ศูนย์ข่าวหาดใหญ่-โจรใต้ลอบซุกระเบิดในรถจักรยานยนต์ ลอบสังหารทหารพรานขณะขับรถยนต์กระบะกลับฐานเจ็บ 9 นาย ก่อนโรยตะปูเรือใบถ่วงเวลาหนี ระหว่างเข้าตรวจสอบกดบึ้มซ้ำอีกลูก แต่โชคดีไม่มีใครบาดเจ็บ "ผบ.ตร." ลงพื้นที่กำชับตำรวจดูแลพื้นที่เข้ม "ยุทธศักดิ์" สั่งจับตาเข้ม 3 จังหวัดใต้ หลังได้กลิ่นโจรเตรียมป่วน "วันสถาปนาบีอาร์เอ็น" พร้อมเร่งแก้ปัญหาชาวบ้านหยุดขายวันศุกร์
เวลา 13.55 น.วานนี้ (10 ต.ค.) ศูนย์วิทยุ สภ.ยะหา จ.ยะลา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุระเบิดริมถนนสายยะหา-ปะแต ม.5 ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา มีเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้รับบาดเจ็บหลายนาย หลังรับแจ้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และชุดกู้ภัยเทศบาลตำบลยะหา รุดไปยังที่เกิดเหตุ พบคนร้ายได้โรยตะปูเรือใบตามเส้นทางทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัย จากนั้นเจ้าหน้าที่และชุดกู้ภัยได้ช่วยกันลำเลียงเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ได้รับบาดเจ็บนำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา ทั้งหมด 9 ราย ทราบชื่อคือ อส.ทพ.ใหม่ อามาตรมนตรี ได้รับบาดเจ็บสาหัส อส.ทพ.ภูมิ สุขแย้ม ร.ท.โกศล ละอองวิจิตร อส.ทพ.พงษ์พัฒน์ พันศิริ อส.ทพ.ไกรรุ่ง ใจมา อส.ทพ.กังวาล ต่อดอก อส.ทพ.ปฏิพันธ์ พิณโส อส.ทพ.จักรกัณฐ์ เมืองพรม และนายนิกร วงศ์ศรี ทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย ร.4714
ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา และเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา เข้าตรวจสอบหลุมระเบิดบริเวณริมถนน และเศษสะเก็ดระเบิด เศษซากรถจักรยานยนต์ถูกแรงระเบิดจนเสียหายทั้งคัน ห่างไปประมาณ 200 เมตร พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีเทาดำ ของเจ้าหน้าที่ทหารพรานถูกแรงระเบิดได้รับความเสียหาย เสียหลักพุ่งลงข้างทาง
สอบสวนทราบว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 4714 ขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวกลับมาจากปฏิบัติหน้าที่เพื่อเดินทางกลับฐานที่บ้านยาสูบ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายได้นำรถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้างซุกระเบิดแสวงเครื่อง ซึ่งคาดว่าบรรจุอยู่ในถังแก๊สน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 10 กิโลกรัม มาจอดไว้ริมถนนแล้วกดระเบิด ขณะเจ้าหน้าที่ทหารพรานดังกล่าวขับรถยนต์ผ่าน ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บหลายนาย
นอกจากนั้นในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยะหา และเจ้าหน้าที่ทหารพรานจะเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ คนร้ายยังได้กดระเบิดลูกที่สอง โดยคนร้ายนำระเบิดใส่ในรถจักรยานยนต์มาวางไว้ที่บริเวณริมทาง ห่างจากจุดแรกประมาณ 1 กม. แต่ไม่ผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
**ผบ.ตร.ลงใต้มอบนโยบายตำรวจ
ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พร้อมคณะ ได้เดินทางมาประชุมเพื่อมอบนโยบายการปฏิบัติและตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญ แก่ข้าราชการตำรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย พล.ต.อ.อดุลย์ เปิดเผยก่อนประชุมว่า การเดินทางลงพื้นที่ในครั้งนี้ เนื่องจากมีความห่วงใยในสถานการณ์และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ จึงเดินทางมาเพื่อติดตามสถานการณ์และมอบนโยบายการปฏิบัติให้กับหน่วยในพื้นที่ เพราะสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเหตุระเบิดที่เกิดในย่านชุมชนต่างๆ โดยได้กำชับให้ตรวจสอบรถยนต์และรถจักรยานยนต์ต้องสงสัย ซึ่งคาดว่าคนร้ายจะนำมาก่อเหตุ รวมทั้งเร่งรัดในการติดตั้งกล้อง CCTV และใคร่ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่โดยให้ความร่วมมือ และให้ความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อนำสันติสุขกลับสู่พื้นที่ต่อไป
ส่วนกรณีปัญหาความหวาดกลัวในวันศุกร์ เรื่องดังกล่าวก็คงจะต้องดำเนินการตามนโยบายของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งทราบว่ามีการดำเนินการสร้างความเข้าใจกับประชาชน จนมีความเข้าใจมากขึ้นแล้ว และฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้าไปสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่แล้วเช่นกัน เชื่อว่าคงจะไม่มีปัญหา ส่วนปัญหาอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่นั้น ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ ก็จะมาหารือเรื่องนี้เช่นกัน และคาดว่าจะสามารถเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ได้ใหม่ในช่วงเดือนเม.ย.2556 นี้
**จับตาโจรใต้ป่วน!สถาปนาบีอาร์เอ็น
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึงกระแสข่าวการหยุดทำงานวันศุกร์ของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ขณะนี้รัฐบาลพยายามค้นหาตัวบุคคลและกลุ่มผู้ก่อเหตุ โดยประสานความร่วมมือระหว่างทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองในพื้นที่ โดยเฉพาะในวันที่ 10 ต.ค. ซึ่งเป็นวันสถาปนาของกลุ่มบีอาร์เอ็นโคออร์ดิเนต ซึ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายประกาศให้วันศุกร์เป็นวันหยุดราชการ เพราะจากการศึกษาในประเทศบรูไนและมาเลเซีย ซึ่งต่างก็เป็นประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม ก็ยังคงทำงานในวันศุกร์ตามหลักสากลเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ควรเพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความรู้ความเข้าใจที่ตรงกัน
**กอ.รมน.ชมชาวใต้ไม่หยุดตามคำขู่
พล.ท.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษก กอ.รมน. แถลงข่าวชื่นชมประชาชนในพื้นที่ที่ได้มีการออกมารวมพลังแสดงท่าทีคัดค้านการข่มขู่ของโจรใต้ให้หยุดในวันศุกร์ ซึ่งใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง กอ.รมน.ได้ติดตามสังเกตท่าทีของประชาชนในพื้นที่ ได้ทราบว่าประชาชนในหลายพื้นที่มีความต้องการที่จะค้าขายตามปกติ ไม่ต้องการที่จะยอมรับคำขู่ของผู้ก่อเหตุร้าย ซึ่ง กอ.รมน.ก็ขอชื่นชมต่อท่าทีดังกล่าว และขอให้มีความเชื่อมั่นต่อการดูแลของเจ้าหน้าที่ ซึ่งการดูแลของเจ้าหน้าที่โดยแม่ทัพภาค 4 หรือ กอ.รมน.ภาค4ส่วนหน้า ท่านได้ปรับปรุงแก้ไขวิธีการที่จะดูแลชุมชนหรือย่านธุรกิจต่างๆ ให้มีความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องการความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ ถ้าพอจะทราบเบาะแสของผู้ที่ออกมาข่มขู่ หรือผู้ที่พยายามจะก่อเหตุร้ายก็ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบจะได้ลดบทบาทของผู้ที่จะก่อเหตุร้ายลงให้ได้มากที่สุดและเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนโดยส่วนรวม
"ขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อคำขู่เหล่านั้น ซึ่งต่อไปถ้าหากเราหลงเชื่อยอมรับวันศุกร์เป็นวันหยุด ต่อไปก็จะมีการขู่เรียกร้องให้หยุดในวันอื่นๆเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมรับอย่างนั้น จึงขอให้ประชาชนยอมรับวันทำงาน หรือวันหยุดตามที่ทางราชการกำหนดไว้เดิม และทางราชการก็จะเพิ่มมาตรการดูแลเขตเศรษฐกิจหรือพื้นที่ชุมชน ที่มีการค้าขายให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ดูแลเขตเมืองก็ออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนให้ประชาชนค้าขาย เพราะจะทำให้ผู้ที่ต้องการอาหารสดเดือดร้อน ส่วนเรื่องที่มีการก่อเหตุร้ายต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์รายวันนั้น เราพยายามให้ความรู้กับประชาชนในการป้องกันตัวเอง และเจ้าหน้าที่ก็เพิ่มมาตรการในการดูแลให้มากขึ้น" พล.ท.ดิฏฐพร กล่าว
