**นับวันยิ่งลาม นับวันยิ่งหนักข้อ ในการฟาดฟันเชือดเฉือนชิงเหลี่ยมทางการเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐบาล กับ กทม. โดยนำสถานการณ์น้ำ เรื่องป้องกันน้ำท่วมมาสาดโคลน พ่นน้ำลายใส่กัน ท่ามกลางความเอือมระอาของประชาชน
ปัญหาน้ำท่วมเป็นเรื่องที่ทำชาวบ้านขนหัวลุก วิตกกังวลว่ามันจะท่วมซ้ำรอยกับปีที่แล้วหรือไม่ ยังไม่สามารถนิ่งนอนใจได้แม้วินาที แม้ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในปีนี้จะไม่หนักหนาสาหัสเท่าปีที่แล้ว แต่ยังต้องเฝ้าจับตาอีกเดือน สองเดือน โดยเฉพาะประชาชนชาวกทม.
แต่ภาพที่เห็นตรงหน้านอกจากรัฐบาลและกทม.จะไม่ประสานความร่วมมือแก้ไข ป้องกัน เรื่องนี้แล้ว ยังฟัดกันจะเป็นจะตาย บางคนเห็นก็อยากเอา "น้ำร้อนสาด"
เกมดิสเครดิต หั่นแต้มคู่แข่งก่อนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่กี่เดือนข้างหน้า เข้มข้นขึ้นเป็นลำดับเรื่อยมา นับตั้งแต่การพาสื่อลงพื้นที่เค้นให้ดูความล้มเหลวของอีกฝ่าย ฟากพรรคประชาธิปัตย์มุ่งไปที่คลองลาดพร้าว ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็ดูแล้วดูอีกเรื่องของอุโมงค์ยักษ์
**ชาวบ้านบางคนเห็นแล้วก็เข้าใจชัดเจนว่ามันเป็นการกัดกัน ดูไปก็เพลินดี แต่คิดอีกที ชิบหาย เอาแต่เล่นการเมือง บอกไอ้นั้นเลวอย่างงั้นอย่างนี้ ไม่เห็นจะทำส้นเกือกอะไรกันเลยนี่หว่า
มาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่หยุดเล่นเกมการเมือง แม้เสียงชาวบ้าน เสียงโพล พยายามห้ามปรามให้หยุดกันเสียที แต่ว่าไร้ผล นิสัยนักการเมืองเปลี่ยนยาก สร้างผลงานมันทำยากใช้วิธีดิสเครดิตคนอื่นง่ายกว่าเป็นไหนๆ
พรรคเพื่อไทยยังคงเดินหน้าตามล้างตามเช็ด จับผิดการทำงานของกทม.อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ล่าสุดไปเจอ “ของเด็ด ถุงทรายในท่อระบายน้ำ” ก็ตีปี๊บโหมโรงถล่มกทม.แบบไม่รั้งรอ จี้แจงให้ชัดมันคืออะไรแน่ ฝ่ายกทม.ก็แก้เกี้ยวในทันทีว่าเป็นการป้องกันเชิงเทคนิค!!
เหมือนเป็นการเปิดช่องให้ฝ่ายพรรคเพื่อไทย ปลอดประสพ สุรัสวดี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ไล่ถล่มทันที ได้ทีกะเหยียบให้จมดิน แทงหนังสือให้กทม.ชี้แจงเรื่องกระสอบทราย ข้องใจว่าเอาไปวางไว้ทำมะเขือเผาอะไร ใช้ทฤษฎีหลักการอะไรในการไปวางแล้วช่วยป้องกันน้ำท่วม แล้วเคยประเมินผลสำเร็จหรือยัง ขีดเส้นตายให้รีบเอาไปทิ้งภายใน 15 วัน มิฉะนั้นจะไปเอาออกเอง..
**ตั้งข้อสงสัยจนฟากกทม. จนแต้ม ไปไม่เป็น ลิ้นจุกปาก
ไล่เบี้ยทั้งเครือข่ายพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ ธีรชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯจอมเฟซบุ๊ก ที่ตั้งข้อสังเกตมัดตัวว่ามีคนแกล้งกทม.ด้วยการเอากระสอบทรายไปใส่ โฆษกกทม.บอกให้ประชาชนแจ้งมาว่ามีกระสอบทรายที่ไหนจะไปเก็บ และอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้ถามให้รัฐบาลไปจับคนเอากระสอบทรายมาใส่ท่อน้ำของกทม.
