ช่วงนี้กลุ่มคนเสื้อแดง เริ่มมีกิจกรรมความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง นอกจากการยกพวกไปป่วนและทำร้ายกลุ่มประชาชนที่ไปให้กำลังใจครูโรงเรียนนานาชาติที่ต่อว่า ไฮโซ “ดา” เสื้อแดงแล้ว ล่าสุดยังยกขบวนไปกดดันกลุ่มนักวิชาการที่คัดค้านโครงการรับจำนำข้าวที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) อีกด้วย
กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวปลุกระดมอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เคลื่อนไหวหนัก โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังตกอยู่ท่ามกลางกระแสต่อต้าน
จุดยืนของกลุ่มคนเสื้อแดงแสดงออกมาชัดเจนแล้ว ถือหางรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์สุดตัว และพร้อมทำหน้าที่เป็นองครักษ์ปกป้อง ไม่ว่าจะผิดหรือถูกก็ตาม
ใครแสดงความเป็นปรปักษ์ ใครต่อต้านคัดค้านหรือวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานของรัฐบาล คนเสื้อแดงจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทน และมีแนวโน้มที่จะใช้วิธีการเคลื่อนไหวยกขบวนไปกดดันคุกคาม เพื่อสยบฝ่ายตรงข้าม
อำนาจรัฐ กลไกรัฐ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก็แทบจะครอบอย่างเบ็ดเสร็จหมดแล้ว แต่ยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นอาวุธคุกคามประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่มีความเห็นต่างอีก ใครจะทำอะไรรัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้
มวลชนคนเสื้อแดงส่งสัญญาณแล้ว จะทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์ “ปู” อย่างถึงพริกถึงขิง ถึงลูกถึงคน และพร้อมใช้ความรุนแรงสยบฝ่ายตรงข้าม ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วในการปลุกระดมคนเสื้อแดงมาทำร้ายประชาชนที่ไปให้กำลังใจครูโรงเรียนนานาชาติต่อหน้าต่อตาตำรวจที่หน้ากองปราบฯ
รัฐบาลไม่จำเป็นต้องใช้กลไกรัฐมาปราบปรามประชาชนแล้ว เพราะเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอย่างรุนแรงจนกระทบต่อเสถียรภาพ แต่ใช้มวลชนเสื้อแดงออกหน้าแทน และคนเสื้อแดงก็กำลังคึกสุดขีดเสียด้วย จะเคลื่อนไหวไปที่ไหน ได้รับการอำนวยความสะดวกเต็มที่ โดยแทบไม่ต้องกลัวกฎหมายหรือเกรงใคร
รัฐบาลให้ท้ายคนเสื้อแดงหรือไม่ คงไม่ต้องหาคำตอบ เพราะแต่ละครั้งที่คนเสื้อแดงก่อเรื่อง จะมีการแสดงท่าทีปกป้องจากรัฐบาล และแทบไม่มีการดำเนินคดีกับคนเสื้อแดงที่ทำความผิด จนเกิดความได้ใจฮึกเหิมก่อพฤติกรรมก้าวร้าวยิ่งขึ้น
การต่อต้านโครงการรับจำนำข้าวของกลุ่มอาจารย์หลายสถาบันการศึกษา ถือเป็นการแสดงออกด้วยความห่วงใยในความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเงินงบประมาณ และเป็นสิทธิพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ
แต่กลุ่มนักวิชาการที่ไม่ได้มีผลประโยชน์ได้เสียกับโครงการรับจำนำข้าว มีแต่ความกังวลการทุจริตที่เกิดขึ้น ห่วงการนำเงินงบประมาณของประชาชนนับแสนๆ ล้านบาทไปผลาญ และออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวน กลับถูกกลุ่มคนเสื้อแดงบุกไปกดดันคุกคาม
การทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญของกลุ่มนักวิชาการ เพื่อตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล กลับถูกคุกคามจากกลุ่มคนเสื้อแดง
รัฐบาลนางสาวปู คงไม่ดำเนินการกำราบกลุ่มคนเสื้อแดงแน่ เพราะถือเป็นเกราะป้องกันตัว ขณะเดียวกันก็สามารถใช้เป็นอาวุธที่จะทิ่มแทงฝ่ายตรงข้ามได้ และถ้ากลุ่มคนเสื้อแดงไปสร้างความรุนแรงในจุดใด ก็ไม่ต้องรับผิดชอบ
เพราะสามารถอ้างได้ว่า คนเสื้อแดงเป็นเพียงประชาชนกลุ่มหนึ่ง แม้จะจัดตั้งและได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาลก็ตาม
กลุ่มคนเสื้อแดงเป็นฐานมวลชนที่มีความน่าเกรงขาม เพราะนอกจากมีพฤติกรรมความรุนแรงแล้ว ยังได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากกลไกรัฐในการเคลื่อนไหวแต่ละครั้งหรือแต่ละจุด จนทำให้สังคมเกิดความเครียด เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้รวมตัวกัน
แต่ก็ไม่รู้จะแก้ความวุ่นวายที่ถูกจุดชนวนจากคนกลุ่มนี้อย่างไร ในเมื่อเป็นมวลชนที่รัฐบาลให้ท้าย หรือรู้เห็นเป็นใจสนับสนุนอย่างลับๆ
เพียงแค่การตรวจสอบการบริหารงานตามปกติ กลุ่มคนเสื้อแดงก็ถูกปลุกระดมพล่านไปทั่วเมืองแล้ว
ถ้ารัฐบาล “ปู” บริหารงานผิดพลาดล้มเหลว และกำลังนำประเทศไปสู่ความล่มสลายจนต้องซักฟอก ต้องต่อต้านหรือต้องขับไล่กัน กลุ่มคนเสื้อแดงจะลุกขึ้นมาอาละวาดขนาดไหน
การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ประมาณปลายเดือนตุลาคมนี้ คงต้องจับตาความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงอย่างตาไม่กะพริบ
เพราะคนเสื้อแดงไม่อยู่เฉยแน่ และจะมีคนไม่ยอมให้มวลชนกลุ่มนี้อยู่นิ่งๆแน่ แต่จะต้องปลุกขึ้นมาทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์ “ปู” กันอีกยก
ศึกซักฟอกที่ใกล้จะมีขึ้น แทนที่ฝ่ายรัฐบาลจะต้องเตรียมตัวหนัก เพื่อรับมือฝ่ายค้าน แต่ฝ่ายค้านกลับต้องเตรียมตัวหนัก เพื่อรับมือกับมวลชนจัดตั้งของรัฐบาลที่จะตามราวีพรรคประชาธิปัตย์
และคิดไปไกลกว่านั้น ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ทนการบริหารงานของรัฐบาล “ปู” ไม่ไหว ลุกฮือขึ้นมาขับไล่ และกลุ่มคนเสื้อแดงถูกปลุกระดมให้มาเผชิญหน้า อะไรจะเกิดขึ้น
วันนี้อาจยังไม่ต้องตอบ แต่วันหน้าจะต้องตอบ เพราะถ้ารัฐบาล “ปู” จวนตัว จะขนอาวุธสำคัญ ระดมคนเสื้อแดงมาเผชิญหน้ากับประชาชนแน่
ความเคลื่อนไหวคุกคามประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่เกิดขึ้นระยะนี้ เป็นเพียงการซักซ้อมความพร้อมและเติมเต็มความฮึกเหิมให้กลุ่มคนเสื้อแดง ก่อนการเผชิญหน้าขั้นแตกหักเท่านั้น
กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวปลุกระดมอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เคลื่อนไหวหนัก โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังตกอยู่ท่ามกลางกระแสต่อต้าน
จุดยืนของกลุ่มคนเสื้อแดงแสดงออกมาชัดเจนแล้ว ถือหางรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์สุดตัว และพร้อมทำหน้าที่เป็นองครักษ์ปกป้อง ไม่ว่าจะผิดหรือถูกก็ตาม
ใครแสดงความเป็นปรปักษ์ ใครต่อต้านคัดค้านหรือวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานของรัฐบาล คนเสื้อแดงจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทน และมีแนวโน้มที่จะใช้วิธีการเคลื่อนไหวยกขบวนไปกดดันคุกคาม เพื่อสยบฝ่ายตรงข้าม
อำนาจรัฐ กลไกรัฐ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก็แทบจะครอบอย่างเบ็ดเสร็จหมดแล้ว แต่ยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นอาวุธคุกคามประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่มีความเห็นต่างอีก ใครจะทำอะไรรัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้
มวลชนคนเสื้อแดงส่งสัญญาณแล้ว จะทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์ “ปู” อย่างถึงพริกถึงขิง ถึงลูกถึงคน และพร้อมใช้ความรุนแรงสยบฝ่ายตรงข้าม ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วในการปลุกระดมคนเสื้อแดงมาทำร้ายประชาชนที่ไปให้กำลังใจครูโรงเรียนนานาชาติต่อหน้าต่อตาตำรวจที่หน้ากองปราบฯ
รัฐบาลไม่จำเป็นต้องใช้กลไกรัฐมาปราบปรามประชาชนแล้ว เพราะเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอย่างรุนแรงจนกระทบต่อเสถียรภาพ แต่ใช้มวลชนเสื้อแดงออกหน้าแทน และคนเสื้อแดงก็กำลังคึกสุดขีดเสียด้วย จะเคลื่อนไหวไปที่ไหน ได้รับการอำนวยความสะดวกเต็มที่ โดยแทบไม่ต้องกลัวกฎหมายหรือเกรงใคร
รัฐบาลให้ท้ายคนเสื้อแดงหรือไม่ คงไม่ต้องหาคำตอบ เพราะแต่ละครั้งที่คนเสื้อแดงก่อเรื่อง จะมีการแสดงท่าทีปกป้องจากรัฐบาล และแทบไม่มีการดำเนินคดีกับคนเสื้อแดงที่ทำความผิด จนเกิดความได้ใจฮึกเหิมก่อพฤติกรรมก้าวร้าวยิ่งขึ้น
การต่อต้านโครงการรับจำนำข้าวของกลุ่มอาจารย์หลายสถาบันการศึกษา ถือเป็นการแสดงออกด้วยความห่วงใยในความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเงินงบประมาณ และเป็นสิทธิพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ
แต่กลุ่มนักวิชาการที่ไม่ได้มีผลประโยชน์ได้เสียกับโครงการรับจำนำข้าว มีแต่ความกังวลการทุจริตที่เกิดขึ้น ห่วงการนำเงินงบประมาณของประชาชนนับแสนๆ ล้านบาทไปผลาญ และออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวน กลับถูกกลุ่มคนเสื้อแดงบุกไปกดดันคุกคาม
การทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญของกลุ่มนักวิชาการ เพื่อตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล กลับถูกคุกคามจากกลุ่มคนเสื้อแดง
รัฐบาลนางสาวปู คงไม่ดำเนินการกำราบกลุ่มคนเสื้อแดงแน่ เพราะถือเป็นเกราะป้องกันตัว ขณะเดียวกันก็สามารถใช้เป็นอาวุธที่จะทิ่มแทงฝ่ายตรงข้ามได้ และถ้ากลุ่มคนเสื้อแดงไปสร้างความรุนแรงในจุดใด ก็ไม่ต้องรับผิดชอบ
เพราะสามารถอ้างได้ว่า คนเสื้อแดงเป็นเพียงประชาชนกลุ่มหนึ่ง แม้จะจัดตั้งและได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาลก็ตาม
กลุ่มคนเสื้อแดงเป็นฐานมวลชนที่มีความน่าเกรงขาม เพราะนอกจากมีพฤติกรรมความรุนแรงแล้ว ยังได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากกลไกรัฐในการเคลื่อนไหวแต่ละครั้งหรือแต่ละจุด จนทำให้สังคมเกิดความเครียด เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้รวมตัวกัน
แต่ก็ไม่รู้จะแก้ความวุ่นวายที่ถูกจุดชนวนจากคนกลุ่มนี้อย่างไร ในเมื่อเป็นมวลชนที่รัฐบาลให้ท้าย หรือรู้เห็นเป็นใจสนับสนุนอย่างลับๆ
เพียงแค่การตรวจสอบการบริหารงานตามปกติ กลุ่มคนเสื้อแดงก็ถูกปลุกระดมพล่านไปทั่วเมืองแล้ว
ถ้ารัฐบาล “ปู” บริหารงานผิดพลาดล้มเหลว และกำลังนำประเทศไปสู่ความล่มสลายจนต้องซักฟอก ต้องต่อต้านหรือต้องขับไล่กัน กลุ่มคนเสื้อแดงจะลุกขึ้นมาอาละวาดขนาดไหน
การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ประมาณปลายเดือนตุลาคมนี้ คงต้องจับตาความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงอย่างตาไม่กะพริบ
เพราะคนเสื้อแดงไม่อยู่เฉยแน่ และจะมีคนไม่ยอมให้มวลชนกลุ่มนี้อยู่นิ่งๆแน่ แต่จะต้องปลุกขึ้นมาทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์ “ปู” กันอีกยก
ศึกซักฟอกที่ใกล้จะมีขึ้น แทนที่ฝ่ายรัฐบาลจะต้องเตรียมตัวหนัก เพื่อรับมือฝ่ายค้าน แต่ฝ่ายค้านกลับต้องเตรียมตัวหนัก เพื่อรับมือกับมวลชนจัดตั้งของรัฐบาลที่จะตามราวีพรรคประชาธิปัตย์
และคิดไปไกลกว่านั้น ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ทนการบริหารงานของรัฐบาล “ปู” ไม่ไหว ลุกฮือขึ้นมาขับไล่ และกลุ่มคนเสื้อแดงถูกปลุกระดมให้มาเผชิญหน้า อะไรจะเกิดขึ้น
วันนี้อาจยังไม่ต้องตอบ แต่วันหน้าจะต้องตอบ เพราะถ้ารัฐบาล “ปู” จวนตัว จะขนอาวุธสำคัญ ระดมคนเสื้อแดงมาเผชิญหน้ากับประชาชนแน่
ความเคลื่อนไหวคุกคามประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่เกิดขึ้นระยะนี้ เป็นเพียงการซักซ้อมความพร้อมและเติมเต็มความฮึกเหิมให้กลุ่มคนเสื้อแดง ก่อนการเผชิญหน้าขั้นแตกหักเท่านั้น