ASTVผู้จัดการรายวัน - ปชป.โยนบาปพรรคการเมืองคู่แข่งวางยายัดถุงทรายอุดท่อน้ำต้นเหตุน้ำท่วมกทม.หลังฝนตกหนัก "มาร์ค"จี้รัฐบาลเร่งชี้แจงทำความเข้าใจเหตุน้ำทะลักนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ด้านผู้ว่าฯ กทม. กำชับเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมรับมือพายุดีเปรสชั่นที่จะเข้าประเทศไทยในวันที่ 6-7 ต.ค.นี้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ภาคธุรกิจมีความกังวล หลังเกิดเหตุคันดินกั้นน้ำนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังพังว่า รัฐบาลจะต้องเร่งชี้แจงว่ากรณีที่เกิดขึ้นแต่ละจุด เกิดจากอะไร เพื่อจะได้ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในจุดอื่นๆ อีก ซึ่งในส่วนของฝ่ายค้านจะตรวจสอบต่อไปว่า ความบกพร่องเกิดจากอะไร แต่ภาพที่เห็นในขณะนี้มีหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่น่าเป็นห่วง เช่น จ.ชลบุรี ปราจีนบุรี ในขณะที่พื้นที่ที่เคยท่วมบางพื้นที่ ก็ยังประสบปัญหาซ้ำซาก ทั้งที่รัฐบาลเคยพูดหลังจากปีที่แล้วว่า ระบบบริหารจัดการ ระบบเตือนภัยจะชัดเจน ซึ่งฝ่ายค้านก็เรียกร้องว่า ต้องแสดงให้เห็นว่าใช้เงินงบประมาณไปแสนกว่าล้านบาทแล้วผลที่ออกมา คืออะไร แต่ในขณะนี้ก็ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงบริหารจัดการ ขีดความสามารถในการป้องกัน ยกเว้นกรณีที่ไปสร้างกำแพงรอบๆ บางนิคมอุตสาหกรรม ดังนั้นต้องยอมรับว่า ตอนนี้ทั้งภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ยังหวั่นไหวกับสถานการณ์น้ำท่วม จึงไม่ควรปล่อยให้ยืดเยื้อ
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ในพื้นที่กทม. มีการไปยัดถุงทรายแล้วทำให้ท่ออุดตันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนอยากให้ทั้งกทม. และรัฐบาล แสดงออกถึงความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหากันดีกว่า เพราะประชาชนก็ทุกข์พออยู่แล้ว ไม่ควรมาทะเลาะกันทางการเมือง และเห็นว่าการที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย จะไปยื่นเรื่องให้สอบอุโมงค์ยักษ์ และงบประมาณการลอกท่อต่อ ดีเอสไอนั้น คงเป็นเพราะใกล้จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ทั้งที่โครงการต่างๆ ของกทม.นั้น สามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว แต่ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไร ก็ไม่ฟัง เพราะหวังผลในการเลือกตั้ง ดังนั้นนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่รับผิดชอบการบริหารจัดการน้ำ ควรหารือร่วมกับผู้ว่าฯกทม.ในการแก้ไขปัญหา จะเป็นการดีที่สุด
**รัฐบาล-กทม.ยังกัดกันไม่เลิก
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. ออกมาตอบโต้เรื่องกรมราชทัณฑ์ ขุดลอกท่อ แล้วมีภาพข่าวพบ อิฐ หิน และกระสอบทราย ลงไปอุดอยู่ในท่อน้ำเป็นจำนวนมาก โดยระบุว่า อาจมีใครแอบเอาไปซุกไว้ รอสร้างภาพสาดโคลนว่า ผู้ว่าฯกทม. และผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ควรเรียก รองผู้ว่าฯคนนี้ ไปอบรม ปรับสภาพทัศนคติ ให้มองโลกมุมบวก เพราะคนปกติทั่วไปเขาไม่คิดกันอย่างนี้ ไม่มีใครคิดเอาถุงทรายไปอุดท่อ เพื่อสร้างภาพสาดโคลนอะไร บนความเดือดร้อนของประชาชน ถ้าหาเหตุผลที่เป็นวิทยาศาสตร์มาตอบไม่ได้ ก็ควรจะเงียบ ไม่ใช่ออกมาพูดอะไรที่คนปกติเขาไม่คิดทำกัน
