอไม่ได้ ให้เมาตน
อยากครองเมือง ครองโลก โยกกันใหญ่ ไม่มีใคร เมตตาใคร ให้สับสน
ขอศีลธรรม ได้กลับมา พาหมู่คน ให้ผ่านพ้น วิกฤตการณ์ ทันเวลา
**ศีลธรรมจะกลับมาทันเวลาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคนไทยทุกคน !
“จะเดินหน้าสู่การปรองดอง จะแก้ไขไม่แก้แค้น จะไม่ทำเพื่อคน ๆ เดียวแต่จะเป็นนายกฯของประชาชนทุกคน”
แต่ผลงานจากการพูดผิด พูดถูก ยิ้มสวย จิกตาใส่กล้อง ทำท่าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องราวที่เป็นประเด็นสาหัสของชาติ ลอยตัวอยู่เหนือปัญหาทุกอย่าง แต่ใช้อำนาจรัฐเต็มที่เปิดช่องย่ำยีบ้านเมือง ไม่เคารพกฎหมาย ส่อทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม มองข้ามศีลธรรม สร้างค่านิยมทางที่ผิด ยิ่งทำดี ยิ่งโดนรังแก
สภาพสังคมของเราในวันนี้ จึงไม่ใช่เรื่องการต่อสู้ระหว่างคนเกลียดทักษิณกับคนรักทักษิณไม่ใช่เรื่องการต่อสู้ระหว่างชนชั้น ไม่ใช่เรื่องการต่อสู้ระหว่างความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน
เพราะถ้าการต่อสู้ทั้งหมดที่กล่าวในข้างต้นอยู่บนพื้นฐานของคนดีสู้กัน เหตุร้ายย่อมไม่มี ความสูญเสียย่อมไม่เกิด เพราะความยับยั้งชั่งใจจะทำให้มีความยั้งคิด ใครจะทำผิดก็จะมีความละอายต่อบาป ใครคิดทำชั่วจนเกิดเหตุร้ายในบ้านเมืองย่อมลังเลที่จะทำลายบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง
แต่เพราะวันนี้สังคมไทยกำลังถูกท้าทายอย่างรุนแรงหนักหน่วงระหว่างอำนาจฝ่ายดีและอำนาจฝ่ายต่ำ ความดีกับความชั่ว ศีลธรรมกับกิเลส การเปลี่ยนผ่านในช่วงเวลานี้จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่ออนาคตบ้านเมืองของเราว่าจะเดินไปในทิศทางไหน
ถ้าอำนาจฝายต่ำชนะ ความชั่วครอบงำ กิเลสเต็มบ้านเต็มเมือง ผู้คนไม่สนใจจริยธรรม คนรุ่นเราก็คือส่วนหนึ่งที่ทำให้ความดีในชาตินี้ล่มสลาย เพราะต่างก็นิ่งดูดายจนสังคมถูกกัดกร่อนกินลึกเกือบจะถึงกระดูกที่เป็นโครงสร้างของชาติอยู่แล้ว
เราปล่อยให้นายกรัฐมนตรีโกหกทุกวัน เราปล่อยให้รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้โกหกทุกวันเราปล่อยให้รัฐบาลชุดนี้สร้างค่านิยมว่าจริยธรรมไร้ความหมาย ความละอายไม่ใช่เรื่องที่ต้องคำนึงถึง
**เราปล่อยให้นักเล่าข่าวชื่อดังมีที่ยืนในสังคม ทั้งที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลว่า ทุจริตยักยอกเงิน อสมท.138 ล้าน โดยที่มีคนไทยส่วนหนึ่งสนับสนุนให้กำลังใจว่า “ไม่ต้องแคร์เพราะเคยทำความดีให้กับสังคม”
บ้านเมืองของเรามาถึงจุดที่แยกแยะไม่ออกระหว่างความดี ความชั่ว แยกแยะไม่ออกระหว่างความถูกใจ กับ ความถูกต้อง
แยกแยะไม่ออกระหว่างการรักษากฎหมาย กับ การทำความดีว่าเป็นคนละเรื่องคนมีคนดีไม่น้อยที่พลาดทำผิดกฎหมาย แต่ไม่เคยมีสังคมไหนอนุญาตให้คนดีมีอภิสิทธิเหนือคนอื่นด้วยการทำผิดกฎหมายได้
**สิ่งเดียวที่จะยึดเหนี่ยวประเทศไทยในวันนี้ได้ คงต้องขอพึ่งธรรมมะของท่านพุทธทาสจาก หนังสือธรรมสากัจฉา ระหว่างพุทธทาสกับคึกฤทธิ์ (พ.ศ.2515) ท่านพุทธทาส ความว่า
“ทุกศาสนาล้วนแต่มีธรรมะเป็นเนื้อใน ซึ่งถ้านำออกมาใช้ได้ก็จะแก้ไขวิกฤตการณ์ของโลกได้ การทำให้โลกมีศาสนาเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งแห่งยุคปัจจุบัน ศาสนิกของแต่ละศาสนาจะต้องเข้าถึงแก่นแท้แห่งศาสนาของตนๆ จึงจะร่วมมือกันช่วยโลกได้
สิ่งที่ต้องระมัดระวัง ตั้งข้อสังเกตเป็นพิเศษอย่างหนึ่งก็คือ เรากำลังทำกันได้แต่เพียงรู้ธรรมะ แต่ไม่มีธรรมะ ยังไม่มีธรรมะใช้ในการแก้ปัญหานั้นๆ อย่างเพียงพอ เราไม่บังคับตัวเองให้มีธรรมะอย่างที่เราได้เรียนรู้ เรายังไม่ละอายในการที่เราไม่มีธรรมะ เรายังไม่กลัวอันตรายอันเกิดขึ้นจากการที่เราไม่มีธรรมะ
การศึกษาระบบ “สุนัขหางด้วน” แห่งโลกยุคปัจจุบันนั้น นอกจากไม่สอนธรรมะ มัวแต่สอนหนังสือกับวิชาชีพแล้ว ยังสอนไปในทางไม่ให้บังคับตัวเองด้วย โดยถือว่าเป็นการเสียอิสรภาพและผิดหลักจิตวิทยา พลโลกยุคปัจจุบันจึงอยู่ในฐานะที่ยากที่จะมีธรรมะมากยิ่งขึ้นทุกที เพราะหลงมีรสนิยมแห่งการตามใจตัวเอง อันเป็นข้าศึกต่อธรรมะ
คนในยุคปัจจุบันบูชาความอร่อยทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แทนการบูชาพระเจ้า โลกจึงอัดแออยู่ด้วยเหยื่อกามารมณ์ และวิธีการบริโภคกามารมณ์อย่างวิปริตวิตถารชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน”
ตามด้วยบทกลอนธรรมมะของท่านพุทธทาสเตือนสติคนไทยว่า “ถ้าศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ”
ถ้าศีลธรรม ไม่กลับมา โลกาวินาศ มนุษย์ชาติ จะเลวร้ายกว่า เดรัจฉาน
มั่วหลงเรื่อง กินกามเกียรติ เกลียดนิพพาน ล้วนดื้อด้าน ไม่เหนี่ยวรั้ง บังคับใจ
อาชญากรรม เกิดกระหน่ำ ลงในโลก มีเลือดโชก แดงฉาน แล้วซ่านไหล
เพราะบ้ากิน บ้ากาม ทรามเกินไป บ้าเกียรติก็ พอไม่ได้ ให้เมาตน
อยากครองเมือง ครองโลก โยกกันใหญ่ ไม่มีใคร เมตตาใคร ให้สับสน
ขอศีลธรรม ได้กลับมา พาหมู่คน ให้ผ่านพ้น วิกฤตการณ์ ทันเวลา
**ศีลธรรมจะกลับมาทันเวลาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคนไทยทุกคน !