ASTV ผู้จัดการรายวัน-ศาลฎีกายืนจำคุก 42 ปี 6 เดือน อดีตรอง ผกก.กำแพงเพชร ขับรถให้ภรรยาช่างเสริมสวย ตระเวนส่งยาบ้าให้ลูกค้า ศาลฎีกาชี้พยานหลักฐานแน่นหนา ไม่มีเหตุกลั่นแกล้งขณะเกิดเหตุเป็นข้าราชการ ต้องวางโทษเป็น 3 เท่า
วานนี้ (3 ต.ค.) ที่ห้องพิจารณา 803 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา คดีที่อัยการฝ่ายคดียาเสพติด เป็นโจทก์ฟ้อง นางพเยาว์ พลาพล อายุ 53 ปี อดีตช่างเสริมสวย และเป็นภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนของ พ.ต.ท.ประสิทธิ์ กลิ่นหอม อายุ 69 ปี อดีตรอง ผกก.อก.ภ.จ.กำแพงเพชร เป็นจำเลย 1-2 ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2545 จำเลยทั้งสองร่วมกันมียาบ้าสีส้ม บรรจุในถุงพลาสติก 3 ถุง จำนวน 598 เม็ด ราคาประมาณ 25,000 บาท ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.ร่วมกันปลอมตัววางแผนล่อซื้อ และจับกุมได้บริเวณร้านก๋วยเตี๋ยวริมถนนสายพรานกระต่าย ต.วังควง อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร พร้อมรถยนต์เก๋งบีเอ็มดับเบิลยู สีเทา ทะเบียน ข 3890 เชียงใหม่ และอาวุธปืนขนาด .357 รีวอลเวอร์ จำนวน 1 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุนที่ซุกซ่อนไว้ในกระเป๋าสีดำเบาะหลัง ยึดเป็นของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ตามกฎหมาย ซึ่งจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2546 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 และ 2 คนละ 14 ปี แต่จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 7 ปี อย่างไรก็ตาม จำเลยที่ 2 ขณะเกิดเหตุเป็นข้าราชการ ต้องวางโทษเป็น 3 เท่า รวมจำคุก 42 ปี และฐานกระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนจำคุกอีก 6 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 42 ปี 6 เดือน
ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และจำเลยที่ 2 ยื่นฎีกา ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้วพิเคราะห์ว่าว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่ จ.กำแพงเพชร และจังหวัดใกล้เคียง โดยมีจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์พาไปส่งยาเสพติดให้ลูกค้า ซึ่งจำเลยที่ 2 ย่อมต้องรับรู้ถึงการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ด้วย อีกทั้งพยานโจทก์ชุดจับกุมเป็นพนักงานของรัฐ ปฏิบัติตามหน้าที่ และไม่ปรากฏว่าพยานมีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน โดยเฉพาะจำเลยที่ 2 ก็เป็นเจ้าพนักงานตำรวจเช่นกัน กรณีจึงไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าพยานโจทก์จะเบิกความกลั่นแกล้งให้ ต้องรับโทษ ฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ และศาลชั้นต้น
วานนี้ (3 ต.ค.) ที่ห้องพิจารณา 803 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา คดีที่อัยการฝ่ายคดียาเสพติด เป็นโจทก์ฟ้อง นางพเยาว์ พลาพล อายุ 53 ปี อดีตช่างเสริมสวย และเป็นภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนของ พ.ต.ท.ประสิทธิ์ กลิ่นหอม อายุ 69 ปี อดีตรอง ผกก.อก.ภ.จ.กำแพงเพชร เป็นจำเลย 1-2 ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2545 จำเลยทั้งสองร่วมกันมียาบ้าสีส้ม บรรจุในถุงพลาสติก 3 ถุง จำนวน 598 เม็ด ราคาประมาณ 25,000 บาท ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.ร่วมกันปลอมตัววางแผนล่อซื้อ และจับกุมได้บริเวณร้านก๋วยเตี๋ยวริมถนนสายพรานกระต่าย ต.วังควง อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร พร้อมรถยนต์เก๋งบีเอ็มดับเบิลยู สีเทา ทะเบียน ข 3890 เชียงใหม่ และอาวุธปืนขนาด .357 รีวอลเวอร์ จำนวน 1 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุนที่ซุกซ่อนไว้ในกระเป๋าสีดำเบาะหลัง ยึดเป็นของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ตามกฎหมาย ซึ่งจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2546 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 และ 2 คนละ 14 ปี แต่จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 7 ปี อย่างไรก็ตาม จำเลยที่ 2 ขณะเกิดเหตุเป็นข้าราชการ ต้องวางโทษเป็น 3 เท่า รวมจำคุก 42 ปี และฐานกระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนจำคุกอีก 6 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 42 ปี 6 เดือน
ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และจำเลยที่ 2 ยื่นฎีกา ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้วพิเคราะห์ว่าว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่ จ.กำแพงเพชร และจังหวัดใกล้เคียง โดยมีจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์พาไปส่งยาเสพติดให้ลูกค้า ซึ่งจำเลยที่ 2 ย่อมต้องรับรู้ถึงการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ด้วย อีกทั้งพยานโจทก์ชุดจับกุมเป็นพนักงานของรัฐ ปฏิบัติตามหน้าที่ และไม่ปรากฏว่าพยานมีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน โดยเฉพาะจำเลยที่ 2 ก็เป็นเจ้าพนักงานตำรวจเช่นกัน กรณีจึงไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าพยานโจทก์จะเบิกความกลั่นแกล้งให้ ต้องรับโทษ ฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ และศาลชั้นต้น