xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.เตือน “ธาริต” ทำสำนวน 98 ศพ กลั่นแกล้ง “มาร์ค” ติดคุกหลังเกษียณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ประชาธิปัตย์ (ภาพจากแฟ้ม)
ส.ส.ปชป. เตือน “ธาริต” ระวังติดคุก ถ้ายังทำงานสนองการเมือง มีธงกลั่นแกล้ง “มาร์ค-เทพเทือก” ให้ติดคุกในคดี 98 ศพ ฉะ “ค้อนปลอม” นำสื่อที่มือพฤติกรรมเลือกข้างเชียร์รัฐบาล ทัวร์ยุโรป ผลาญงบฯ แผ่นดิน เข้าข่ายเลือกข้าง วางตัวไม่เป็นกลางในธานประธานสภาตามที่ รธน. บัญญัติ เล็งยื่น ป.ป.ช.-ผู้ตรวจการฯสอบ

นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงเปิดใจการทำงานต่อสื่อมวลชน เนื่องจากได้รับความกดดันจากหลายฝ่าย ในคดี 98 ศพ และข้อเท็จจริงเกี่ยวกับชายชุดดำว่า วันนี้มีความชัดเจนแล้วว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน และนายธาริตเองก็ได้ยอมรับว่านายอภิสิทธิ์ ได้ให้ดำเนินการเกี่ยวกับคดี 98 ศพ ตามกระบวนยุติธรรมและข้อเท็จจริง

แต่พฤติกรรมที่นายธาริตดำเนินอยู่ในขณะนี้ เช่น การพยายามตั้งข้อหาให้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ถึงขนาดระบุว่าเป็นฆาตกร ตนคิดว่าเป็นพฤติกรรมที่เป็นการทำสำนวน การสอบสวนเพื่อสนองฝ่ายการเมือง เป็นการทำสำนวนที่มีการชี้นำอย่างชัดเจนจากฝ่ายการเมือง หรือพูดอย่างชัดเจนว่าทำสำนวนการสอบสวนแบบมีธงไว้ก่อน จึงอยากให้นายธาริตตั้งสติให้ดี ในเรื่องการรับใช้ทางการเมืองที่เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง หรือเรื่องการกลั่นแกล้งคนโดยข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้อง

นายสาธิตกล่าวว่า วันนี้มีข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากรายงานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ในการสอบสวนบุคคลที่เป็นกลาง เช่น สำนักข่าวต่างประเทศ หรือข้อเท็จจริงอื่นที่ปรากฏมาก่อนหน้านี้ก็ดี ขอเรียนว่าการที่จะให้คนอื่นเห็นใจ ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมที่แต่ละบุคคลได้กระทำว่ามีความจริงใจและชัดเจนแค่ไหนในการปฏิบัติหน้าที่

“ขอเตือนนายธาริตให้ระวังว่า การดำเนินการทั้งหมดจะเข้าข่ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 200 ที่ว่าผู้ใดเป็นพนักงานสอบสวนกระทำการหรือไม่กระทำการ เพื่อแกล้งให้บุคคลอื่นต้องได้รับโทษหรือได้รับโทษมากขึ้น ผู้นั้นมีโทษจำคุกตลอดชีวิต ประกอบกับ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ปี 48 ซึ่งออกโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเอง ซึ่งมีหลักให้เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉบับนี้ไม่ต้องรับผิด ทั้งทางแพ่ง ทางอาญา และทางวินัย หากปฏิบัติหน้าที่ในการระงับหรือป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย หรือเป็นการกระทำที่สุจริตไม่เลือกปฏิบัติ และไม่เกินสมควรแก่เหตุ ยังไม่รวมทั้งพฤติการณ์ในคำสั่งของ ศอฉ.ที่มีความชัดเจนในการดำเนินการ ของนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ จึงขอเตือนนายธาริตว่าระวังจะติดคุกตอนเกษียณ”

นายสาธิตยังกล่าวถึงกรณีที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นำสื่อมวลชนไปทัวร์ต่างประเทศว่า สื่อที่ไปถูกเลือกจากนายสมศักดิ์ โดยพฤติกรรมของสื่อเหล่านี้ไม่ได้ยืนอยู่บนหลักจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อ มีหน้าที่สำคัญ 2 ประการคือ เชียร์พรรคเพื่อไทย และด่าพรรคประชาธิปัตย์ บางคนมีพฤติการทำตัวเป็นนักวิชาการ ไปออกทีวีด่าพรรคประชาธิปัตย์ก่อนหน้าที่จะมาเป็นสื่อ

นายสาธิตกล่าวว่า นายสมศักดิ์ได้ใช้เงินที่เป็นภาษีของประชาชนจำนวน 7 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบของสภาผู้แทนราษฎรแก้ผ้าสื่อเหล่านี้อย่างล่อนจ้อน ทำให้เห็นภาพสื่อพวกนี้ชัดเจน ที่สำคัญที่สุดคือการใช้เงินของนายสมศักดิ์ ถึงแม้จะดูน้อย แต่ปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง และยังเป็นการใช้เงินที่ไม่เกี่ยวกับการดำเนินงาน ของกิจการของสภาผู้แทนราษฎร เพราะถ้าทำหน้าที่กิจการของสภาฯ สื่อที่ทำรายการมองรัฐสภาจะต้องเดินทางไปด้วย

“พฤติกรรมของประธานสภาฯ เช่นนี้ มีการเลือกข้างอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่สุดที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญว่าจะต้องให้มีความเป็นกลาง ดังนั้นนายสมศักดิ์ถือว่าหมดความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่งประธานสภาฯต่อไป อย่างไรก็ตาม อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลส่งเพิ่มเติม ให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งพรรคเคยยื่นไปก่อนหน้านี้เรื่องพฤติกรรมที่ไม่เป็นกลางหลายครั้ง ส่วนพฤติกรรมนี้จะเป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมของนายสมศักดิ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในประมุขของอำนาจ 3 ฝ่ายในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ตนคิดว่านายสมศักดิ์ควรลาออกได้แล้ว เพื่อเป็นเกียรติประวัติของตนเอง”
กำลังโหลดความคิดเห็น