เวลา 13.55 น.วานนี้ (10 ต.ค.) ศูนย์วิทยุ สภ.ยะหา จ.ยะลา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุระเบิดริมถนนสายยะหา-ปะแต ม.5 ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา มีเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้รับบาดเจ็บหลายนาย หลังรับแจ้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และชุดกู้ภัยเทศบาลตำบลยะหา รุดไปยังที่เกิดเหตุ พบคนร้ายได้โรยตะปูเรือใบตามเส้นทางทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัย จากนั้นเจ้าหน้าที่และชุดกู้ภัยได้ช่วยกันลำเลียงเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ได้รับบาดเจ็บนำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา ทั้งหมด 9 ราย ทราบชื่อคือ อส.ทพ.ใหม่ อามาตรมนตรี ได้รับบาดเจ็บสาหัส อส.ทพ.ภูมิ สุขแย้ม ร.ท.โกศล ละอองวิจิตร อส.ทพ.พงษ์พัฒน์ พันศิริ อส.ทพ.ไกรรุ่ง ใจมา อส.ทพ.กังวาล ต่อดอก อส.ทพ.ปฏิพันธ์ พิณโส อส.ทพ.จักรกัณฐ์ เมืองพรม และนายนิกร วงศ์ศรี ทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย ร.4714
ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา และเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา เข้าตรวจสอบหลุมระเบิดบริเวณริมถนน และเศษสะเก็ดระเบิด เศษซากรถจักรยานยนต์ถูกแรงระเบิดจนเสียหายทั้งคัน ห่างไปประมาณ 200 เมตร พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีเทาดำ ของเจ้าหน้าที่ทหารพรานถูกแรงระเบิดได้รับความเสียหาย เสียหลักพุ่งลงข้างทาง
สอบสวนทราบว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 4714 ขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวกลับมาจากปฏิบัติหน้าที่เพื่อเดินทางกลับฐานที่บ้านยาสูบ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายได้นำรถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้างซุกระเบิดแสวงเครื่อง ซึ่งคาดว่าบรรจุอยู่ในถังแก๊สน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 10 กิโลกรัม มาจอดไว้ริมถนนแล้วกดระเบิด ขณะเจ้าหน้าที่ทหารพรานดังกล่าวขับรถยนต์ผ่าน ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บหลายนาย
นอกจากนั้นในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยะหา และเจ้าหน้าที่ทหารพรานจะเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ คนร้ายยังได้กดระเบิดลูกที่สอง โดยคนร้ายนำระเบิดใส่ในรถจักรยานยนต์มาวางไว้ที่บริเวณริมทาง ห่างจากจุดแรกประมาณ 1 กม. แต่ไม่ผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
**ผบ.ตร.ลงใต้มอบนโยบายตำรวจ
ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พร้อมคณะ ได้เดินทางมาประชุมเพื่อมอบนโยบายการปฏิบัติและตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญ แก่ข้าราชการตำรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย พล.ต.อ.อดุลย์ เปิดเผยก่อนประชุมว่า การเดินทางลงพื้นที่ในครั้งนี้ เนื่องจากมีความห่วงใยในสถานการณ์และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ จึงเดินทางมาเพื่อติดตามสถานการณ์และมอบนโยบายการปฏิบัติให้กับหน่วยในพื้นที่ เพราะสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเหตุระเบิดที่เกิดในย่านชุมชนต่างๆ โดยได้กำชับให้ตรวจสอบรถยนต์และรถจักรยานยนต์ต้องสงสัย ซึ่งคาดว่าคนร้ายจะนำมาก่อเหตุ รวมทั้งเร่งรัดในการติดตั้งกล้อง CCTV และใคร่ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่โดยให้ความร่วมมือ และให้ความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อนำสันติสุขกลับสู่พื้นที่ต่อไป
ส่วนกรณีปัญหาความหวาดกลัวในวันศุกร์ เรื่องดังกล่าวก็คงจะต้องดำเนินการตามนโยบายของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งทราบว่ามีการดำเนินการสร้างความเข้าใจกับประชาชน จนมีความเข้าใจมากขึ้นแล้ว และฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้าไปสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่แล้วเช่นกัน เชื่อว่าคงจะไม่มีปัญหา ส่วนปัญหาอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่นั้น ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ ก็จะมาหารือเรื่องนี้เช่นกัน และคาดว่าจะสามารถเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ได้ใหม่ในช่วงเดือนเม.ย.2556 นี้
**จับตาโจรใต้ป่วน!สถาปนาบีอาร์เอ็น
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึงกระแสข่าวการหยุดทำงานวันศุกร์ของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ขณะนี้รัฐบาลพยายามค้นหาตัวบุคคลและกลุ่มผู้ก่อเหตุ โดยประสานความร่วมมือระหว่างทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองในพื้นที่ โดยเฉพาะในวันที่ 10 ต.ค. ซึ่งเป็นวันสถาปนาของกลุ่มบีอาร์เอ็นโคออร์ดิเนต ซึ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายประกาศให้วันศุกร์เป็นวันหยุดราชการ เพราะจากการศึกษาในประเทศบรูไนและมาเลเซีย ซึ่งต่างก็เป็นประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม ก็ยังคงทำงานในวันศุกร์ตามหลักสากลเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ควรเพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความรู้ความเข้าใจที่ตรงกัน
**กอ.รมน.ชมชาวใต้ไม่หยุดตามคำขู่
พล.ท.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษก กอ.รมน. แถลงข่าวชื่นชมประชาชนในพื้นที่ที่ได้มีการออกมารวมพลังแสดงท่าทีคัดค้านการข่มขู่ของโจรใต้ให้หยุดในวันศุกร์ ซึ่งใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง กอ.รมน.ได้ติดตามสังเกตท่าทีของประชาชนในพื้นที่ ได้ทราบว่าประชาชนในหลายพื้นที่มีความต้องการที่จะค้าขายตามปกติ ไม่ต้องการที่จะยอมรับคำขู่ของผู้ก่อเหตุร้าย ซึ่ง กอ.รมน.ก็ขอชื่นชมต่อท่าทีดังกล่าว และขอให้มีความเชื่อมั่นต่อการดูแลของเจ้าหน้าที่ ซึ่งการดูแลของเจ้าหน้าที่โดยแม่ทัพภาค 4 หรือ กอ.รมน.ภาค4ส่วนหน้า ท่านได้ปรับปรุงแก้ไขวิธีการที่จะดูแลชุมชนหรือย่านธุรกิจต่างๆ ให้มีความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องการความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ ถ้าพอจะทราบเบาะแสของผู้ที่ออกมาข่มขู่ หรือผู้ที่พยายามจะก่อเหตุร้ายก็ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบจะได้ลดบทบาทของผู้ที่จะก่อเหตุร้ายลงให้ได้มากที่สุดและเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนโดยส่วนรวม
"ขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อคำขู่เหล่านั้น ซึ่งต่อไปถ้าหากเราหลงเชื่อยอมรับวันศุกร์เป็นวันหยุด ต่อไปก็จะมีการขู่เรียกร้องให้หยุดในวันอื่นๆเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมรับอย่างนั้น จึงขอให้ประชาชนยอมรับวันทำงาน หรือวันหยุดตามที่ทางราชการกำหนดไว้เดิม และทางราชการก็จะเพิ่มมาตรการดูแลเขตเศรษฐกิจหรือพื้นที่ชุมชน ที่มีการค้าขายให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ดูแลเขตเมืองก็ออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนให้ประชาชนค้าขาย เพราะจะทำให้ผู้ที่ต้องการอาหารสดเดือดร้อน ส่วนเรื่องที่มีการก่อเหตุร้ายต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์รายวันนั้น เราพยายามให้ความรู้กับประชาชนในการป้องกันตัวเอง และเจ้าหน้าที่ก็เพิ่มมาตรการในการดูแลให้มากขึ้น" พล.ท.ดิฏฐพร กล่าว