"กรณีนี้ใครเป็นพระเอก ใครเป็นผู้ร้าย สังคมเขาตัดสินไปแล้ว การออกมาพูดแบบนี้ นอกจากจะไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ยังเข้าเนื้อตัวเอง ผู้ว่าฯ ที่คะแนนนิยมโคม่าอยู่แล้ว คะแนนยิ่งลดต่ำลงไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ช่วยก็อย่าแกล้งคุณชายเลย วันนี้คนกรุงเทพฯ ถึงขั้นเปรียบเปรยสภาพจิตใจของนักโทษชั้นดีจากกรมราชทัณฑ์ ที่มาขุดลอกท่อว่า น่ายกย่องชมเชยมากกว่าพวกชอบปัดสวะให้ผู้อื่น กล่าวโทษเขาร่ำไป และการที่รัฐบาลมาทำเรื่องนี้ ก็ไม่ได้หวังโจมตีใคร รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลคนทั้งประเทศ ส่วนราชการไหนมีปัญหาก็เข้าไปแก้ไข ไปช่วยทำงานเสริม"
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า คนที่จะลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ในนามพรรคเพื่อไทยนั้น ภายหลังการสัมมนา ส.ส., ส.ก. ,ส.ข. และบุคลากรทางการเมืองของพรรค มีความคืบหน้าไปมาก เรียกว่าเปิดตัวมาเมื่อไรถึงชนะ โดยจะยึดคุณสมบัติ 5 ข้อ ของผู้สมัครคือ 1.เป็นที่รู้จักของประชาชน 2. มีความซื่อสัตย์ 3. มีผลงานการปราบปรามยาเสพติด 4. สามารถดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย แก้ปัญหาอาชญากรรมได้ 5. แก้ไขปัญหาการจราจร ซึ่งคะแนนนิยมจะนำตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่เปิดตัวจนถึงวันประกาศผลการเลือกตั้ง อย่างแน่นอน
**น้ำท่วมปราจีนฯ น้ำยังเพิ่มต่อเนื่อง
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางจุดระดับน้ำสูงถึง 2.40 เมตร ชาวบ้านต้องอพยพไปอยู่ริมถนนทางเข้าบ้านริมน้ำ ต.กบินทร์ อ.กบินทร์บุรี บางส่วนต้องไปพักอยู่ศูนย์พักพิงสวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา แต่ยังมีผู้ประสบภัยจำนวนหนึ่งไม่ยอมอพยพ เนื่องจากเกรงว่ากลุ่มมิจฉาชีพ จะฉวยโอกาสเข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในบ้าน
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำจากคลองล้นตลิ่งเข้าท่วมชุมชนวัดท่ากระดาน บางจุดน้ำท่วมสูง 1.50 เมตร ชาวบ้านต้องขนย้ายสิ่งของไปอาศัยบ้านญาติ หรืออพยพไปอยู่ศาลาวัดชั่วคราว นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังนำเต็นท์ไปตั้งไว้บนสะพานข้ามคลองบางละมุง เพื่อให้ผู้ประสบภัยพักอาศัย
***กำชับเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมรับมือพายุ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีที่กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนว่าในช่วงวันที่ 6-7 ตุลาคมนี้ จะมีพายุดีเปรสชั่นพัดผ่านประเทศไทยทำให้มีฝนตกหนักทั่วทุกภาค ว่า กทม.มีหน้าที่ต้องเตรียมพร้อมในการบริหารจัดการน้ำอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมามีฝนตกปริมาณน้ำประมาณ 850 มิลลิเมตร มากกว่าครึ่งหนึ่งของผลเฉลี่ยต่อปี ซึ่งต้องรับมือให้ได้ แต่ขอให้ประชาชนทราบว่าหากมีปริมาณน้ำฝนตกเกินครั้งละ 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ต้องให้เวลาในการระบายน้ำฝน ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง โดยมีจุดเสี่ยงในพื้นที่กรุงเทพมหานครกว่า 206 จุด และขออภัยอีกครั้ง หากต้องทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และไม่สะดวกในการสัญจรไปมา โดยจะแก้ไขให้รวดเร็วที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ของกทม.ได้ทำงานเต็มที่ และขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ของกทม.