ASTVผู้จัดการรายวัน-ดีเอสไอตั้งรางวัลนำจับ 1 ล้าน ให้ผู้ชี้เบาะแสชายชุดดำใน 7 กรณี ฟากเพื่อไทยแจ้งความ ปชป.ใส่ร้าย "ทักษิณ"ถือหางชายชุดดำ ขณะที่ นปช. ให้ท้าย"พายัพ"จัดแรลลี่แดงตอบโต้ "เหลิม"เผยเตรียมลุยเปิดเวทีปรองดอง
วานนี้ (17 ต.ค.) เวลา 07.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาการผู้บัญชาการแห่งชาติ (อดีตรักษาการผบ.ตร.) เข้าให้การพนักงานสอบสวนคดี 91 ศพเหตุชุมนุมทางการเมือง ปี 2553 โดยกล่าวว่า ขณะนั้นเป็นรักษาการผบ.ตร. ซึ่งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มอบหมายให้คุมกำลังในส่วนของตำรวจ ให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ส่วนประเด็นชายชุดดำยังไม่ขอออกความเห็น และยังไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวนจะสอบถามประเด็นใดบ้าง
**ธาริต'ตั้งรางวัล1ล้านผู้ชี้เบาะแส
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ จากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553 ว่า ตนได้ลงนามคำสั่งให้ดำเนินการตั้งรางวัลนำจับผู้ที่ให้เบาะแสนำไปสู่การจับคนร้ายที่เป็นผู้ก่อเหตุจนทำให้มีผู้เสียชีวิต เบื้องต้นตั้งรางวัลนำจับไว้รายละ 1 ล้านบาท จำนวนทั้งสิ้น 7 ราย ประกอบด้วย
1.กรณีการเสียชีวิตของพล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และเจ้าหน้าที่ทหารรวม 5 ราย เสียชีวิตจากการถูกสะเก็ดระเบิดที่ถนนดินสอ
2.กรณีการเสียชีวิตของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิตบริเวณทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสีลม
3.กรณีการเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มูราโมโต ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณถนนข้าวสารตัดถนนตะนาว ต่อเนื่องถึงแยกคอกวัว
4.กรณีการเสียชีวิตของนายฟลาบิโอ โปแลงกี้ ถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิตบริเวณถนนราชดำริ
5.กรณีคนร้ายยิงเอ็ม 79 จนทำให้จ.ส.ต.วิทยา พรหมสำลี เสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บรวม 6 ราย บริเวณอาคารอื้อจื่อเหลียง
6.กรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงส.ต.ต.กานต์ณุพัฒน์ เลิศจันทร์เพ็ญ จนเสียชีวิตบริเวณถนนสีลม 7.กรณีการเสียชีวิตของพลทหารณรงค์ สาระ ถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิตบริเวณแยกอนุสรณ์สถาน เขตดอนเมือง
"เชื่อว่ามีผู้เห็นเหตุการณ์ และทราบเบาะแส แต่ไม่ต้องการเปิดเผยตัว เนื่องจากเกรงว่าจะต้องมาเป็นพยาน ดีเอสไอจึงเห็นควรตั้งรางวัลนำจับ เพื่อจูงใจให้ผู้ที่รู้เบาะแสเข้ามาให้ข้อมูลจนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายได้โดยไม่จำเป็นต้องมาเป็นพยานในคดี อย่างไรก็ตาม อาจมีการพิจารณาตั้งรางวัลนำจับคนร้ายในคดีการเสียชีวิตรายอื่นๆ เพิ่มเติมอีกด้วย"นายธาริตกล่าว
**เพื่อไทยแจ้งความปชป.ใส่ร้าย"แม้ว"
ที่สน.ลุมพินี นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย และนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.ลุมพินี และพ.ต.ท.เดชา พรมสุวรรณ์ พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.ลุมพินี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายกรณ์ จาติกวณิช นายสาธิต ปิตุเตชะ และนายศิริโชค โสภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท โดยการโฆษณาและความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 จากกรณีกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีส่วนเกี่ยวข้องกับชายชุดดำในการชุมนุมของกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 โดยนำคลิปวีดีโอและเอกสารถอดเทปคำปราศรัย มามอบให้ไว้เป็นหลักฐาน
***แถ!ไม่มีชายชุดดำมีแต่ชายใจดี
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ออกมาท้าดีเบตเรื่องชายชุดดำ ว่า มันไม่มีหรอกชายชุดดำ มีแต่ชายใจดี มีแต่คนที่ทำผิดไว้กับคนที่ไม่ได้ทำผิด และสมมติว่า มีชายชุดดำจริง แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรที่จะไปสั่งสลายการชุมนุมจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 98 ศพ ชายชุดดำจะมีหรือไม่ตนไม่รู้ เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ถึงมีจริง คุณก็ไม่มีสิทธิ์ ธรรมดาคนใกล้จะโดนจับ ก็ตื่นเต้นนิดหน่อย น้ำมันลดตอผุด เมื่อวานก็อุตส่าห์แนะนำให้ผมไปเรียนปริญญาเอกอีกสองใบ ไม่เอาแล้วผมไม่เรียนอะไรแล้ว
ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาเดินสายจัดแรลลี่เรื่องชายชุดดำนั้น จะไม่ทำให้ประชาชนสับสนพรรคประชาธิปัตย์ทำถูกแล้ว เขาลดคะแนนตัวเอง ถ้าไม่ทำก็ไม่ใช่ประชาธิปัตย์
“กราบเรียนคุณสุเทพ ร้องไห้บ่อยๆ หน่อยเถอะ ท่านอภิสิทธิ์ ต้องออกบ่อยๆ ผมดูช่องบลูสกาย มองไปมองมาท่านอภิสิทธิ์แอ็คชั่นขนาดนี้เลยเหรอ เชิญออกบ่อยๆ เถอะ ท่านอภิสิทธิ์ออกแล้วจะไม่ได้อย่างไร ปัดโธ่ ผมแฟนท่านเหมือนกัน ผมส่งตำรวจไปดูแลเป็นกองร้อย รับรองรัฐบาลชุดนี้ ไม่มีมาตรการรุนแรง ผมเป็นคนขี้กลัว ไม่กล้าสั่งการในทางที่ผิดหรอก”รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
**นปช.ให้ท้าย"พายัพ"จัดแรลลี่โต้ปชป.
นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า นปช.ส่วนกลางไม่ได้คัดค้านความเคลื่อนไหวของนายพายัพ ปั้นเกตุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่เตรียมจัดแรลลี่ตอบโต้แรลลี่ตามหาชายชุดดำของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะถือว่าเป็นสิทธิส่วนตัวเพื่อส่งเสริมกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย และนปช. ส่วนกลางก็คงไม่ตอบโต้อะไรในเรื่องนี้ เนื่องจากรู้อยู่แล้วว่าคนที่ทำร้ายประชาชนอยู่ที่ไหน
**ปชป.อัด“เต้น”หัวหดไม่กล้าดีเบต
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุที่นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ต้องออกมาเคลื่อนไหวเรื่องดีเบต เพราะการเปิดเวทีผ่าความจริงตอนหาชายชุดดำของพรรคประชาธิปัตย์ได้เอาความจริงมาเปิดเผยจึงกระทบต่อสถานะของนายณัฐวุฒิที่นอกจากได้ดิบได้ดีเป็นรัฐมนตรีแล้ว ต้องไม่ลืมว่าวันนี้นายณัฐวุฒิเองยังมีสถานะเป็นผู้ต้องหาในคดีก่อการร้ายที่ขอประกันตัวจากศาลมาใช้ชีวิตปกติ การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับชายชุดดำของพรรค ทำให้สถานะของนายณัฐวุฒิเปลี่ยนแปลงไป เพราะมีหลักฐาน พยานบุคคลที่ชัดเจนปรากฏต่อสังคมว่าเรื่องของกลุ่มชายชุดดำใช้อาวุธสงครามเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และหากยังไม่กล้าพอที่จะรับคำท้าของนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ที่ต่อให้ดีเบตแบบ 2 ต่อ 1คือ นายณัฐวุฒิและนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.กับนายศิริโชค ก็อย่าพยายามเบี่ยงเบนประเด็นข้อเท็จจริงในสังคม
**"เฉลิม" ลุยเปิดเวทีปรองดอง
วันเดียวกันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรูปแบบ ลักษณะของการสานเสวนาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ประเด็นแรก ปัญหาของประเทศมันเริ่มต้นจากการปฏิวัติรัฐประหาร และมีผลกระทบต่อใครบ้าง ประเด็นที่สอง เราต้องบอกว่าความเป็นมาของคดีนั้น มันไม่ถูกต้องชอบธรรม ประเด็นที่สาม ต้องอธิบายความว่าประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในอีก 3 ปีข้างหน้า แล้วจะให้สิ่งไม่ถูกต้องตกตะกอนอยู่ในประเทศได้อย่างไร ประเด็นที่สี่ ตนจะบอกกับประชาชนว่าการแก้ไขบทบัญญัติรัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องถูกต้อง เพื่อเดินหน้าสู่การปรองดองแห่งชาติ
"ผมเพิ่งรับหน้าที่ ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งทำความเข้าใจกับประชาชน และวันที่ 28 ต.ค.นี้ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ตนได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าฯ นายอำเภอ ผู้กำกับ ผู้บังคับการตำรวจ รองผู้บังคับการฯ รวมแล้วประมาณ 1,500 คนในการเริ่มต้นประชุมครั้งแรก แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะเชิญฝ่ายค้านมาร่วมสังเกตการณ์ เพราะฝ่ายค้านยังไงก็ไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว และในส่วนของประชาชนตนจะออกปราศรัยตามเมืองใหญ่ๆ เป็นการส่วนตัว ไม่ได้ไปในฐานะรองนายกรัฐมนตรี แต่ไปในฐานะ สส.พรรคเพื่อไทย จังหวัดที่จะไป เช่น อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ เพราะแฟนของตนเยอะ"ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
วานนี้ (17 ต.ค.) เวลา 07.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาการผู้บัญชาการแห่งชาติ (อดีตรักษาการผบ.ตร.) เข้าให้การพนักงานสอบสวนคดี 91 ศพเหตุชุมนุมทางการเมือง ปี 2553 โดยกล่าวว่า ขณะนั้นเป็นรักษาการผบ.ตร. ซึ่งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มอบหมายให้คุมกำลังในส่วนของตำรวจ ให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ส่วนประเด็นชายชุดดำยังไม่ขอออกความเห็น และยังไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวนจะสอบถามประเด็นใดบ้าง
**ธาริต'ตั้งรางวัล1ล้านผู้ชี้เบาะแส
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ จากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553 ว่า ตนได้ลงนามคำสั่งให้ดำเนินการตั้งรางวัลนำจับผู้ที่ให้เบาะแสนำไปสู่การจับคนร้ายที่เป็นผู้ก่อเหตุจนทำให้มีผู้เสียชีวิต เบื้องต้นตั้งรางวัลนำจับไว้รายละ 1 ล้านบาท จำนวนทั้งสิ้น 7 ราย ประกอบด้วย
1.กรณีการเสียชีวิตของพล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และเจ้าหน้าที่ทหารรวม 5 ราย เสียชีวิตจากการถูกสะเก็ดระเบิดที่ถนนดินสอ
2.กรณีการเสียชีวิตของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิตบริเวณทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสีลม
3.กรณีการเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มูราโมโต ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณถนนข้าวสารตัดถนนตะนาว ต่อเนื่องถึงแยกคอกวัว
4.กรณีการเสียชีวิตของนายฟลาบิโอ โปแลงกี้ ถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิตบริเวณถนนราชดำริ
5.กรณีคนร้ายยิงเอ็ม 79 จนทำให้จ.ส.ต.วิทยา พรหมสำลี เสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บรวม 6 ราย บริเวณอาคารอื้อจื่อเหลียง
6.กรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงส.ต.ต.กานต์ณุพัฒน์ เลิศจันทร์เพ็ญ จนเสียชีวิตบริเวณถนนสีลม 7.กรณีการเสียชีวิตของพลทหารณรงค์ สาระ ถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิตบริเวณแยกอนุสรณ์สถาน เขตดอนเมือง
"เชื่อว่ามีผู้เห็นเหตุการณ์ และทราบเบาะแส แต่ไม่ต้องการเปิดเผยตัว เนื่องจากเกรงว่าจะต้องมาเป็นพยาน ดีเอสไอจึงเห็นควรตั้งรางวัลนำจับ เพื่อจูงใจให้ผู้ที่รู้เบาะแสเข้ามาให้ข้อมูลจนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายได้โดยไม่จำเป็นต้องมาเป็นพยานในคดี อย่างไรก็ตาม อาจมีการพิจารณาตั้งรางวัลนำจับคนร้ายในคดีการเสียชีวิตรายอื่นๆ เพิ่มเติมอีกด้วย"นายธาริตกล่าว
**เพื่อไทยแจ้งความปชป.ใส่ร้าย"แม้ว"
ที่สน.ลุมพินี นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย และนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.ลุมพินี และพ.ต.ท.เดชา พรมสุวรรณ์ พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.ลุมพินี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายกรณ์ จาติกวณิช นายสาธิต ปิตุเตชะ และนายศิริโชค โสภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท โดยการโฆษณาและความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 จากกรณีกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีส่วนเกี่ยวข้องกับชายชุดดำในการชุมนุมของกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 โดยนำคลิปวีดีโอและเอกสารถอดเทปคำปราศรัย มามอบให้ไว้เป็นหลักฐาน
***แถ!ไม่มีชายชุดดำมีแต่ชายใจดี
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ออกมาท้าดีเบตเรื่องชายชุดดำ ว่า มันไม่มีหรอกชายชุดดำ มีแต่ชายใจดี มีแต่คนที่ทำผิดไว้กับคนที่ไม่ได้ทำผิด และสมมติว่า มีชายชุดดำจริง แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรที่จะไปสั่งสลายการชุมนุมจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 98 ศพ ชายชุดดำจะมีหรือไม่ตนไม่รู้ เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ถึงมีจริง คุณก็ไม่มีสิทธิ์ ธรรมดาคนใกล้จะโดนจับ ก็ตื่นเต้นนิดหน่อย น้ำมันลดตอผุด เมื่อวานก็อุตส่าห์แนะนำให้ผมไปเรียนปริญญาเอกอีกสองใบ ไม่เอาแล้วผมไม่เรียนอะไรแล้ว
ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาเดินสายจัดแรลลี่เรื่องชายชุดดำนั้น จะไม่ทำให้ประชาชนสับสนพรรคประชาธิปัตย์ทำถูกแล้ว เขาลดคะแนนตัวเอง ถ้าไม่ทำก็ไม่ใช่ประชาธิปัตย์
“กราบเรียนคุณสุเทพ ร้องไห้บ่อยๆ หน่อยเถอะ ท่านอภิสิทธิ์ ต้องออกบ่อยๆ ผมดูช่องบลูสกาย มองไปมองมาท่านอภิสิทธิ์แอ็คชั่นขนาดนี้เลยเหรอ เชิญออกบ่อยๆ เถอะ ท่านอภิสิทธิ์ออกแล้วจะไม่ได้อย่างไร ปัดโธ่ ผมแฟนท่านเหมือนกัน ผมส่งตำรวจไปดูแลเป็นกองร้อย รับรองรัฐบาลชุดนี้ ไม่มีมาตรการรุนแรง ผมเป็นคนขี้กลัว ไม่กล้าสั่งการในทางที่ผิดหรอก”รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
**นปช.ให้ท้าย"พายัพ"จัดแรลลี่โต้ปชป.
นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า นปช.ส่วนกลางไม่ได้คัดค้านความเคลื่อนไหวของนายพายัพ ปั้นเกตุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่เตรียมจัดแรลลี่ตอบโต้แรลลี่ตามหาชายชุดดำของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะถือว่าเป็นสิทธิส่วนตัวเพื่อส่งเสริมกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย และนปช. ส่วนกลางก็คงไม่ตอบโต้อะไรในเรื่องนี้ เนื่องจากรู้อยู่แล้วว่าคนที่ทำร้ายประชาชนอยู่ที่ไหน
**ปชป.อัด“เต้น”หัวหดไม่กล้าดีเบต
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุที่นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ต้องออกมาเคลื่อนไหวเรื่องดีเบต เพราะการเปิดเวทีผ่าความจริงตอนหาชายชุดดำของพรรคประชาธิปัตย์ได้เอาความจริงมาเปิดเผยจึงกระทบต่อสถานะของนายณัฐวุฒิที่นอกจากได้ดิบได้ดีเป็นรัฐมนตรีแล้ว ต้องไม่ลืมว่าวันนี้นายณัฐวุฒิเองยังมีสถานะเป็นผู้ต้องหาในคดีก่อการร้ายที่ขอประกันตัวจากศาลมาใช้ชีวิตปกติ การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับชายชุดดำของพรรค ทำให้สถานะของนายณัฐวุฒิเปลี่ยนแปลงไป เพราะมีหลักฐาน พยานบุคคลที่ชัดเจนปรากฏต่อสังคมว่าเรื่องของกลุ่มชายชุดดำใช้อาวุธสงครามเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และหากยังไม่กล้าพอที่จะรับคำท้าของนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ที่ต่อให้ดีเบตแบบ 2 ต่อ 1คือ นายณัฐวุฒิและนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.กับนายศิริโชค ก็อย่าพยายามเบี่ยงเบนประเด็นข้อเท็จจริงในสังคม
**"เฉลิม" ลุยเปิดเวทีปรองดอง
วันเดียวกันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรูปแบบ ลักษณะของการสานเสวนาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ประเด็นแรก ปัญหาของประเทศมันเริ่มต้นจากการปฏิวัติรัฐประหาร และมีผลกระทบต่อใครบ้าง ประเด็นที่สอง เราต้องบอกว่าความเป็นมาของคดีนั้น มันไม่ถูกต้องชอบธรรม ประเด็นที่สาม ต้องอธิบายความว่าประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในอีก 3 ปีข้างหน้า แล้วจะให้สิ่งไม่ถูกต้องตกตะกอนอยู่ในประเทศได้อย่างไร ประเด็นที่สี่ ตนจะบอกกับประชาชนว่าการแก้ไขบทบัญญัติรัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องถูกต้อง เพื่อเดินหน้าสู่การปรองดองแห่งชาติ
"ผมเพิ่งรับหน้าที่ ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งทำความเข้าใจกับประชาชน และวันที่ 28 ต.ค.นี้ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ตนได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าฯ นายอำเภอ ผู้กำกับ ผู้บังคับการตำรวจ รองผู้บังคับการฯ รวมแล้วประมาณ 1,500 คนในการเริ่มต้นประชุมครั้งแรก แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะเชิญฝ่ายค้านมาร่วมสังเกตการณ์ เพราะฝ่ายค้านยังไงก็ไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว และในส่วนของประชาชนตนจะออกปราศรัยตามเมืองใหญ่ๆ เป็นการส่วนตัว ไม่ได้ไปในฐานะรองนายกรัฐมนตรี แต่ไปในฐานะ สส.พรรคเพื่อไทย จังหวัดที่จะไป เช่น อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ เพราะแฟนของตนเยอะ"ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว