xs
xsm
sm
md
lg

จนท.กู้ภัยจันท์ตกเป็นผู้ต้องสงสัยหลังเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จันทบุรี - เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ จันทบุรี ตกเป็นผู้ต้องสงสัยหลังเข้าช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์ พบทรัพย์สินสูญหายเป็นจำนวนมาก

วันนี้ (25 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายปกรณ์ สุขสิงห์ เจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี เขตสอยดาว ว่าถูกนายพงษ์พัฒน์ โชติปัญญา เจ้าของรถยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุชนรถจักรยานยนต์เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา เวลา 01.45 น.ได้แจ้งความต่อ ร.ต.ท.เศรษฐพงษ์ หลินภู ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรสอยดาว ว่า นายปกรณ์ สุขสิงห์ เจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี เขตสอยดาว ได้นำเงินที่อยู่ภายในรถกว่า 5 แสนบาท และปืนกล็อก 1 กระบอกไป

ในเรื่องนี้นายปกรณ์ ได้เข้าร้องสื่อเพื่อขอความเป็นธรรมพร้อมเดินทางเข้าแจ้งความกลับต่อ ร.ต.ท.เศรษฐพงษ์ หลินภู ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรสอยดาว ว่าถูกใส่ร้าย เพราะตนเองไม่ได้เป็นคนนำเงิน และปืนไปแต่อย่างใด ทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง และเสื่อมเสียถึงสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี จึงอยากขอความเป็นธรรมให้สื่อได้ตีแพร่ความจริง และหาคนร้ายที่นำเงิน และปืนไปมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ด้วย

ผู้สื่อข่าวจึงไปที่สถานีตำรวจภูธรสอยดาวพบเจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี เขตสอยดาว และเขตโป่งน้ำร้อนเดินทางมาเต็มโรงพักเป็นจำนวนมาก ในเบื้องต้น ทาง ร.ต.ท.เศรษฐพงษ์ หลินภู ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรสอยดาว ได้เรียกนายปกรณ์ เข้ามาพูดคุยต่อหน้าสื่อมวลชนหลายแขนงที่เดินทางมาทำข่าว โดยร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรสอยดาวได้ชี้แจงว่า นายปกรณ์ เจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี และเพื่อนกู้ภัยเขตสอยดาวอีก 2 คน ที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุรถยนต์ของ นายพงษ์พัฒน์ ชนกับรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านจริง เนื่องจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้ง 3 คน ได้ไปถึงที่เกิดเหตุก่อนใครเพื่อที่จะช่วยเหลือนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ได้มีพลเมืองดีได้มีการนำผู้ได้รับบาดเจ็บที่เป็นชาวบ้านส่งโรงพยาบาลก่อนหน้านี้แล้ว โดยมี นายพงษ์พัฒน์ คนขับรถยนต์ได้เข้าไปช่วยเหลือด้วย แต่ในช่วงจังหวะที่ นายพงษ์พัฒน์ เข้าช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่นั้นไม่รู้ว่า ใครมาหยิบเงินในรถของนายพงษ์พัฒน์ไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งสืบหามือดีรายนี้อยู่ แต่ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ระบุว่า นายปกณ์ เจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัย และเพื่อนกู้ภัยอีก 2 คน เป็นบุคคลต้องสงสัยแต่อย่างใด เพียงแต่มาสอบปากคำเพื่อเป็นพยานเท่านั้น

ด้านนายพงษ์พัฒน์ ยังคงปักใจเชื่อว่าเจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัย ทั้ง 2 คน เป็นคนนำเงิน และปืนของตนเองไป ซึ่งในเรื่องนี้ทางร้อยเวรจะได้มีการเรียก นายปกรณ์ เจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัย และเพื่อนกู้ภัยอีก 2 คน พร้อมด้วยคู่กรณี คือ นายพงษ์พัฒน์ มาทำการสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง แต่ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการขอพิมพ์ลายมือเจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยทั้ง 3 คนไว้ เพื่อความบริสุทธิ์ใจเพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ว่าหาลายนิ้วมือแฝงว่าตรงกับลายนิ้วของรถ นายพงษ์พัฒน์ คู่กรณีหรือไหมอย่างไร

ส่วนด้านการสืบสวนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้มีการเร่งสืบหามือดีรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนนายปกรณ์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ถูกใส่ร้ายให้การว่า ตนเองทำงานเป็นเจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยมากว่า 8 ปี แล้ว และไม่เคยที่จะหยิบเงินของผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด ตนเองทำงานด้านนี้เพื่อประโยชน์ทางสังคมช่วยเหลือสังคมไม่หวังสิ่งตอบแทนอะไร และมาถูกใส่ร้ายป้ายสีเช่นนี้ตนเองรู้สึกเสื่อมเสียชื่อเสียง และสมาคมเป็นอย่างมากจึงได้ร้องสื่อให้ช่วยเหลือดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น