ที่ทำงานหนัก เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกคนด้วย
***น้ำท่วม 22 วัน ป่วย 3 หมื่นราย ไม่มีโรคระบาด
วานนี้ (1 ต.ค.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวสรุปการส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการผู้ประสบภัยน้ำท่วมตลอดระยะเวลา 22 วัน ว่า สธ.ส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ทั้งหมด 172 หน่วย จำนวน 195 ครั้ง พบผู้ป่วย 33,474 ราย ส่วนใหญ่ปวดศีรษะ น้ำกัดเท้า และไข้หวัด ไม่มีโรคระบาดใดๆ เกิดขึ้นในพื้นที่น้ำท่วม ทั้งนี้ ได้จัดส่งยาชุดน้ำท่วมไปแล้วกว่า 309,500 ชุด และได้จัดส่งเจ้าหน้าหน้าที่สาธารณสุขจากโรงพยาบาล ร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ออกเยี่ยมบ้านดูแลผู้ป่วยเรื้อรังที่นอนติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เพื่อฟื้นฟูสภาพ ป้องกันโรคแทรกซ้อน รวม 9,528 ราย ส่วนการดูแลด้านจิตใจผู้ประสบภัย ได้ดูแลในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงต่อเกิดปัญหาสุขภาพจิต เช่น ซึมเศร้า เครียด รวมทั้งหมด 6,604 ราย ในจำนวนนี้ มี 38 รายที่ต้องให้การดูแลใกล้ชิดและต่อเนื่อง ขณะนี้เหลือพื้นที่น้ำท่วม 10 จังหวัด
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ พบว่า มีวัดถูกน้ำท่วมกว่า 50 แห่ง ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอสม. ติดตามดูแลสุขภาพในกลุ่มพระภิกษุสงฆ์ เนื่องจากส่วนใหญ่มักมีโรคเรื้อรังประจำตัว ในส่วนสถานบริการสาธารณสุขถูกน้ำท่วม 6 แห่ง อยู่ในจังหวัดปราจีนบุรี ในจำนวนนี้ต้องปิดบริการชั่วคราว ย้ายไปให้บริการบริเวณใกล้เคียง 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)ท่าตูม อำเภอศรีมหาโพธิ และรพ.สต.หาดนางแก้ว อำเภอกบินทร์บุรี อยู่ระหว่างประเมินความเสียหายของตัวอาคารชั้นล่าง แต่เครื่องมือแพทย์ ครุภัณฑ์ต่างๆ ไม่ได้รับความเสียหาย
***กทม.เล็งระบายน้ำออกบางปะกง
นายวสันต์ มีวงษ์ โฆษกกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกทม.เกี่ยวกับความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ในภาพรวมกทม.ได้ล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำไปแล้วร้อยละ 99.5 การขุดลอกคูคลองในพื้นที่ 18 เขตเร่งด่วน จำนวน 644 คลอง ความยาวรวม 988 กิโลเมตร คืบหน้าไปร้อยละ 96.33 ด้านสถานการณ์น้ำในเขื่อนขณะนี้เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำร้อยละ 59 และ 67 ตามลำดับ
ทั้งนี้ ปริมาณน้ำฝนรายเดือนประจำเดือนกันยายน 2555 วัดได้สูงถึง 842.5 มิลลิเมตร ซึ่งหากเทียบกับปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปีที่วัดได้ประมาณ 1,500 มิลลิเมตรแล้ว นับว่าปริมาณน้ำฝนเดือนกันยายนเพียงเดือนเดียวสูงกว่าครึ่งของปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปี จึงส่งผลให้เกิดปัญหาในการระบายน้ำ เนื่องจากระบบระบายน้ำของกทม.รองรับปริมาณน้ำฝนได้ไม่เกิน 60 มิลลิเมตร/ชั่วโมง และใช้เวลาในการระบายน้ำที่ท่วมขังให้กลับสู่สภาวะปกติประมาณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น
นายวสันต์ กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดจากน้ำฝนค้างทุ่งในพื้นที่ปทุมธานีไหลเข้าท่วมในพื้นที่ ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนและได้ประสานขอเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติม เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็ว รวมถึงการพร่องน้ำในคลองเพื่อใช้เป็นแก้มลิง โดยคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) มีแผนที่จะดึงน้ำออกไปทางแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ภาคธุรกิจมีความกังวล หลังเกิดเหตุคันดินกั้นน้ำนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังพังว่า รัฐบาลจะต้องเร่งชี้แจงว่ากรณีที่เกิดขึ้นแต่ละจุด เกิดจากอะไร เพื่อจะได้ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในจุดอื่นๆ อีก ซึ่งในส่วนของฝ่ายค้านจะตรวจสอบต่อไปว่า ความบกพร่องเกิดจากอะไร แต่ภาพที่เห็นในขณะนี้มีหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่น่าเป็นห่วง เช่น จ.ชลบุรี ปราจีนบุรี ในขณะที่พื้นที่ที่เคยท่วมบางพื้นที่ ก็ยังประสบปัญหาซ้ำซาก ทั้งที่รัฐบาลเคยพูดหลังจากปีที่แล้วว่า ระบบบริหารจัดการ ระบบเตือนภัยจะชัดเจน ซึ่งฝ่ายค้านก็เรียกร้องว่า ต้องแสดงให้เห็นว่าใช้เงินงบประมาณไปแสนกว่าล้านบาทแล้วผลที่ออกมา คืออะไร แต่ในขณะนี้ก็ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงบริหารจัดการ ขีดความสามารถในการป้องกัน ยกเว้นกรณีที่ไปสร้างกำแพงรอบๆ บางนิคมอุตสาหกรรม ดังนั้นต้องยอมรับว่า ตอนนี้ทั้งภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ยังหวั่นไหวกับสถานการณ์น้ำท่วม จึงไม่ควรปล่อยให้ยืดเยื้อ
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ในพื้นที่กทม. มีการไปยัดถุงทรายแล้วทำให้ท่ออุดตันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนอยากให้ทั้งกทม. และรัฐบาล แสดงออกถึงความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหากันดีกว่า เพราะประชาชนก็ทุกข์พออยู่แล้ว ไม่ควรมาทะเลาะกันทางการเมือง และเห็นว่าการที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย จะไปยื่นเรื่องให้สอบอุโมงค์ยักษ์ และงบประมาณการลอกท่อต่อ ดีเอสไอนั้น คงเป็นเพราะใกล้จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ทั้งที่โครงการต่างๆ ของกทม.นั้น สามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว แต่ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไร ก็ไม่ฟัง เพราะหวังผลในการเลือกตั้ง ดังนั้นนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่รับผิดชอบการบริหารจัดการน้ำ ควรหารือร่วมกับผู้ว่าฯกทม.ในการแก้ไขปัญหา จะเป็นการดีที่สุด
**รัฐบาล-กทม.ยังกัดกันไม่เลิก
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. ออกมาตอบโต้เรื่องกรมราชทัณฑ์ ขุดลอกท่อ แล้วมีภาพข่าวพบ อิฐ หิน และกระสอบทราย ลงไปอุดอยู่ในท่อน้ำเป็นจำนวนมาก โดยระบุว่า อาจมีใครแอบเอาไปซุกไว้ รอสร้างภาพสาดโคลนว่า ผู้ว่าฯกทม. และผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ควรเรียก รองผู้ว่าฯคนนี้ ไปอบรม ปรับสภาพทัศนคติ ให้มองโลกมุมบวก เพราะคนปกติทั่วไปเขาไม่คิดกันอย่างนี้ ไม่มีใครคิดเอาถุงทรายไปอุดท่อ เพื่อสร้างภาพสาดโคลนอะไร บนความเดือดร้อนของประชาชน ถ้าหาเหตุผลที่เป็นวิทยาศาสตร์มาตอบไม่ได้ ก็ควรจะเงียบ ไม่ใช่ออกมาพูดอะไรที่คนปกติเขาไม่คิดทำกัน
"กรณีนี้ใครเป็นพระเอก ใครเป็นผู้ร้าย สังคมเขาตัดสินไปแล้ว การออกมาพูดแบบนี้ นอกจากจะไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ยังเข้าเนื้อตัวเอง ผู้ว่าฯ ที่คะแนนนิยมโคม่าอยู่แล้ว คะแนนยิ่งลดต่ำลงไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ช่วยก็อย่าแกล้งคุณชายเลย วันนี้คนกรุงเทพฯ ถึงขั้นเปรียบเปรยสภาพจิตใจของนักโทษชั้นดีจากกรมราชทัณฑ์ ที่มาขุดลอกท่อว่า น่ายกย่องชมเชยมากกว่าพวกชอบปัดสวะให้ผู้อื่น กล่าวโทษเขาร่ำไป และการที่รัฐบาลมาทำเรื่องนี้ ก็ไม่ได้หวังโจมตีใคร รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลคนทั้งประเทศ ส่วนราชการไหนมีปัญหาก็เข้าไปแก้ไข ไปช่วยทำงานเสริม"
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า คนที่จะลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ในนามพรรคเพื่อไทยนั้น ภายหลังการสัมมนา ส.ส., ส.ก. ,ส.ข. และบุคลากรทางการเมืองของพรรค มีความคืบหน้าไปมาก เรียกว่าเปิดตัวมาเมื่อไรถึงชนะ โดยจะยึดคุณสมบัติ 5 ข้อ ของผู้สมัครคือ 1.เป็นที่รู้จักของประชาชน 2. มีความซื่อสัตย์ 3. มีผลงานการปราบปรามยาเสพติด 4. สามารถดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย แก้ปัญหาอาชญากรรมได้ 5. แก้ไขปัญหาการจราจร ซึ่งคะแนนนิยมจะนำตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่เปิดตัวจนถึงวันประกาศผลการเลือกตั้ง อย่างแน่นอน
**น้ำท่วมปราจีนฯ น้ำยังเพิ่มต่อเนื่อง
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางจุดระดับน้ำสูงถึง 2.40 เมตร ชาวบ้านต้องอพยพไปอยู่ริมถนนทางเข้าบ้านริมน้ำ ต.กบินทร์ อ.กบินทร์บุรี บางส่วนต้องไปพักอยู่ศูนย์พักพิงสวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา แต่ยังมีผู้ประสบภัยจำนวนหนึ่งไม่ยอมอพยพ เนื่องจากเกรงว่ากลุ่มมิจฉาชีพ จะฉวยโอกาสเข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในบ้าน
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำจากคลองล้นตลิ่งเข้าท่วมชุมชนวัดท่ากระดาน บางจุดน้ำท่วมสูง 1.50 เมตร ชาวบ้านต้องขนย้ายสิ่งของไปอาศัยบ้านญาติ หรืออพยพไปอยู่ศาลาวัดชั่วคราว นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังนำเต็นท์ไปตั้งไว้บนสะพานข้ามคลองบางละมุง เพื่อให้ผู้ประสบภัยพักอาศัย
***กำชับเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมรับมือพายุ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีที่กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนว่าในช่วงวันที่ 6-7 ตุลาคมนี้ จะมีพายุดีเปรสชั่นพัดผ่านประเทศไทยทำให้มีฝนตกหนักทั่วทุกภาค ว่า กทม.มีหน้าที่ต้องเตรียมพร้อมในการบริหารจัดการน้ำอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมามีฝนตกปริมาณน้ำประมาณ 850 มิลลิเมตร มากกว่าครึ่งหนึ่งของผลเฉลี่ยต่อปี ซึ่งต้องรับมือให้ได้ แต่ขอให้ประชาชนทราบว่าหากมีปริมาณน้ำฝนตกเกินครั้งละ 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ต้องให้เวลาในการระบายน้ำฝน ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง โดยมีจุดเสี่ยงในพื้นที่กรุงเทพมหานครกว่า 206 จุด และขออภัยอีกครั้ง หากต้องทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และไม่สะดวกในการสัญจรไปมา โดยจะแก้ไขให้รวดเร็วที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ของกทม.ได้ทำงานเต็มที่ และขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ของกทม.ที่ทำงานหนัก เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกคนด้วย
***น้ำท่วม 22 วัน ป่วย 3 หมื่นราย ไม่มีโรคระบาด
วานนี้ (1 ต.ค.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวสรุปการส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการผู้ประสบภัยน้ำท่วมตลอดระยะเวลา 22 วัน ว่า สธ.ส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ทั้งหมด 172 หน่วย จำนวน 195 ครั้ง พบผู้ป่วย 33,474 ราย ส่วนใหญ่ปวดศีรษะ น้ำกัดเท้า และไข้หวัด ไม่มีโรคระบาดใดๆ เกิดขึ้นในพื้นที่น้ำท่วม ทั้งนี้ ได้จัดส่งยาชุดน้ำท่วมไปแล้วกว่า 309,500 ชุด และได้จัดส่งเจ้าหน้าหน้าที่สาธารณสุขจากโรงพยาบาล ร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ออกเยี่ยมบ้านดูแลผู้ป่วยเรื้อรังที่นอนติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เพื่อฟื้นฟูสภาพ ป้องกันโรคแทรกซ้อน รวม 9,528 ราย ส่วนการดูแลด้านจิตใจผู้ประสบภัย ได้ดูแลในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงต่อเกิดปัญหาสุขภาพจิต เช่น ซึมเศร้า เครียด รวมทั้งหมด 6,604 ราย ในจำนวนนี้ มี 38 รายที่ต้องให้การดูแลใกล้ชิดและต่อเนื่อง ขณะนี้เหลือพื้นที่น้ำท่วม 10 จังหวัด
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ พบว่า มีวัดถูกน้ำท่วมกว่า 50 แห่ง ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอสม. ติดตามดูแลสุขภาพในกลุ่มพระภิกษุสงฆ์ เนื่องจากส่วนใหญ่มักมีโรคเรื้อรังประจำตัว ในส่วนสถานบริการสาธารณสุขถูกน้ำท่วม 6 แห่ง อยู่ในจังหวัดปราจีนบุรี ในจำนวนนี้ต้องปิดบริการชั่วคราว ย้ายไปให้บริการบริเวณใกล้เคียง 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)ท่าตูม อำเภอศรีมหาโพธิ และรพ.สต.หาดนางแก้ว อำเภอกบินทร์บุรี อยู่ระหว่างประเมินความเสียหายของตัวอาคารชั้นล่าง แต่เครื่องมือแพทย์ ครุภัณฑ์ต่างๆ ไม่ได้รับความเสียหาย
***กทม.เล็งระบายน้ำออกบางปะกง
นายวสันต์ มีวงษ์ โฆษกกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกทม.เกี่ยวกับความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ในภาพรวมกทม.ได้ล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำไปแล้วร้อยละ 99.5 การขุดลอกคูคลองในพื้นที่ 18 เขตเร่งด่วน จำนวน 644 คลอง ความยาวรวม 988 กิโลเมตร คืบหน้าไปร้อยละ 96.33 ด้านสถานการณ์น้ำในเขื่อนขณะนี้เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำร้อยละ 59 และ 67 ตามลำดับ
ทั้งนี้ ปริมาณน้ำฝนรายเดือนประจำเดือนกันยายน 2555 วัดได้สูงถึง 842.5 มิลลิเมตร ซึ่งหากเทียบกับปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปีที่วัดได้ประมาณ 1,500 มิลลิเมตรแล้ว นับว่าปริมาณน้ำฝนเดือนกันยายนเพียงเดือนเดียวสูงกว่าครึ่งของปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปี จึงส่งผลให้เกิดปัญหาในการระบายน้ำ เนื่องจากระบบระบายน้ำของกทม.รองรับปริมาณน้ำฝนได้ไม่เกิน 60 มิลลิเมตร/ชั่วโมง และใช้เวลาในการระบายน้ำที่ท่วมขังให้กลับสู่สภาวะปกติประมาณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น
นายวสันต์ กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดจากน้ำฝนค้างทุ่งในพื้นที่ปทุมธานีไหลเข้าท่วมในพื้นที่ ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนและได้ประสานขอเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติม เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็ว รวมถึงการพร่องน้ำในคลองเพื่อใช้เป็นแก้มลิง โดยคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) มีแผนที่จะดึงน้ำออกไปทางแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา