ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลรัฐธรรมนูญลงมติชี้ชัดประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เหตุการคุ้มครองพระมหากษัตริย์ถือเป็นการคุ้มครองเกี่ยวกับความมั่นคง แถมไม่กระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ ด้าน “ครูสาว” โผล่ยูทิว ตอกย้ำ ด่า"เจ๊ดา" ทำถูกต้องในฐานะคนไทย เปิดใจ "หนูไม่กลัว ไม่ได้ทำผิด"
วานนี้ (10 ต.ค.) เวลา 12.30 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ แถลงภายหลังการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ในคำร้องที่ศาลอาญา ส่งคำโต้แย้งของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จำเลยคดีหมิ่นสถาบัน ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 29 และ 45 วรรคหนึ่ง และวรรคสองหรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาและเห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 สอดคล้องกับการให้ความคุ้มครองพระมหากษัตริย์ ที่เป็นสถาบันของประมุขของประเทศ การกำหนดบทลงโทษผู้กระทำความผิด จึงเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชนตามหลักนิติธรรม ที่เป็นศีลธรรมหรือจริยธรรมของกฎหมาย
นายพิมลกล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญยังเห็นอีกว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 บัญญัติอยู่ในภาคความผิด ลักษณะที่ 1 ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หมวด 1 ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นมาตรการของรัฐที่มีขึ้นเพื่อคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์จากหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย ซึ่งการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ เพราะพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันที่รัฐธรรมนูญบัญญัติรับรองและคุ้มครองไว้ และเป็นส่วนหนึ่งของการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศไทย ดังนั้นประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จึงเป็นบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ที่มีความหมายเช่นเดียวกับการเป็นกฎหมายที่มีขึ้นเพื่อการรักษาความมั่นคงของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 45 วรรคสอง ที่เป็นเงื่อนไขแห่งการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 วรรคหนึ่ง
"อัตราโทษตามที่ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กำหนดไว้ ก็เป็นการกำหนดเท่าที่จำเป็น เพื่อให้รัฐธรรมนูญมาตรา 8 ที่รับรองสถานะของพระมหากษัตริย์มีผลใช้ได้อย่างสมบูรณ์ในทางปฏิบัติ และเป็นการจำแนกการกระทำความผิดที่เหมาะสมและได้สัดส่วนกับสถานะของบุคคลที่ประมวลกฎหมายอาญาได้กำหนดไว้ ซึ่งเป็นทบบัญญัติที่ใช้เป็นการทั่วไป ไม่ได้มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่ง หรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง และไม่ได้กระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 วรรคหนึ่ง แต่ประการใด เพราะบุคคลทุกคนยังมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นภายในขอบเขตที่ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นี้ ดังนั้น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จึงไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 29 และ 45 วรรคหนึ่งและวรรคสอง แต่อย่างใด"นายพิมลกล่าว
**ครูสาวย้ำด่า"เจ๊ดา" ไม่ผิดตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.มนัสนันท์ หนูคำ เผยแพร่คลิปวิดีโอเปิดใจถึงกรณีที่เข้าไปสอบถามนางดารุณี กฤตบุญญาลัย ไฮโซนักธุรกิจชื่อดัง และแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) "ว่าด่าในหลวงทำไม" ภายในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา จนกระทั่งถูกกองบังคับการปราบปราม ออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาในข้อหาหมิ่นประมาท
โดยเนื้อหาในคลิปมีรายละเอียดดังนี้ สวัสดีค่ะ มนัสนันท์ หนูคำ ค่ะ หนูดูข่าวจากทางเว็บไซต์ หนูตกใจและกลัวมาก เพราะไม่คิดว่า เรื่องจะลุกลามใหญ่โตมากขนาดนี้ ตัวหนูเองไม่ได้หนีไปไหน หนูออกจากทางโรงเรียน ต้นเดือนส.