นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ถามกระทู้สด ถามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องการบังคับใช้กฎหมายกรณีการออกหมายจับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศพยายามบิดเบือนกฎหมาย และเลือกปฏิบัติแก่ฝ่ายตรงข้าม ไม่ยอมดำเนินการทางกฎหมายแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งที่หมายจับของศาลในหลายคดี ได้แก่ คดีเอ็กซิมแบงก์ ปล่อยกู้ให้ประเทศพม่า แปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต คดีหวยบนดิน คดีก่อการร้าย คดีที่ดินรัชดาฯ และคดีให้ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้แก่ บริษัท มหาชน โดยในสำนวนมีการระบุว่า อดีตนายกฯเข้าไปบังคับให้ธนาคารปล่อยกู้ รวมทั้งยังมีคนอายุน้อยเข้าไปเกี่ยวข้องกับเงิน 26 ล้านบาท และ ร.ต.อ.เฉลิม ยังบอกว่า คดีดังกล่าวที่เกิดจากออกหมายจับของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งไม่เกี่ยวกับการรัฐประหารด้วย อยากถามว่า รัฐบาลเคารพคำตัดสินของศาลหรือไม่
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีอำนาจอนุมัติเงินปล่อยกู้เป็นเรื่องของบอร์ดของธนาคารกรุงไทย และตนก็ยืนยันว่า ไม่ยอมรับอำนาจรัฐประหาร โดยเฉพาะการตรวจสอบคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณที่เกิดขึ้นจากคณะกรรมการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน (คตส.) ที่เกิดจากรัฐธรรมนูญปี 50 ซึ่งถือเป็นต้นไม้พิษ ผลไม้ก็ต้องเป็นพิษ และเรื่องนี้เป็นความพยายามที่ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าสู่การพิจารณาของศาลอาญาแผนกคดีอาญาของนักการเมือง เพราะเป็นการตัดสินเพียงศาลเดียว ไม่สอดคล้องกับกฎบัตรประชาชาติ มีเพียงประเทศไทยเท่านั้น ดังนั้นหากมีโอกาสแก้รัฐธรรมนูญ จะแก้ไขให้พิจารณาคดีของนักการเมืองให้กลับมาใช้ 3ศาล
ร.ต.อ.เฉลิม ยืนยันว่า คดีความต่างๆ เป็นเรื่องของคตส. ป.ป.ช. สำนักงานอัยการสูงสุด และศาล ซึ่งรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีอำนาจ ร่วมทั้งการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ตามหมายจับก็เป็นเรื่องสำนักคดีต่างประเทศ และสำนักงานอัยการสูงสุด และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การส่งผู้ตัวร้ายข้ามแดน จะต้องมีสนธิสัญญาระหว่าง 2 ประเทศ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง และถือเป็นความผิดของ 2 ประเทศ ส่วนคดีที่ดินรัชดาไม่มีที่ไหนในโลกที่ ภรรยาซื้อที่ดิน และสามีมารับผิด มีแห่งเดียวในประเทศไทยนี้เท่านั้น
ด้านนายสาธิต กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม ชอบอ้างเรื่องผลไม้พิษ จึงอยากบอกว่า ร.ต.อ.เฉลิม ก็เป็นรองนายกฯพิษ เพราะเกิดจากรัฐธรรมนูญดังกล่าวเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แม้คดีต่างๆ มีหลักเกณฑ์บังคับ แต่คดีก่อการร้าย ประเทศไทยก็มีกฎหมายก่อการร้ายสามารถดำเนินการได้ทันที และอยากถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม ไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ฮ่องกง พูดอะไร และเคยบอกให้กลับมาสู้คดีหรือไม่
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ถ้านายสาธิต แน่จริง และมีหลักฐานต้องพูดออกมา อย่าพูดคลุมเครือ ตนไปเจอ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไหนคุยอะไร ไม่จำเป็นต้องมาบอก เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าไม่พอใจก็ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจเลย เรื่องคดีบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องจะขยายผลอย่างไรตนไม่ขยาย เพราะไม่ใช่หน้าที่ เพราะที่มาของคดีมาจากคณะปฏิวัติ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล
ส่วนกรณีที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ก่อการก่อร้ายนั้น ขอให้ดูกฎหมายให้ครบถ้วน เพราะมีข้อยกเว้นว่า ไม่สามารถดำเนินคดีกับผู้ที่มาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยได้
