ศาลไม่รับฏีกา “เสี่ยโอฬาร” เจ้าของสวนส้มค้ายาบ้า สั่งให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิตตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
ที่ห้องพิจารณาคดี 907 ศาลอาญา เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (4 ก.ย.) ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ ย.565/2548 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 1 เป็นโจทก์ ฟ้อง นางวรนุช หรือ ติ๋ม ธีราทรง อายุ 54 ปี น.ส.วราภรณ์ หรือ เอ๋ ธีราทรง อายุ 37 ปี และนายอเนก หรือโอฬาร สุดิรัตน์ อายุ 54 ปี หรือ "เสี่ยโอฬาร" เจ้าของสวนส้มใน จ.เชียงราย จำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) เพื่อจำหน่าย
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 20 พ.ย.47- 7 ธ.ค. 2547 จำเลยทั้งสามกับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันมียาบ้าจำนวน 1,350,000 เม็ด ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2547 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ต.ประตูน้ำพระอินทร์ จ.ปทุมธานี จับกุมจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นแม่ลูกกันได้ พร้อมยาบ้าของกลาง 50,000 เม็ด และสอบสวนขยายผลจับกุมจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นสามีของจำเลยที่ 1 ได้เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.2547 พร้อมของกลางยาบ้าอีก 1,300,000 เม็ดที่ซุกซ่อนอยู่ในถังน้ำแข็ง 3 ใบ เหตุเกิดที่ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และเขตประเวศ กทม.ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-2 ให้การปฏิเสธ และนำสืบต่อสู้คดีทำนองว่าเป็นเพียงผู้ดูแลคอยทำความสะอาดบ้านให้จำเลยที่ 3 เท่านั้น ไม่เคยรู้เห็นเกี่ยวกับยาบ้าที่ซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าน ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ โดยตลอดไม่ต่อสู้คดี
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 3 จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 3 ไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 1 และ 2 ให้ยกฟ้อง และริบของกลาง ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
อย่างไรก็ตามวันนี้ เป็นการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้โจทก์ฟัง เนื่องจาก เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2555 ศาลได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาให้จำเลยที่ 3 ฟังแล้วที่เรือนจำกลางเขาบิน จังหวัดราชบุรี ซึ่งศาลฎีกาประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นควรไม่รับฎีกาของจำเลยไว้วินิจฉัย จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 3 ตลอดชีวิต และยกฟ้องจำเลยที่ 1 และ 2
ที่ห้องพิจารณาคดี 907 ศาลอาญา เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (4 ก.ย.) ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ ย.565/2548 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 1 เป็นโจทก์ ฟ้อง นางวรนุช หรือ ติ๋ม ธีราทรง อายุ 54 ปี น.ส.วราภรณ์ หรือ เอ๋ ธีราทรง อายุ 37 ปี และนายอเนก หรือโอฬาร สุดิรัตน์ อายุ 54 ปี หรือ "เสี่ยโอฬาร" เจ้าของสวนส้มใน จ.เชียงราย จำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) เพื่อจำหน่าย
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 20 พ.ย.47- 7 ธ.ค. 2547 จำเลยทั้งสามกับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันมียาบ้าจำนวน 1,350,000 เม็ด ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2547 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ต.ประตูน้ำพระอินทร์ จ.ปทุมธานี จับกุมจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นแม่ลูกกันได้ พร้อมยาบ้าของกลาง 50,000 เม็ด และสอบสวนขยายผลจับกุมจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นสามีของจำเลยที่ 1 ได้เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.2547 พร้อมของกลางยาบ้าอีก 1,300,000 เม็ดที่ซุกซ่อนอยู่ในถังน้ำแข็ง 3 ใบ เหตุเกิดที่ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และเขตประเวศ กทม.ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-2 ให้การปฏิเสธ และนำสืบต่อสู้คดีทำนองว่าเป็นเพียงผู้ดูแลคอยทำความสะอาดบ้านให้จำเลยที่ 3 เท่านั้น ไม่เคยรู้เห็นเกี่ยวกับยาบ้าที่ซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าน ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ โดยตลอดไม่ต่อสู้คดี
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 3 จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 3 ไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 1 และ 2 ให้ยกฟ้อง และริบของกลาง ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
อย่างไรก็ตามวันนี้ เป็นการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้โจทก์ฟัง เนื่องจาก เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2555 ศาลได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาให้จำเลยที่ 3 ฟังแล้วที่เรือนจำกลางเขาบิน จังหวัดราชบุรี ซึ่งศาลฎีกาประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นควรไม่รับฎีกาของจำเลยไว้วินิจฉัย จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 3 ตลอดชีวิต และยกฟ้องจำเลยที่ 1 และ 2