ค. เพราะว่าหนูได้งานที่ประเทศเกาหลี รายได้ดีกว่า หนูจึงตัดสินใจเดินทางไปทำงานที่นี่ เพราะหนูจะได้มีเงินดูแลครอบครัว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หนูไม่เคยคิดว่า จะทำให้ตัวเองเด่น ดัง หรือว่าจะเป็นวีรสตรี สร้างชื่อเสียงใดๆ ก็ตาม หนูทำ เพราะหนูเป็นคนไทยคนหนึ่ง ที่มีความรักในหลวง หนูไม่มีสีเสื้อ ไม่มีพวก ไม่มีกลุ่ม หนูทำเพราะใจบริสุทธิ์ ที่หนูรักในหลวง เรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณดารุณี หนูไม่เคยรู้จักเธอเป็นการส่วนตัว แต่หนูติดตามข่าวจากทางเว็บไซต์ต่างๆ ได้ยินว่า คุณดารุณีกับพวก ชอบว่าในหลวงต่างๆ นานา ถึงแม้จะไม่ได้ใช้คำพูดว่าโดยตรงเหมือนใครก็ตาม แต่คนที่มีการศึกษาฟังก็รู้ ว่าหมายถึงใคร ตัวหนูเองฟังหนูก็รู้ว่าหมายถึงใคร ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลงเอย คำพูดเปรียบเปรย คำเปรียบเทียบต่างๆ เมื่อหนูได้เจอกับคุณดารุณี ที่ห้างแห่งหนึ่ง หนูเกิดอารมณ์ หนูเลยเดินเข้าไปถามเธอว่า "ว่าในหลวงทำไม"
แต่เนื่องจากว่า หนูเป็นคนที่เสียงดัง และก็อารมณ์ในวันนั้น มันเลยทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างดูรุนแรง หนูไม่เคยคิดว่า เหตุการณ์ทุกอย่างที่หนูทำในวันนั้น จะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต มาจนถึงทุกวันนี้ สิ่งที่หนูกลัวมากที่สุด คือ แม่และน้องของหนูจะเดือดร้อน หนูไม่อยากให้เค้าได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
และหนูก็อยากจะฝากขอบคุณคนไทยทุกคนที่ให้กำลังใจ คอยให้ความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม หนูขอขอบคุณในความจริงใจ แต่หนูอยากจะบอกเลยว่า "หนูไม่เคยกลัวในสิ่งที่หนูทำ" เพราะหนูไม่ได้ทำอะไรผิด หนูแค่กลัวว่า สิ่งที่หนูทำ จะทำให้คนไทยต้องมาตีกัน ทะเลาะกัน เหมือนกับเหตุการณ์ที่หน้ากองปราบ เมื่อวันที่ 25 ก.ย. หนูไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้นอีก หนูต้องขอโทษ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดความขัดแย้งในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง หนูหวังว่า คงจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับใคร มันเป็นเรื่องของหนูเพียงคนเดียว และหนูอยากจะฝากเรื่องนี้ถึงคุณตำรวจว่า หนูขอเวลาให้หนูได้หมดสัญญาการทำงาน อีก 2 เดือนหนูจะกลับไปรับข้อกล่าวหา และก็อยากจะฝากถึงคนไทยทุกคนนะคะ ที่มีความจงรักภักดีในหลวง ขอให้แสดงความรักของคุณออกมาโดยไม่มีสีเสื้อ ไม่มีพวก ไม่มีกลุ่ม แสดงความรักที่บริสุทธิ์ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
วานนี้ (10 ต.ค.) เวลา 12.30 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ แถลงภายหลังการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ในคำร้องที่ศาลอาญา ส่งคำโต้แย้งของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จำเลยคดีหมิ่นสถาบัน ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 29 และ 45 วรรคหนึ่ง และวรรคสองหรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาและเห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 สอดคล้องกับการให้ความคุ้มครองพระมหากษัตริย์ ที่เป็นสถาบันของประมุขของประเทศ การกำหนดบทลงโทษผู้กระทำความผิด จึงเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชนตามหลักนิติธรรม ที่เป็นศีลธรรมหรือจริยธรรมของกฎหมาย
นายพิมลกล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญยังเห็นอีกว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 บัญญัติอยู่ในภาคความผิด ลักษณะที่ 1 ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หมวด 1 ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นมาตรการของรัฐที่มีขึ้นเพื่อคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์จากหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย ซึ่งการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ เพราะพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันที่รัฐธรรมนูญบัญญัติรับรองและคุ้มครองไว้ และเป็นส่วนหนึ่งของการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศไทย ดังนั้นประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จึงเป็นบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ที่มีความหมายเช่นเดียวกับการเป็นกฎหมายที่มีขึ้นเพื่อการรักษาความมั่นคงของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 45 วรรคสอง ที่เป็นเงื่อนไขแห่งการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 วรรคหนึ่ง