ทั้งหมดสะท้อนว่า ไม่เคยมีความคิดจะใช้กระสอบทรายมาอุดท่อเป็นเทคนิคระบายน้ำตามที่อ้าง ซัดเป็นการเต้าเรื่องหลังถูกจับได้คาหนังคาเขา จึงแก้ตัวน้ำขุ่นๆ !!
"ปลอดประสพ" ซัดไม่ยั้ง พวกซื่อบื้อ ดื้อตาใส เย้ยหยามว่าเป็นเทคนิคขั้นสูงแห่งแรกของโลก ไม่เคยมีที่ไหนทำมาก่อน นอกจากกทม.ที่นี่ที่เดียว..
สวมวิญญาณโรนันโด้ลูกเข้าทางซัดไม่ยั้ง กระนั้นก็ตามดูเหมือนว่าจะไม่ยอมจำนน ยอมเสียแต้มกันง่ายๆ สุขุมพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.สวมบทหมูไม่กลัวน้ำร้อน เสียงแข็งกร้าวแต่อ้อแอ้เหมือนยังไม่สร่าง ถึงอย่างไรก็ไม่รื้อกระสอบทราย อ้างว่าการยัดถุงกระสอบทราบเป็นเทคนิคที่หลายประเทศใช้ ไม่ได้เป็นอุปสรรคกีดขวางทางน้ำแต่ประการใด ด่ากลับใครจะทำอะไรไม่ใช่สักแต่พูด อย่ามาข่มขู่ให้ยาก
“ขอย้ำอีกครั้งว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องทางเทคนิค ผมไม่อยากให้มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งกรุงเทพฯมีพื้นที่กว่า 1,600 ตารางกิโลเมตร คิดว่าไม่จำเป็นที่ต้องรายงานให้ กบอ.ทราบทุกจุด กทม.ไม่ได้มีปัญหากับ กบอ. มีเพียงสมาชิกสภาผู้แทน (ส.ส.)ไม่กี่คนเท่านั้น หากต้องการทราบข้อเท็จจริงขอให้ประสานมาที่ กทม. ไม่ใช่รื้อกระสอบทรายออก"
ขณะเดียวกันกทม.ยังได้เชิญนักวิชาการชื่อดัง ปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน มาร่วมแถลงสำทับถึงแนวทางการใช้เทคนิคบันลือโลก เอ่ยอ้างปนหลักวิชาการว่า กทม.ทำระบบปิดล้อมย่อย การนำกระสอบทรายอุดท่อระบายน้ำเป็นเรื่องของเทคนิคทางวิศวกรรม จวกกลับกบอ.เลอะเทอะ ไม่เข้าใจ
อย่าว่าแต่กบอ.ไม่เข้าใจเลย ชาวบ้านตาดำๆ ก็คงไม่เข้าใจ สงสัยกับปรัชญาแก้ปัญหาน้ำท่วมด้วยการเอากระสอบทรายไปอุดท่อ มันอธิบายเหตุและผลได้ยากสิ้นดี มันน่าจะเป็นอาการจวนตัว เมื่อถึงทางตันก็ต้องหาทางออกให้ตัวเอง ไม่มีทางยอมรับตามตรง ขืนทำแบบนั้นเสียคะแนนบาน
ยิ่งใกล้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เข้าไปทุกที เพลี่ยงพล้ำนิดเดียวจบเห่เอาง่ายๆ ฉะนั้นต้องตั้งรับทุกกระบวนท่า ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามรุกหนักเหลือเกิน แม้โพลจะยังชี้เชิงก้ำกึ่ง พรรคประชาธิปัตย์เหนือกว่านิดๆ ในสนามกทม. แต่ก็ไม่สามารถไว้วางใจอะไรได้
แม้แต่คนในพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันเองยังป้องปากนินทากันให้แซ่ดถึงการทำงานของ "สุขุมพันธุ์" นับวันคะแนนยิ่งหดหาย ไม่มีแอ๊คชั่นอะไรที่ได้คะแนนเลย
ยังคงมีความพยายามเลี่ยนตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. อยู่ทุกนาที ส่ง กรณ์ จาติกวณิช ลงสนามแทน แต่ติดตรงที่ว่าจะออกตัวกันอย่างไร หากเปลี่ยนตัวเอา "กรณ์" มาจริง จะตอบคำถามสังคมอย่างไร มันเท่ากับยอมรับกลายๆว่า ที่ผ่านมาการทำงานของ "สุขุมพันธุ์" มันล้มเหลว โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม
** และเสียงของชาวบ้านที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ก็ออกมาในเชิงลบกับผู้ว่าฯ กทม. คนปัจจุบัน ไม่รู้ว่าจะดิ้น จะกระเสือกกระสนยื้อไปได้สักกี่น้ำ พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก
ต่างจากพรรคเพื่อไทย ที่กำลังนั่งอยู่บนดูเลือกตัวผู้สมัครอย่างสบายใจ เกมรับมือน้ำดูเหมือนจะมีชัยเหนือกทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ในเบื้องต้น กำลังจัดแจงเฟ้นเลือกผู้สมัคร ที่วางตัว พงศพัศ พงษ์เจริญ เอาไว้สู้ศึก อาศัยกระแสพรรคเป็นตัวนำ พร้อมยำใหญ่ฝ่ายตรงข้าม ด้วยการใช้ยุทธศาสตร์ใช้ตัวเป้งๆ ออกโรงกระหน่ำดิสเครดิต กทม.
ตั้งเป้ายึดการเมืองทั้งสนามใหญ่ สนามเล็ก บริหารเบ็ดเสร็จทั้งประเทศไทย "พงศพัศ" เป็นตัวเลือกที่ไม่ต้องแต่งตัวนาน เจ้าตัวเองก็ถือว่าโอเคมาชิมลางสนามเลือกตั้ง หากแพ้ก็ไม่เป็นไร กลับเข้ารับราชการตำรวจ ลุ้นเป็นผบ.ตร.ต่อไปได้
**ภายใต้รัฐบาลชุดนี้ จะให้ใครเข้าใครก็ออกก็ได้ ไม่เป็นไร!!
-----------------------------
ปัญหาน้ำท่วมเป็นเรื่องที่ทำชาวบ้านขนหัวลุก วิตกกังวลว่ามันจะท่วมซ้ำรอยกับปีที่แล้วหรือไม่ ยังไม่สามารถนิ่งนอนใจได้แม้วินาที แม้ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในปีนี้จะไม่หนักหนาสาหัสเท่าปีที่แล้ว แต่ยังต้องเฝ้าจับตาอีกเดือน สองเดือน โดยเฉพาะประชาชนชาวกทม.
แต่ภาพที่เห็นตรงหน้านอกจากรัฐบาลและกทม.จะไม่ประสานความร่วมมือแก้ไข ป้องกัน เรื่องนี้แล้ว ยังฟัดกันจะเป็นจะตาย บางคนเห็นก็อยากเอา "น้ำร้อนสาด"
เกมดิสเครดิต หั่นแต้มคู่แข่งก่อนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่กี่เดือนข้างหน้า เข้มข้นขึ้นเป็นลำดับเรื่อยมา นับตั้งแต่การพาสื่อลงพื้นที่เค้นให้ดูความล้มเหลวของอีกฝ่าย ฟากพรรคประชาธิปัตย์มุ่งไปที่คลองลาดพร้าว ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็ดูแล้วดูอีกเรื่องของอุโมงค์ยักษ์
**ชาวบ้านบางคนเห็นแล้วก็เข้าใจชัดเจนว่ามันเป็นการกัดกัน ดูไปก็เพลินดี แต่คิดอีกที ชิบหาย เอาแต่เล่นการเมือง บอกไอ้นั้นเลวอย่างงั้นอย่างนี้ ไม่เห็นจะทำส้นเกือกอะไรกันเลยนี่หว่า
มาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่หยุดเล่นเกมการเมือง แม้เสียงชาวบ้าน เสียงโพล พยายามห้ามปรามให้หยุดกันเสียที แต่ว่าไร้ผล นิสัยนักการเมืองเปลี่ยนยาก สร้างผลงานมันทำยากใช้วิธีดิสเครดิตคนอื่นง่ายกว่าเป็นไหนๆ
พรรคเพื่อไทยยังคงเดินหน้าตามล้างตามเช็ด จับผิดการทำงานของกทม.อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ล่าสุดไปเจอ “ของเด็ด ถุงทรายในท่อระบายน้ำ” ก็ตีปี๊บโหมโรงถล่มกทม.แบบไม่รั้งรอ จี้แจงให้ชัดมันคืออะไรแน่ ฝ่ายกทม.ก็แก้เกี้ยวในทันทีว่าเป็นการป้องกันเชิงเทคนิค!!
เหมือนเป็นการเปิดช่องให้ฝ่ายพรรคเพื่อไทย ปลอดประสพ สุรัสวดี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ไล่ถล่มทันที ได้ทีกะเหยียบให้จมดิน แทงหนังสือให้กทม.ชี้แจงเรื่องกระสอบทราย ข้องใจว่าเอาไปวางไว้ทำมะเขือเผาอะไร ใช้ทฤษฎีหลักการอะไรในการไปวางแล้วช่วยป้องกันน้ำท่วม แล้วเคยประเมินผลสำเร็จหรือยัง ขีดเส้นตายให้รีบเอาไปทิ้งภายใน 15 วัน มิฉะนั้นจะไปเอาออกเอง..
**ตั้งข้อสงสัยจนฟากกทม. จนแต้ม ไปไม่เป็น ลิ้นจุกปาก
ไล่เบี้ยทั้งเครือข่ายพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ ธีรชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯจอมเฟซบุ๊ก ที่ตั้งข้อสังเกตมัดตัวว่ามีคนแกล้งกทม.ด้วยการเอากระสอบทรายไปใส่ โฆษกกทม.บอกให้ประชาชนแจ้งมาว่ามีกระสอบทรายที่ไหนจะไปเก็บ และอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้ถามให้รัฐบาลไปจับคนเอากระสอบทรายมาใส่ท่อน้ำของกทม.
ทั้งหมดสะท้อนว่า ไม่เคยมีความคิดจะใช้กระสอบทรายมาอุดท่อเป็นเทคนิคระบายน้ำตามที่อ้าง ซัดเป็นการเต้าเรื่องหลังถูกจับได้คาหนังคาเขา จึงแก้ตัวน้ำขุ่นๆ !!
"ปลอดประสพ" ซัดไม่ยั้ง พวกซื่อบื้อ ดื้อตาใส เย้ยหยามว่าเป็นเทคนิคขั้นสูงแห่งแรกของโลก ไม่เคยมีที่ไหนทำมาก่อน นอกจากกทม.ที่นี่ที่เดียว..
สวมวิญญาณโรนันโด้ลูกเข้าทางซัดไม่ยั้ง กระนั้นก็ตามดูเหมือนว่าจะไม่ยอมจำนน ยอมเสียแต้มกันง่ายๆ สุขุมพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.สวมบทหมูไม่กลัวน้ำร้อน เสียงแข็งกร้าวแต่อ้อแอ้เหมือนยังไม่สร่าง ถึงอย่างไรก็ไม่รื้อกระสอบทราย อ้างว่าการยัดถุงกระสอบทราบเป็นเทคนิคที่หลายประเทศใช้ ไม่ได้เป็นอุปสรรคกีดขวางทางน้ำแต่ประการใด ด่ากลับใครจะทำอะไรไม่ใช่สักแต่พูด อย่ามาข่มขู่ให้ยาก
“ขอย้ำอีกครั้งว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องทางเทคนิค ผมไม่อยากให้มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งกรุงเทพฯมีพื้นที่กว่า 1,600 ตารางกิโลเมตร คิดว่าไม่จำเป็นที่ต้องรายงานให้ กบอ.ทราบทุกจุด กทม.ไม่ได้มีปัญหากับ กบอ. มีเพียงสมาชิกสภาผู้แทน (ส.ส.)ไม่กี่คนเท่านั้น หากต้องการทราบข้อเท็จจริงขอให้ประสานมาที่ กทม. ไม่ใช่รื้อกระสอบทรายออก"
ขณะเดียวกันกทม.ยังได้เชิญนักวิชาการชื่อดัง ปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน มาร่วมแถลงสำทับถึงแนวทางการใช้เทคนิคบันลือโลก เอ่ยอ้างปนหลักวิชาการว่า กทม.ทำระบบปิดล้อมย่อย การนำกระสอบทรายอุดท่อระบายน้ำเป็นเรื่องของเทคนิคทางวิศวกรรม จวกกลับกบอ.เลอะเทอะ ไม่เข้าใจ
อย่าว่าแต่กบอ.ไม่เข้าใจเลย ชาวบ้านตาดำๆ ก็คงไม่เข้าใจ สงสัยกับปรัชญาแก้ปัญหาน้ำท่วมด้วยการเอากระสอบทรายไปอุดท่อ มันอธิบายเหตุและผลได้ยากสิ้นดี มันน่าจะเป็นอาการจวนตัว เมื่อถึงทางตันก็ต้องหาทางออกให้ตัวเอง ไม่มีทางยอมรับตามตรง ขืนทำแบบนั้นเสียคะแนนบาน
ยิ่งใกล้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เข้าไปทุกที เพลี่ยงพล้ำนิดเดียวจบเห่เอาง่ายๆ ฉะนั้นต้องตั้งรับทุกกระบวนท่า ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามรุกหนักเหลือเกิน แม้โพลจะยังชี้เชิงก้ำกึ่ง พรรคประชาธิปัตย์เหนือกว่านิดๆ ในสนามกทม. แต่ก็ไม่สามารถไว้วางใจอะไรได้
แม้แต่คนในพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันเองยังป้องปากนินทากันให้แซ่ดถึงการทำงานของ "สุขุมพันธุ์" นับวันคะแนนยิ่งหดหาย ไม่มีแอ๊คชั่นอะไรที่ได้คะแนนเลย
ยังคงมีความพยายามเลี่ยนตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. อยู่ทุกนาที ส่ง กรณ์ จาติกวณิช ลงสนามแทน แต่ติดตรงที่ว่าจะออกตัวกันอย่างไร หากเปลี่ยนตัวเอา "กรณ์" มาจริง จะตอบคำถามสังคมอย่างไร มันเท่ากับยอมรับกลายๆว่า ที่ผ่านมาการทำงานของ "สุขุมพันธุ์" มันล้มเหลว โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม
** และเสียงของชาวบ้านที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ก็ออกมาในเชิงลบกับผู้ว่าฯ กทม. คนปัจจุบัน ไม่รู้ว่าจะดิ้น จะกระเสือกกระสนยื้อไปได้สักกี่น้ำ พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก
ต่างจากพรรคเพื่อไทย ที่กำลังนั่งอยู่บนดูเลือกตัวผู้สมัครอย่างสบายใจ เกมรับมือน้ำดูเหมือนจะมีชัยเหนือกทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ในเบื้องต้น กำลังจัดแจงเฟ้นเลือกผู้สมัคร ที่วางตัว พงศพัศ พงษ์เจริญ เอาไว้สู้ศึก อาศัยกระแสพรรคเป็นตัวนำ พร้อมยำใหญ่ฝ่ายตรงข้าม ด้วยการใช้ยุทธศาสตร์ใช้ตัวเป้งๆ ออกโรงกระหน่ำดิสเครดิต กทม.
ตั้งเป้ายึดการเมืองทั้งสนามใหญ่ สนามเล็ก บริหารเบ็ดเสร็จทั้งประเทศไทย "พงศพัศ" เป็นตัวเลือกที่ไม่ต้องแต่งตัวนาน เจ้าตัวเองก็ถือว่าโอเคมาชิมลางสนามเลือกตั้ง หากแพ้ก็ไม่เป็นไร กลับเข้ารับราชการตำรวจ ลุ้นเป็นผบ.ตร.ต่อไปได้
**ภายใต้รัฐบาลชุดนี้ จะให้ใครเข้าใครก็ออกก็ได้ ไม่เป็นไร!!
-----------------------------