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ลุกขึ้นแย้งว่า ร.ต.อ.เฉลิม พูดความจริงไม่หมด เพราะศาลได้วินิจฉัยว่า การชุมนุมทางการเมืองในปี 53 ผิดกฎหมาย และขัดต่อหลักรัฐธรรมนูญ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง จึงอยากสร้างความเข้าใจให้ตรงกัน ไม่ใช่ต้องการแต่จะปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณอย่างเดียว ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม ก็ระบุว่า ตนไม่เคยอ่านว่าศาลมีคำวินิจฉัยแบบนั้น ทราบแต่เพียงว่าอยู่ในชั้นพิจารณาของศาล ฝ่ายค้านยังไม่นอนก็หลับฝันไปแล้ว
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีอำนาจอนุมัติเงินปล่อยกู้เป็นเรื่องของบอร์ดของธนาคารกรุงไทย และตนก็ยืนยันว่า ไม่ยอมรับอำนาจรัฐประหาร โดยเฉพาะการตรวจสอบคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณที่เกิดขึ้นจากคณะกรรมการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน (คตส.) ที่เกิดจากรัฐธรรมนูญปี 50 ซึ่งถือเป็นต้นไม้พิษ ผลไม้ก็ต้องเป็นพิษ และเรื่องนี้เป็นความพยายามที่ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าสู่การพิจารณาของศาลอาญาแผนกคดีอาญาของนักการเมือง เพราะเป็นการตัดสินเพียงศาลเดียว ไม่สอดคล้องกับกฎบัตรประชาชาติ มีเพียงประเทศไทยเท่านั้น ดังนั้นหากมีโอกาสแก้รัฐธรรมนูญ จะแก้ไขให้พิจารณาคดีของนักการเมืองให้กลับมาใช้ 3ศาล
ร.ต.อ.เฉลิม ยืนยันว่า คดีความต่างๆ เป็นเรื่องของคตส. ป.ป.ช. สำนักงานอัยการสูงสุด และศาล ซึ่งรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีอำนาจ ร่วมทั้งการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ตามหมายจับก็เป็นเรื่องสำนักคดีต่างประเทศ และสำนักงานอัยการสูงสุด และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การส่งผู้ตัวร้ายข้ามแดน จะต้องมีสนธิสัญญาระหว่าง 2 ประเทศ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง และถือเป็นความผิดของ 2 ประเทศ ส่วนคดีที่ดินรัชดาไม่มีที่ไหนในโลกที่ ภรรยาซื้อที่ดิน และสามีมารับผิด มีแห่งเดียวในประเทศไทยนี้เท่านั้น
ด้านนายสาธิต กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม ชอบอ้างเรื่องผลไม้พิษ จึงอยากบอกว่า ร.ต.อ.เฉลิม ก็เป็นรองนายกฯพิษ เพราะเกิดจากรัฐธรรมนูญดังกล่าวเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แม้คดีต่างๆ มีหลักเกณฑ์บังคับ แต่คดีก่อการร้าย ประเทศไทยก็มีกฎหมายก่อการร้ายสามารถดำเนินการได้ทันที และอยากถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม ไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ฮ่องกง พูดอะไร และเคยบอกให้กลับมาสู้คดีหรือไม่
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ถ้านายสาธิต แน่จริง และมีหลักฐานต้องพูดออกมา อย่าพูดคลุมเครือ ตนไปเจอ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไหนคุยอะไร ไม่จำเป็นต้องมาบอก เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าไม่พอใจก็ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจเลย เรื่องคดีบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องจะขยายผลอย่างไรตนไม่ขยาย เพราะไม่ใช่หน้าที่ เพราะที่มาของคดีมาจากคณะปฏิวัติ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล
ส่วนกรณีที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ก่อการก่อร้ายนั้น ขอให้ดูกฎหมายให้ครบถ้วน เพราะมีข้อยกเว้นว่า ไม่สามารถดำเนินคดีกับผู้ที่มาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยได้
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ลุกขึ้นแย้งว่า ร.ต.อ.เฉลิม พูดความจริงไม่หมด เพราะศาลได้วินิจฉัยว่า การชุมนุมทางการเมืองในปี 53 ผิดกฎหมาย และขัดต่อหลักรัฐธรรมนูญ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง จึงอยากสร้างความเข้าใจให้ตรงกัน ไม่ใช่ต้องการแต่จะปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณอย่างเดียว ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม ก็ระบุว่า ตนไม่เคยอ่านว่าศาลมีคำวินิจฉัยแบบนั้น ทราบแต่เพียงว่าอยู่ในชั้นพิจารณาของศาล ฝ่ายค้านยังไม่นอนก็หลับฝันไปแล้ว