"อัตราโทษตามที่ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กำหนดไว้ ก็เป็นการกำหนดเท่าที่จำเป็น เพื่อให้รัฐธรรมนูญมาตรา 8 ที่รับรองสถานะของพระมหากษัตริย์มีผลใช้ได้อย่างสมบูรณ์ในทางปฏิบัติ และเป็นการจำแนกการกระทำความผิดที่เหมาะสมและได้สัดส่วนกับสถานะของบุคคลที่ประมวลกฎหมายอาญาได้กำหนดไว้ ซึ่งเป็นทบบัญญัติที่ใช้เป็นการทั่วไป ไม่ได้มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่ง หรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง และไม่ได้กระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 วรรคหนึ่ง แต่ประการใด เพราะบุคคลทุกคนยังมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นภายในขอบเขตที่ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นี้ ดังนั้น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จึงไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 29 และ 45 วรรคหนึ่งและวรรคสอง แต่อย่างใด"นายพิมลกล่าว
**ครูสาวย้ำด่า"เจ๊ดา" ไม่ผิดตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.มนัสนันท์ หนูคำ เผยแพร่คลิปวิดีโอเปิดใจถึงกรณีที่เข้าไปสอบถามนางดารุณี กฤตบุญญาลัย ไฮโซนักธุรกิจชื่อดัง และแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) "ว่าด่าในหลวงทำไม" ภายในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา จนกระทั่งถูกกองบังคับการปราบปราม ออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาในข้อหาหมิ่นประมาท
โดยเนื้อหาในคลิปมีรายละเอียดดังนี้ สวัสดีค่ะ มนัสนันท์ หนูคำ ค่ะ หนูดูข่าวจากทางเว็บไซต์ หนูตกใจและกลัวมาก เพราะไม่คิดว่า เรื่องจะลุกลามใหญ่โตมากขนาดนี้ ตัวหนูเองไม่ได้หนีไปไหน หนูออกจากทางโรงเรียน ต้นเดือนส.ค. เพราะว่าหนูได้งานที่ประเทศเกาหลี รายได้ดีกว่า หนูจึงตัดสินใจเดินทางไปทำงานที่นี่ เพราะหนูจะได้มีเงินดูแลครอบครัว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หนูไม่เคยคิดว่า จะทำให้ตัวเองเด่น ดัง หรือว่าจะเป็นวีรสตรี สร้างชื่อเสียงใดๆ ก็ตาม หนูทำ เพราะหนูเป็นคนไทยคนหนึ่ง ที่มีความรักในหลวง หนูไม่มีสีเสื้อ ไม่มีพวก ไม่มีกลุ่ม หนูทำเพราะใจบริสุทธิ์ ที่หนูรักในหลวง เรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณดารุณี หนูไม่เคยรู้จักเธอเป็นการส่วนตัว แต่หนูติดตามข่าวจากทางเว็บไซต์ต่างๆ ได้ยินว่า คุณดารุณีกับพวก ชอบว่าในหลวงต่างๆ นานา ถึงแม้จะไม่ได้ใช้คำพูดว่าโดยตรงเหมือนใครก็ตาม แต่คนที่มีการศึกษาฟังก็รู้ ว่าหมายถึงใคร ตัวหนูเองฟังหนูก็รู้ว่าหมายถึงใคร ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลงเอย คำพูดเปรียบเปรย คำเปรียบเทียบต่างๆ เมื่อหนูได้เจอกับคุณดารุณี ที่ห้างแห่งหนึ่ง หนูเกิดอารมณ์ หนูเลยเดินเข้าไปถามเธอว่า "ว่าในหลวงทำไม"
แต่เนื่องจากว่า หนูเป็นคนที่เสียงดัง และก็อารมณ์ในวันนั้น มันเลยทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างดูรุนแรง หนูไม่เคยคิดว่า เหตุการณ์ทุกอย่างที่หนูทำในวันนั้น จะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต มาจนถึงทุกวันนี้ สิ่งที่หนูกลัวมากที่สุด คือ แม่และน้องของหนูจะเดือดร้อน หนูไม่อยากให้เค้าได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
และหนูก็อยากจะฝากขอบคุณคนไทยทุกคนที่ให้กำลังใจ คอยให้ความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม หนูขอขอบคุณในความจริงใจ แต่หนูอยากจะบอกเลยว่า "หนูไม่เคยกลัวในสิ่งที่หนูทำ" เพราะหนูไม่ได้ทำอะไรผิด หนูแค่กลัวว่า สิ่งที่หนูทำ จะทำให้คนไทยต้องมาตีกัน ทะเลาะกัน เหมือนกับเหตุการณ์ที่หน้ากองปราบ เมื่อวันที่ 25 ก.ย. หนูไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้นอีก หนูต้องขอโทษ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดความขัดแย้งในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง หนูหวังว่า คงจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับใคร มันเป็นเรื่องของหนูเพียงคนเดียว และหนูอยากจะฝากเรื่องนี้ถึงคุณตำรวจว่า หนูขอเวลาให้หนูได้หมดสัญญาการทำงาน อีก 2 เดือนหนูจะกลับไปรับข้อกล่าวหา และก็อยากจะฝากถึงคนไทยทุกคนนะคะ ที่มีความจงรักภักดีในหลวง ขอให้แสดงความรักของคุณออกมาโดยไม่มีสีเสื้อ ไม่มีพวก ไม่มีกลุ่ม แสดงความรักที่บริสุทธิ์ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
