“พ.ต.อ.ประเวศน์” แจงคณะทำงาน กมธ.ตำรวจ ยอมรับแล้วมีชายชุดดำจริง แต่ยังพลิ้วต่อ บอกไม่มีภาพชายชุดดำยิงใครเสียชีวิต แถมเล่นลิ้นอ้างทหารที่ตายเกิดจากระเบิดเอ็ม 67 ที่มีใช้ในราชการทหาร ส่วนที่ต้องดำเนินคดีเกี่ยวกับคนที่ตายจากฝีมือทหาร เพราะมีหลักฐานจากคลิปภาพ
ที่อาคารรัฐภา 2 ห้อง 205 วันนี้ (3 ต.ค.) มีการประชุมคณะทำงานพิจารณาเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ว่ามีชายชุดดำร่วมในการชุมนุมหรือไม่ ของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ตำรวจ สภาผู้แทนฯ ที่มีนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษา กมธ.เป็นประธานการประชุม ซึ่งในวันนี้มีการเชิญนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ เข้าชี้แจง แต่นายธาริต ขอเลื่อนเข้าชี้แจง โดยมีเพียง พ.ต.อ.ประเวศน์เข้าชี้แจงเท่านั้น
นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตถึงการสอบสวนเหตุการณ์ที่มีการยิงเข้าไปในวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ที่มีคนตาย 6 ศพ แต่มี 1 ศพที่มีการวินิจฉัยและสรุปว่าเป็นการยิงจากด้านล่างขึ้นด้านบนนั้น ตนเข้าใจว่ามุมยิงดังกล่าวไม่สามารถที่จะเป็นการยิงจากรางรถไฟฟ้าได้อย่างแน่นอน เพราะการยิงจากรางรถไฟฟ้า ต้องยิงจากมุมบนลงล่าง
ส่วนกรณีที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเปิดเผยภาพชายชุดดำถืออาวุธปืนอยู่บนสถานีรถไฟฟ้าสยาม จากการตรวจสอบทราบชื่อ นายศรชัย ศรีดี เป็นการ์ด นปช. และมีความใกล้ชิดกับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กับนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. โดยเป็นอดีตทหารพรานมีการสอบสวนและมีหลักฐานนี้หรือไม่ ซึ่งเป็นไปได้หรือไม่ที่คนจะเห็นกลุ่มนี้เห็นแล้วบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ขณะที่เมื่อพนักงานสอบสวนพบหลักฐาน ก็น่าจะดำเนินการต่อ เพราะภาพที่ปรากฏนั้นเป็นของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นนำมาเผยแพร่ ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์
และทราบหรือไม่ ก่อนเวลา 18.00 น.มีการยิงต่อสู้กันของกำลังติดอาวุธกับทหาร ที่สถานีรถไฟฟ้าสยาม สำหรับคดีก่อการร้ายที่ดีเอสไอได้ทำสำนวนยื่นต่อศาลแล้วนั้นมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนในหลายเหตุการณ์เกี่ยวกับการใช้อาวุธของชายชุดดำ พ.ต.อ.ประเวศน์ได้นำสำนวนดังกล่าวมาประกอบการสอบสวนหรือไม่
พ.ต.อ.ประเวศน์ยอมรับว่า ศพผู้เสียชีวิตในวัดปทุมฯ มีการวินิจฉัยว่าเป็นการยิงจากล่างขึ้นบนจริง หมายถึงทิศทางกระสุนที่พุ่งเข้าในตัวบุคคล ไม่ได้หมายความถึงวิถีกระสุนจากการยิง แต่ไม่ทราบว่าวิถีกระสุนมาจากไหน ส่วนภาพของนายศรชัยนั้น ตนไม่เคยเห็นภาพนี้และไม่อยู่ในสำนวนการสอบสวน แต่เรื่องคดีก่อการร้ายอยู่ในชั้นศาลแล้ว จึงขอให้รอศาลตัดสินดีกว่า แต่หากมีพยานหลักฐานใหม่ ก็สามารถสอบสวนได้ และต้องยืนยันได้ว่าภาพนี้ถ่ายวันที่เท่าไหร่ จุดไหน และใครเป็นคนเห็น ซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นๆ
สำหรับเหตุการณ์ที่สถานีรถไฟฟ้าสยามนั้น ขณะนี้ได้เชิญทหารมาสอบสวนก็ให้การว่ามีการยิงต่อสู้จริง โดยกองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บพยานหลักฐานแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่าใครยิงฝ่ายไหน เพราะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติยังไม่ได้ให้การครบถ้วน
ส่วนเรื่องชายชุดดำ เห็นว่าตนรับผิดชอบคดีฆ่าคนตาย และในสำนวนที่ปรากฏ คือ ภาพชายชุดดำถือปืนอาก้า ที่อยู่บนถนนตะนาว ในเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. 53 เท่านั้น แต่ไม่มีภาพของนายศรชัย รวมทั้งไม่มีภาพปรากฏว่ามีใครที่โดนกระสุนจากชายชุดดำเสียชีวิต ส่วนการเสียชีวิตของทหารในเหตุการณ์นี้ เป็นการเสียชีวิตจากระเบิด เอ็ม 67 ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบวิถีกระสุนได้ และทราบว่าอาวุธชนิดนี้มีการใช้ในราชการทหาร แต่ยังไม่มีการสอบสวนว่าวันดังกล่าวทหารเบิกระเบิดชนิดนี้ใช้หรือไม่ ทั้งนี้ตนรับผิดชอบคดีฆาตกรรม 31 คดี แต่ยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาใคร ซึ่งยืนยันว่าดำเนินคดีทั้ง 2 ฝ่ายอย่างเท่าเทียมกันไม่มีการเลือกปฏิบัติ แต่ที่ดูเหมือนว่ามีการดำเนินคดีการเกี่ยวกับการเสียชีวิตมาจากฝีมือทหารมากกว่านั้น เนื่องจากมีพยานหลักฐาน ที่ชัดเจน และส่วนใหญ่ก็เป็นคลิปภาพ
พ.ต.อ.ประเวศน์กล่าวว่า แนวทางการสอบสวนของคณะทำงานดีเอสไอนั้น หากผู้ใดเกี่ยวข้องก็จะเชิญมาสอบสวน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้เชิญนายธาริตมาชี้แจง แต่จากการฟังคำสัมภาษณ์ของหลายฝ่ายก็เห็นว่านายธาริต มีส่วนเกี่ยวข้องก็จะเชิญมาชี้แจง และยืนยันว่าการที่นายธาริตเป็นอธิบดีดีเอสไอจะไม่มีผลต่อการสอบสวน เพราะจะใช้พนักงานสอบสวนจากตำรวจและอัยการแทน ซึ่งการอยู่ในตำแหน่งของนายธาริต ไม่เป็นปัญหาต่อการสอบสวนแต่อย่างใด
ขณะที่นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กมธ.ตำรวจต้องการให้มีการแสวงหาข้อมูลนำไปสู่การดำเนินคดี ซึ่งพนักงานสอบสวนที่เก่งต้องแสวงหา เพื่อมาสนับสนุนข้อกล่าวหา แต่เรื่องนี้ต้องใช้เวลาในการพิจารณา และเป็นไปได้หรือไม่ว่าที่ พ.ต.อ.ประเวศน์จะไม่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน เพราะเกรงว่าคำให้สัมภาษณ์จะมัดตัวเอง หากศาลตัดสินออกมาเช่นนั้น รวมทั้งเพื่อรักษากระบวนการสอบสวนด้วย ซึ่งสัปดาห์หน้าจะเชิญนายธาริตมาชี้แจงเพราะไม่เข้าใจว่ากระบวนการสอบสวนยังไม่เสร็จ ทำไมจึงเตรียมตั้งข้อกล่าวหาต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง แต่หากนายธาริต ยังไม่มาก็จะนำเรื่องเข้าสู่ กมธ.ตำรวจเพื่อบังคับให้มา เนื่องจากมองว่าเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการชี้แจงนั้น นายศิริโชคได้ตั้งคำถามพร้อมแสดงภาพเป็นหลักฐานให้กับคณะทำงานและพ.ต.อ.ประเวศน์ได้ชม ซึ่งมีการถกเถียงทั้งการถามและตอบคำถามของทั้ง 2 คน ด้วยท่าทีที่ประชดประชันและมีการใช้อารมณ์ จนนายสาธิตต้องตัดบทด้วยการถามคำถามแทรกขึ้นมาแทน รวมทั้งคณะทำงานฯ หลายคนที่เป็น ส.ส.ก็ต่อว่าการทำงานของคณะสอบสวนด้วย